เธอไม่ได้รักเขา แต่หลังจากรู้ว่าผู้หญิงที่เขากำลังจะแต่งงานด้วยนั้นเป็นศัตรูคู่แค้น เธอจึงตัดสินใจเข้าหาเขา ทำให้เขาสับสน มึนงง พัวพันเขาด้วยวิธีต่างๆ นานา
เธอไม่ได้รักเขา แต่หลังจากรู้ว่าผู้หญิงที่เขากำลังจะแต่งงานด้วยนั้นเป็นศัตรูคู่แค้น เธอจึงตัดสินใจเข้าหาเขา ทำให้เขาสับสน มึนงง พัวพันเขาด้วยวิธีต่างๆ นานา
“ไง ถึงกับเงียบไปเลยเหรอ” เห็นเธอเงียบไป เขาก็ไม่วายพูดจาเยาะเย้ยอีกครั้ง “อย่าคิดมากสิ คิดจริงๆ เหรอว่าอุบายหลอกเด็กแบบนี้จะหลอกผมได้”
เธอเงยหน้าขึ้นทันทีและพูดโดยที่สีหน้าไม่เปลี่ยน “เว่ยเหลียนเหิง ถ้าคุณคิดว่านี่เป็นเพียงกลอุบายหลอกเด็ก ฉันก็ไม่มีอะไรจะพูดแล้ว วัตถุดิบอาหารที่ติดเชื้อโรคขึ้นเรือสำราญของคุณไปแล้ว พรุ่งนี้ก็รอดูข่าวได้เลย”
เธอมองนาฬิกาอีกครั้ง “ตอนนี้ก็สี่ทุ่มแล้ว คุณมีเวลาไม่เกินห้าถึงหกชั่วโมงในการแก้ไขปัญหา หากคุณคิดจะส่งวัตถุดิบอาหารคืนทั้งหมดด้วยเหตุผลด้านความปลอดภัย นักท่องเที่ยวนับหมื่นหรือแม้แต่หลายแสนคนก็จะติดอยู่ที่ท่าเรือหลายแห่ง การเดินทางของพวกเขาก็จะล่าช้าออกไปมาก ในอนาคตใครจะอยากมาใช้บริการล่องเรือสำราญของคุณกัน”
ใบหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นซีดขาว
บางทีในตอนนี้เขาอาจตระหนักได้แล้วว่าปัญหานี้ร้ายแรงเพียงใด และคงเข้าใจแล้วว่าทำไมเธอถึงหน้าด้านมาขู่เขาถึงบ้าน
เขาไม่ได้ดูโกรธเหมือนอย่างในตอนแรกแล้ว ทำท่าครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพูดสองสามคำด้วยเสียงแผ่วเบา “คุณชนะแล้ว”
เว่ยเหลียนเหิงรู้เสมอว่าตัวเองต้องการอะไร เมื่อเข้าใจคีย์หลักของปัญหาแล้ว เขาจะแก้ปัญหาโดยใช้เวลาให้น้อยที่สุดเสมอ ดังนั้นเขาจึงไม่เสียเวลาต่อรองและบอกว่าจัดการยกเลิกงานแต่งทันที
และเธอเองก็ไม่ได้ผิดสัญญาโดยการเปิดเผยรายละเอียด ‘เหตุการณ์โรคระบาดในไก่’ ที่จ้าวชิงบอก หลังจากที่ทราบรายละเลียดแล้ว เขาไม่แม้แต่จะตรวจสอบความถูกต้องด้วยซ้ำ บินไปที่ท่าเรือต่างประเทศในชั่วข้ามคืนเพี่อแก้ไขปัญหาด้วยตัวเอง
เมื่อคิดๆ ดูแล้ว ไป๋เซินเซินก็คิดว่าตัวเองค่อนข้างใจร้ายเหมือนกัน จ้าวชิงอุตสาห์แบ่งปันข้อมูลนี้โดยหวังให้เธอคิดหาวิธีช่วย แต่เธอกลับเอาข้อมูลนี้เป็นเบี้ยต่อรองเพื่อแบล็กเมล์เว่ยเหลียงเหิงเพื่อประโยชน์ของตัวเอง อย่างไรก็ตามจ้าวชิงได้ทำพลาดไปแล้ว ถูกไล่ออกยังดีกว่าติดคุกเป็นร้อยเท่า
