แม่สื่อหวังน่าจะเป็นพยานที่ปู่หลานคู่นี้เตรียมเอาไว้ เพื่อจุดประสงค์ให้เขาต้องรับผิดชอบกับสิ่งที่เกิดขึ้น เป็นไปได้ไหมว่าผู้หญิงตรงหน้าไม่ต้องการแต่งงานกับเขา? ถึงได้ไล่แม่สื่อหวังออกไป
สายตาเคลือบแคลงสงสัยของเซี่ยเจ๋อหยุดนิ่งอยู่ที่เฉียวเหม่ย
“รีบแต่งตัวเร็วเข้า ถ้าไม่รีบเดี๋ยวขึ้นรถไฟเข้าไปในเมืองไม่ทันนะ คุณไม่รีบกลับหรอกเหรอ?” เฉียวเหม่ยอยากไล่เขาออกไปเต็มแก่แล้ว “อีกอย่าง อยู่นี่คุณก็ไม่ได้ช่วยอะไร ฉันเองก็ต้องรีบลุกไปทำงานเหมือนกัน”
ทันทีที่พูดจบเธอก็ยกผ้าห่มขึ้นเตรียมจะลุกขึ้น เผยให้เห็นต้นขาที่เต็มไปด้วยไขมันของเธอ
เซี่ยเจ๋อถอนหายใจ ถอนสายตากลับและเดินออกไป
“ออกไปได้สักที” เฉียวเหม่ยถอนหายใจเบาๆ และรีบสวมเสื้อผ้า
แต่เมื่อเธอเห็นกางเกง ดวงตาของเธอก็เบิกกว้าง
กางเกงขากว้างแบบนั้นมีไว้สำหรับเด็กสาวอายุสิบแปดปีจริงๆ เหรอ? แค่ขากางเกงข้างเดียวก็เพียงพอสำหรับใช้เป็นกระโปรงแล้ว
นี่เธออ้วนแค่ไหนกัน?
โชคดีที่เสื้อผ้าในยุคนี้ตัดเย็บด้วยมือทั้งหมด มิฉะนั้นแม้แต่ห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ในยุคปัจจุบันก็คงไม่มีเสื้อผ้าไซส์เธอ
เฉียวเหม่ยเรียกความทรงจำในอดีตแล้วพบว่าน้ำหนักของเธอพุ่งเกินหนึ่งร้อยเก้าสิบปอนด์แล้ว ในยุคที่เสบียงขาดแคลน หุ่นแบบนี้หาได้ยากไม่เฉพาะในหมู่บ้านชนบทแม้แต่ในเมืองก็ด้วย
(หนึ่งร้อยเก้าสิบปอนด์ประมาณแปดสิบหกกิโล)
เธอเดินไปที่โต๊ะเครื่องแป้งข้างเตียง ถอยหลังไปสองสามก้าวก่อนที่ร่างทั้งหมดของเธอจะสะท้อนในกระจก
ทันใดนั้น ร่างอันใหญ่โตมโหฬารในกระจกก็ทำเอาเฉียวเหม่ยตกอกตกใจยกใหญ่
Oh my god นี่มันหมีชัดๆ !
แขนขาของเธอหนาและมีแต่ไขมัน เนื่องจากเจ้าของร่างเดิมใช้ชีวิตอย่างสมบุกสมบัน ผิวจึงเป็นสีแทน ใบหน้าก็ถูกบีบเข้าหากันด้วยก้อนเนื้อ ผมก็แห้งเหี่ยวหยาบกระด้าง ดูรักรุงรังมาก
แม่เจ้าโว้ย! ขี้เหร่อะไรเบอร์นี้!
ตอนนี้เฉียวเหม่ยน้ำตาแทบไหล เธออยากร้องไห้ให้กับความอัปลักษณ์ของตัวเอง
มีดีแค่เสียงอย่างเดียว นอกนั้น…หมีดำชัดๆ !
เมื่อมองดูใบหน้า ก็เห็นดวงตาสีเข้มดูสดใสและมีชีวิตชีวา แม้ว่าขนตาจะยุ่งเหยิงไปบ้าง แต่ก็ยาวสวยดี
แต่ก็ไม่ได้ช่วยอะไรเลยสักนิด!
