อ๊ะ มึนหัวจัง!
ไม่ใช่แค่หัวเธอเท่านั้น ทั่วทั้งร่างของเธอรู้สึกอ่อนปวกเปียกและอ่อนนุ่มราวกับว่านอนอยู่บนก้อนเมฆ
เฮ้อ บางทีอาจเป็นเพราะนอนไม่พอหรือเปล่านะ อีกทั้งยังเป็นช่วงนั้นของเดือนด้วย นอนอีกหน่อยน่าจะดีขึ้น
เฉียวเหม่ยปลอบใจตัวเองและหลับตาลงอีกครั้ง
แต่วินาทีถัดมานั้น…
ไม่ เดี๋ยวก่อน ทำไมมีคนนอนอยู่ข้างฉันล่ะ?
เธอลืมตาขึ้นอีกครั้ง สูดลมหายใจเข้าลึกๆ ขณะที่ขยับร่างกายก็พบว่าตัวเองอยู่ในอ้อมแขนของใครบางคน
แขนที่แข็งแรงของผู้ชายสอดเข้ามาใต้ร่างของเธอและกอดเธอไว้แน่น ในความเงียบ เธอแทบจะได้ยินเสียงหัวใจเต้นเป็นจังหวะ
ตึก ตึก ตึก
เฉียวเหม่ยที่นอนคนเดียวมามากกว่ายี่สิบปีเคยถูกนอดกอดแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน
คลื่นความรู้สึกขนาดใหญ่พุ่งขึ้นในใจของเฉียวเหม่ย การหายใจของเธอก็ถี่ขึ้นเรื่อยๆ พยายามอย่างสุดความสามารถที่จะลืมตาและมองไปรอบๆ แต่สิ่งที่มองเห็นมีเพียงความมืด
เมื่อสายตาปรับเข้ากับความมืดได้ ก็พอมองเห็นอะไรได้บ้างเลาๆ
มันเป็นห้องแบบเก่าที่มีพื้นเป็นดินและมีโต๊ะตั้งอยู่ตรงกลางห้อง ข้างหน้าต่างมีโต๊ะเครื่องแป้งสีซีดจางพร้อมกระจกบานใหญ่
เฉียวเหม่ยขมวดคิ้วและมองไปยังคนที่นอนข้างเธอ
ใบหน้าของเขาถูกปกคลุมด้วยผมที่พันกันยุ่งเหยิง มีเพียงครึ่งล่างของใบหน้าเท่านั้นที่เผยให้เห็นอย่างคลุมเครือ อย่างไรก็ตาม สันกรามของเขานั้นสมบูรณ์แบบและโครงหน้าของเขาก็เปล่งประกายราวกับหยกที่ผ่านการเจียระไนมาอย่างดีภายใต้แสงจันทร์
ชายหนุ่มรูปงาม!
เกิดอะไรขึ้น?
คนๆ นี้เป็นใคร?
ฉันฝันอยู่เหรอ? ฝันเปียกอยู่ใช่ไหม! ต้องใช่แน่ๆ เลย
เมื่อเฉียวเหม่ยนึกถึงสิ่งนี้ ใบหน้าของเธอก็แดงไปหมด แม้จะฝันอยู่ แต่มันก็น่าอายเกินไปนี่นา
ใครจะคิดว่าหลังจากอยู่คนเดียวมากว่ายี่สิบปี ฝันเปียกครั้งแรกของฉันจะเป็นชายหนุ่มรูปงาม นี่คือการตอบแทนจากสวรรค์งั้นหรือ?
ถ้าอย่างนั้นฉันจะทำอะไรก็ได้น่ะสิ ใช่ไหมนะ?
เฉียวเหม่ยเอื้อมมือไปสัมผัสกล้ามเนื้อหน้าอกของชายตรงหน้า ความหนักแน่นที่รู้สึกได้ภายใต้มือของเธอแทบจะทำให้เธอหัวเราะออกมาดัง ๆ เธอสัมผัสได้ถึงการเต้นของหัวใจที่มั่นคงและแข็งแรงของเขา และลมหายใจที่เต็มไปด้วยฮอร์โมนเทสโทสเตอโรนที่แผ่ซ่านออกมาทำให้เธอหน้าแดง
แม่เจ้าโว้ย หุ่นดีจัง!