ด้วยเหตุนี้งานแต่งงานของเว่ยเหลียนเหิงและตู้หนานซีจึงไม่เกิดขึ้นตามกำหนดเดิม
แม้ไม่รู้ว่าเขาจะยังยืนกรานที่จะแต่งงานกับตู้หนานซีต่อไปหรือไม่หลังจากเหตุการณ์นี้จบลง แต่อย่างน้อยเธอก็ได้รับชัยชนะบนถนนแห่งการ 'แก้แค้น' ตระกูลตู้
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็วและเป็นวันหยุดสุดสัปดาห์อีกครั้ง ไป๋ซวน ลูกพี่ลูกน้องของไป๋เซินเซินก็โทรมาชวนทานข้าวเย็นด้วยกัน ไป๋ซวนทำงานเป็นแอร์โฮสเตสให้กับสายการบินภายในประเทศแห่งหนึ่ง หล่อนมักจะบินไปบินมา ไม่ค่อยมีเวลาว่าง ยามใดที่หล่อนเอ่ยปากชวน ต่อให้ยุ่งแค่ไหน ไป๋เซินเซินก็ต้องหาเวลาปลีกตัวไปให้ได้
ดังที่ได้กล่าวไว้ก่อนหน้านี้ ไป๋ซวนเป็นลูกสาวคนเดียวของคุณลุง หลังจากที่ไป๋เซินเซินออกมาจากตระกูลตู้ ก็ได้รับการอุปการะจากคุณลุงคุณป้า เธอเติบโตมากับไป๋ซวนซึ่งมีอายุน้อยกว่าสี่ปี ทั้งสองคนนอนเตียงเดียวกันตั้งแต่เด็กและความสัมพันธ์ก็แน่นแฟ้นดีมาก
เพื่อเป็นการตอบแทนบุญลุงกับป้าที่ดูแลเธอมาตลอดหลายปีที่ผ่านมา หลังจากเรียนจบมหาวิทยาลัยและสามารถหาเงินได้เองแล้ว เธอเสนอตัวเองช่วยออกค่าเล่าเรียนในมหาวิทยาลัยของไป๋ซวน ความฝันของไป๋ซวนคือการเป็นแอร์โฮสเตสมาโดยตลอด เธอจึงขอให้เพื่อนช่วยให้ไป๋ซวนผ่านการสัมภาษณ์และได้เป็นแอร์โฮสเตสสมใจฝัน
เรานัดเจอกันที่ร้านอาหารตะวันตกในห้างสรรพสินค้า
“ซวนซวน อยากกินอะไรสั่งตามสบายเลยนะ พี่เลี้ยงเอง” ไป๋เซินเซินวางเมนูอาหารตรงหน้าไป๋ซวน
“เฮ้อออ....ในที่สุดฉันก็มีเวลาว่างได้อยู่กับพี่สักที มื้อนี้ต้องกินอะไรดีๆ หน่อยแล้ว” ไป๋ซวนหัวเราะเหมือนเด็ก “ยังไงซะพี่สาวของฉันก็รวยอยู่แล้ว ฉันจะกินให้เต็มที่เลย!”
“เธอน่ะผอมอย่างกับกระดาษ แถมเอาแต่พูดเรื่องลดน้ำหนักทุกวัน พี่จะรอดูว่าเธอจะกินได้เท่าไหร่”
หลังจากสั่งอาหารพร้อมกับพูดคุยอย่างเป็นกันเอง ไป๋ซวนก็เติมน้ำมะนาวลงในแก้วของไป๋เซินเซินแล้วเอ่ยถามว่า “พี่คะ ทำไมวันนี้ดูอารมณ์ดีจัง มีเรื่องอะไรดีๆ เกิดขึ้นเหรอ เล่าให้ฟังหน่อยได้ไหม”
“ยายมนุษย์ป้านั่นตายแล้ว เป็นเรื่องที่น่ายินดีพอไหม”