ตึง ตึง
เสียงเก็บของดังมาจากนอกห้อง เซี่ยเจ๋อกำลังเก็บข้าวของของตัวเอง
เขาไม่ควรอยู่ที่นาน เฉียวเฉียงเป็นเพื่อนเก่าเพื่อนแก่ของปู่ของเขา และทั้งสองคนมีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกัน ซึ่งเป็นเหตุผลว่าทำไมเขาถึงไม่ปฏิเสธคำเชิญทานอาหารเย็นที่กระตือรือร้นของเฉียวเฉียง เขาไม่คาดหวังว่าสิ่งนี้จะเกิดขึ้น
“ฉันมีภารกิจที่ต้องทำ ดังนั้นจะกลับไปก่อน จะใช้เวลาประมาณหนึ่งเดือน” เซี่ยเจ๋อมองไปยังทิศทางของห้องและพูดว่า “ไว้ฉันทำภารกิจเสร็จแล้วจะกลับมาให้คำตอบเรื่องนี้กับเธอและคุณปู่เฉียว ฉันจะต้องรายงานต่อเบื้องบน…เกี่ยวกับแผนการแต่งงาน”
เมื่อเขาพูดถึงการแต่งงาน น้ำเสียงของเขาค่อนข้างเศร้าหมองเล็กน้อย
ตอนที่เขามาถึงบ้านตระกูลเฉียวเมื่อคืนนี้ก็ค่ำมืดแล้ว ในบ้านไม่มีไฟ ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถมองเห็นเฉียวเหม่ยได้อย่างชัดเจน ทว่าร่างกายที่ใหญ่โต ต้นขาที่หนา ผิวที่หยาบกร้าน…แค่นี้ก็พอจินตนาการออกแล้วว่ารูปร่างหน้าตาเธอเป็นอย่างไร มันค่อนข้างเกินความคาดหมายของเขาพอสมควร ไม่คิดว่าตัวเองจะลงเอยแต่งงานกับคนเช่นนี้
เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องรับผิดชอบ
“อะไรนะ? รายงานเกี่ยวกับการแต่งงาน?” เฉียวเหม่ยไม่เข้าใจ
เธอวิ่งไปที่ประตู เปิดประตูออกเพื่อจะปฏิเสธเขา “ไม่ได้ ไม่ได้…”
อย่างไรก็ตาม หลังจากที่เธออ้าปาก เธอก็เห็นเซี่ยเจ๋อเต็มๆ ตา
สวรรค์!
บนโลกนี้ยังมีผู้ชายที่หน้าตาดีขนาดนี้ด้วยเหรอ?
เขามีคิ้วคมและริมฝีปากบาง แต่งกายด้วยเครื่องแบบทหาร ใบหน้าเกลี้ยงเกลาสะอาดสะอ้าน ดวงตาสีเข้มดูมีเสน่ห์ หล่อประหนึ่งสวรรค์สร้าง
เขาเองก็มองรูปร่างหน้าตาเธอเช่นกัน
ในขณะนั้น เธอกลืนคำพูดทั้งหมดที่ต้องการจะพูดลงท้องไปและยืนนิ่งอยู่กับที่ เธอไม่รู้จะพูดอะไร ได้แต่จ้องไปที่เซี่ยเจ๋ออย่างว่างเปล่า
“ขอเวลาหนึ่งเดือน” เซี่ยเจ๋อเอ่ยก่อนจะหลังกลับและจากไปทันที
เฉียวเหม่ยมองไปที่ด้านหลังของเขาขณะที่เขาเดินจากไป ความคิดเดิมของเธอที่ไม่อยากแต่งงานหายไปในอากาศ เธอไม่สามารถแม้แต่จะอ้าปากปฏิเสธเขา
ไว้ค่อยตัดสินใจทีหลังว่าจะแต่งงานหรือไม่ ถ้าเขากลับมาจริงก็ค่อยคุยกัน เขาอาจจะลืมเรื่องนี้ในอีกไม่กี่วัน ดังนั้นปล่อยไปก่อน
หลังจากที่เซี่ยเจ๋อจากไป ภายในบ้านก็ว่างเปล่า ยกเว้นเฉียวเหม่ยที่นั่งอยู่บนเตียงอย่างเหม่อลอย เธอรู้สึกงุนงงขณะนึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นตั้งแต่ที่เธอทะลุมิติมา