ชายหนุ่มรูปงามรู้สึกถึงสัมผัสที่หน้าอกของตัวเอง จึงส่งเสียงคำรามเบาๆ อย่างพึงพอใจ
เสียงของเขาทุ้มต่ำและแหบพร่า
แท้จริงแล้วสวรรค์ยังคงเมตตาเธออยู่ แม้แต่เสียงของเขาก็ยังถูกใจเธอ เป็นความฝันที่ดีอะไรขนาดนี้
“ไม่อยากตื่นเลย อยากตกอยู่ในความฝันนี้ตลอดไปจัง”
เฉียวเหม่ยอดไม่ได้ที่จะส่งเสียงร้องเบาๆ อย่างไรก็ตาม เธอรู้สึกประหลาดใจทันทีที่ได้ยินเสียงของตัวเอง
เกิดอะไรขึ้น? แม้แต่เสียงของฉันก็เปลี่ยนไปในความฝันงั้นเหรอ? เสียงนี้ค่อนข้างนุ่มนวลและมีเสน่ห์มาก แต่ละประโยคที่เอื้อนเอ่ยออกมาก็ไพเราะจับใจ จนแม้แต่จิ้งจอกที่โด่งดังที่สุดในประวัติศาสตร์ก็ไม่อาจสู้เสียงนี้ได้
เสียงนี้… เย้ายวนเกินไป!
ถ้ามีเสียงนี้ในชีวิตจริงก็ดีน่ะสิ
ขณะที่เธอนึกในใจอยู่นั้น ผู้ชายที่นอนข้างตัวที่เอามือล็อกรอบตัวเธอ ดูเหมือนเขาจะตื่นขึ้นมาและกำลังเคว้งคว้างด้วยความงุนงง
เฉียวเหม่ยเหยียดแขนออกและดึงเขาเข้าสู่อ้อมกอดของเธอ
เอ๋?
ดูเหมือนเขาจะไม่พอใจเล็กน้อย หลังจากดิ้นรนสองสามที ก็ปล่อยให้เฉียวเหม่ยทำทุกอย่างที่เธอต้องการ
ในที่สุดทั้งคู่ก็หมดแรงหลับไปบนเตียง
แสงจากข้างนอกส่องผ่านรอยร้าวของประตูเข้ามายังใบหน้าของเฉียวเหม่ย
เธอปรือเปลือกตาเปิดขึ้นเล็กน้อย ความทรงจำที่กระจัดกระจายบางส่วนก็พุ่งเข้ามาในสมองของเธอราวกับแสงสว่าง ภาพเหตุการณ์ต่าง ๆ แวบผ่านตาราวกับว่าเธอได้ประสบกับมันด้วยตัวเอง
อ๊ะ หัวฉัน เจ็บจัง!
หลังจากที่เฉียวเหม่ยแยกแยะความทรงจำออกแล้ว เธอก็ตระหนักว่าเธอได้ทะลุมิติมาอยู่ในยุคปี 83
ชื่อของเจ้าของร่างเดิมคือเฉียวเหม่ยเช่นกัน พ่อแม่ของเธอเสียชีวิตตั้งแต่เธอยังเด็ก และเธออาศัยอยู่กับปู่ตั้งแต่นั้นมา
ปู่สงสารที่เธอเป็นเด็กกำพร้าจึงเอ็นดูเธอตั้งแต่เธอยังเล็กๆ จนเธอค่อยๆ นิสัยเสีย ตั้งแต่เล็กเธอเป็นคนเจ้าเล่ห์ โลภ และเกียจคร้าน อ้วนจนเหมือนลูกบอล กอปรกับผิวที่คล้ำ เธอจึงดูเหมือนก้อนถ่านหินสีดำ เมื่อถึงวัยที่จะแต่งงานก็ไม่มีใครเต็มใจที่จะพูดคุยกับเธอเกี่ยวกับการจับคู่
วันแล้ววันเล่าผ่านไป ปู่ก็เริ่มก็เริ่มเป็นกังวล
ขณะที่ชายชรากำลังกลุ้มใจอยู่ในบ้านก็บังเอิญเห็นชายหนุ่มหน้าตาดีเดินผ่านประตูหน้าบ้านไป ดวงตาของชายชราเป็นประกายและแอบตัดสินใจหาวิธีให้หลานสาวแต่งงานกับชายหนุ่มคนนี้ให้ได้
เฉียวเหม่ยยิ่งอายมากขึ้นไปอีก หลังจากพบว่าชายหนุ่มคนนี้เป็นหลานชายเพื่อนเก่าเพื่อนแก่ของคุณปู่ของเธอ
ในที่สุดทั้งสองคนก็ได้ลงเอยกัน
หลังจากดื่มไปหลายแก้ว ชายหนุ่มก็ฟุบหน้าลงกับโต๊ะ เฉียวเหม่ยใช้ประโยชน์จากคนเมาและบังคับตัวเองกับเขา...
เช้าวันต่อมา ชายหนุ่มไม่ปฏิเสธที่จะรับผิดชอบต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และไปจดทะเบียนสมรสกับเฉียวเหม่ยทันที
แต่หลังจากนั้นเฉียวเหม่ยก็ไม่เคยเห็นเขาอีกเลย เธอได้รับเงินจำนวนหนึ่ง แต่เขาไม่เคยกลับมา หลังจากผ่านไปสิบเดือน เธอก็ให้กำเนิดลูกแฝด เป็นเด็กชายและเด็กหญิง
แล้วหลังจากนั้นปู่ของเธอก็ถึงแก่กรรม
เมื่อไม่มีปู่แล้ว เฉียวเหม่ยจึงต้องทำทุกอย่างด้วยตัวเอง ทั้งยังต้องดูแลลูกอีกสองคน ความโกรธที่เก็บไว้ในใจถูกจุดขึ้นอย่างง่ายดาย เธออิจฉาเฉียวอี้ ลูกพี่ลูกน้องที่หน้าตางดงามและยังมีหุ่นผอมบาง
ในสายตาของเธอ เฉียวอี้คือคนที่ทำให้เธอดูน่าเกลียดเมื่อนำทั้งสองมาเปรียบเทียบกัน
วันหนึ่งขณะที่เธอจงใจผลักเฉียวอี้ เธอก็ดันลื่นไถลลงมาตามทางลาดชัน ศีรษะของเธอกระแทกเข้ากับก้อนหินและเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ
“อูย…”
เฉียวเหม่ยหายใจออกแรงๆ และดวงตาของเธอหรี่ลง
การทะลุมิติมีอยู่จริงๆ เหรอ ทำไมมันถึงเกิดขึ้นกับเธอล่ะ? แล้วทำไมเธอถึงต้องมาอยู่ในร่างของคนที่ทั้งอ้วนทั้งดำแบบนี้ด้วยเล่า!?
แสดงว่าเธอทะลุมิติมาตั้งแต่เมื่อคืนแล้วใช่ไหม?
การมีอะไรกับหนุ่มรูปงามมันก็น่าดีใจอยู่หรอก แต่เมื่อทุกอย่างกลายเป็นเรื่องจริง มันกลายเป็นเรื่องน่ากลัวมากกว่าน่ะสิ
เมื่อคืนฉันทำให้เขาต้องมีอะไรด้วย และเขาก็หน้าตาดีขนาดนั้น เขาคงไม่ฆ่าฉันหรอกใช่ไหมถ้าตื่นขึ้นมาแล้ว?
เมื่อคิดถึงจุดนี้ เฉียวเหม่ยก็น้ำตาไหล ความเสียใจของเธอนั้นเป็นเรื่องจริงเสียจนแม้แต่ร่างกายบึกบึนที่นอนอยู่ข้างๆ ก็ไม่สามารถดึงดูดใจเธออีกต่อไป
โอ้สวรรค์! โปรดช่วยลูกด้วย!
เฉียวเหม่ยหันกลับมา ไม่กล้ามองคนที่นอนอยู่ข้างๆ เนื้อบนใบหน้าของเธอสั่นไหวไปตามการเคลื่อนไหว และไหล่กลมๆ ของเธอสั่นสองสามครั้งโดยไม่ตั้งใจ
“เสี่ยวเหม่ย เสี่ยวเหม่ย ลุกขึ้นเร็วเข้า ป้าหวังมาแล้ว” จู่ๆ ก็มีเสียงสูงวัยดังมาจากนอกประตู พร้อมกับเสียงเคาะไม้เท้าที่คมชัด
เฉียวเฉียงพาแม่สื่อหวังเข้ามา
แม่สื่อหวังเม้มริมฝีปาก สำรวจสภาพของเฉียวเหม่ย
ใครจะอยากแต่งงานกับผู้หญิงตระกูลเฉียวคนนี้ แม้ว่าพวกเขาจะไม่ต้องการของหมั้นก็ตามเถอะ ด้วยใบหน้าที่ดำคล้ำและร่างกายที่อ้วนท้วนนั้น ทั้งยังหอบเหมือนวัวหลังจากเคลื่อนไหวแค่ไม่กี่ครั้ง ใครจะอยากแต่งงานกับคนพรรค์นี้?
แม้แต่คนพิการที่อาศัยอยู่ท้ายหมู่บ้านก็ยังส่ายหน้า
อย่างไรก็ตาม เฉียวเฉียงได้เชิญนางครั้งแล้วครั้งเล่ารวมทั้งยังส่งข้าวและบะหมี่ให้นางทุกสองสามวัน มันคงดูไม่เหมาะสมเท่าไหร่หากนางยังไม่ยอมมาเป็นแม่สื่อให้สักที แม่สื่อหวังถอนหายใจ เมื่อถึงเวลานั้น นางค่อยหาชายสูงวัยมาให้พวกเขาเลือกก็แล้วกัน
เฉียวเหม่ยซึ่งอยู่ในห้องก็ลุกขึ้นทันทีเมื่อได้ยินเสียงกุกกักจากข้างนอก หลังจากรู้เรื่องทั้งหมดแล้ว เธอจึงรู้ว่าตอนนี้เธอตกอยู่ในสถานการณ์ที่เลวร้ายเพียงใด!