ว่าด้วยเรื่องของ'ไฟฟ้า'ผู้ชายหน้าใสที่นำพาความวุ่ยวายมาให้'ภูผา'นายหัวที่มีนิสัยขี้รำคาญ แถมยังไปท้าทายด้วยการตามตื้อจนอีกฝ่ายไล่ก็ยังไม่ไป จนกว่าเขาจะพิชิตใจนายหัวคนเย็นชามาได้
ว่าด้วยเรื่องของ'ไฟฟ้า'ผู้ชายหน้าใสที่นำพาความวุ่ยวายมาให้'ภูผา'นายหัวที่มีนิสัยขี้รำคาญ แถมยังไปท้าทายด้วยการตามตื้อจนอีกฝ่ายไล่ก็ยังไม่ไป จนกว่าเขาจะพิชิตใจนายหัวคนเย็นชามาได้
ตอนที่ 3 อ่อนไหว
...สำนักงาน...
ภูผาหันมองกลุ่มคนที่เตะบอลอย่างสนุกสนานอยู่ที่ชายหาด สายตาจับจ้องไปที่ไฟฟ้ากำลังวิ่งตามลูกบอลท่อนบนอวดหน้าอกขาวสะอาดไล่สายตาลงมาปะทะกับเอวเล็กๆ ที่เขาเคยได้สัมผัส ฉับพลันภูผาก็ต้องส่ายหัวแรงๆ เมื่อรู้สึกว่าเผลอจ้องไฟฟ้านานเกินไป แบบที่ตัวเองก็ไม่เข้าใจ
ขณะที่เขากำลังนั่งทำงานอย่างต้องการสมาธิ พลันก็ได้ยินเสียงบางอย่างดังมาจากบริเวณโต๊ะทำงานของไฟฟ้าและมิ้ง เขาค่อยๆ ย่องไปตามเสียงนั้น แต่กลับไม่พบสิ่งผิดปกใดๆ จนคิดว่าอาจจะหูแววไปเอง แต่เมื่อเดินกลับมาห้องทำงานของตัวเอง ก็พบไฟฟ้าที่กำลังยืนมองซ้ายมองขวาหาอะไรบางอย่างอยู่ จนกระทั่งหันมาเจอเขาเข้าพอดี
“เอ้าคุณ ผมก็มองหาตั้งนาน นึกว่ากลับไปแล้วซะอีก”
“…” ภูผามองคนตรงหน้าที่ร่างกายเปียกชื้นเหงื่อจากการเล่นกีฬาอย่างสำรวจ
“....นี่ครับผมเอาอาหารมาให้ พอดีมองมาแล้วเห็นไฟเปิดอยู่อะ” ไฟฟ้าพูดพร้อมกับชูถุงกับข้าวในมือ รู้สึกประหม่าเมื่อเจอสายตาจับผิดจากภูผา
“ตอนเข้ามาคุณเห็นใครบ้างไหม” ภูผาเดินเข้ามาใกล้ สายตายังคงจับจ้องไปที่ไฟฟ้านิ่ง
“เห็นสิ”
“ใคร!”
“ก็คุณไง... นายหัว ทำไมเหรอ”
“ช่างมันเถอะ” ภูผาได้แต่ลอบถอนหายใจในคำตอบของไฟฟ้า ไม่รู้ว่าตั้งใจหรือแกล้งไม่เข้าใจความหมายในคำถามของเขากันแน่
“งั้นเดี๋ยวผมไปจานมาใส่อาหารก่อนนะ”
“ไม่ต้องหรอก คุณเอาไปกินเองเถอะ”
“คุณนี่เป็นโรคอะไรหะ! ชอบปฏิเสธผมจังรังเกียจผมมากเหรอ!”
“…”
“แล้วอาหารเนี่ย ผมแบ่งมาจากพี่ช่างผู้รับเหมาที่เขาตั้งวงกันอยู่ริมหาด ไม่ต้องกลัวหรอกว่ากินไม่ได้ ผมไม่ได้เป็นคนทำ จะกินก็เอาจานมาเทเองแล้วกัน ผมเอาไว้ตรงนี้แหละ” ไฟฟ้าพูดรัวจนแผ่นอกเปลือยเปล่าสะท้อนขึ้นลงตามจังหวะการพูด ไม่มีช่องว่างให้ภูผาแทรกได้ เมื่อพ่นคำพูดที่กักเก็บในใจออกมาจนหมดก็เดินกระทืบเท้ากลับออกไปอย่างรวดเร็ว
“…” ภูผาก้มดูอาหารในถุง มันเยอะเกินที่คนเดียวกินหมด และเขาก็แน่ใจทันทีเมื่อเห็นข้าวสวยร้อนๆ สองถุงใหญ่ในนั้น ก่อนจะมองตามคนที่พึ่งพ้นประตูไป อยู่ๆ หัวใจภูผาก็กระตุกขึ้นมาอย่างที่เขาก็ไม่เข้าใจตัวเอง
..........
ก๊อกๆ
ใครวะ!
“ใครครับ?” ไฟฟ้าส่งเสียงออกไปทำขณะที่กำลังใส่เสื้อผ้าที่พึ่งถอดออกเพื่อจะอาบน้ำกลับเข้าไปคืน แล้วเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้นอีกครั้ง เร่งเร้าจนเผลอสวมเสื้อกลับด้าน
แอ๊ด…
“เอ้าคุณนั่นเอง เป็นใบ้เหรอผมถามว่าใครก็ไม่ยอมตอบเคาะอยู่นั่นแหละ ดูสิใส่เสื้อผิดเลย” ภูผาจับจ้องไปที่ไฟฟ้าพูดพร้อมกับถอดเสื้อออกมากลับด้านแล้วใส่กลับเข้าไปใหม่ ไม่รู้เหมือนกันว่าเขาเห็นร่างกายนี้กี่ครั้งแล้ว แต่ที่รู้เขาสามารถมองร่างกายของไฟฟ้าแบบนี้โดยไม่รู้สึกเบื่อเลย
“นี่นายหัวจะมาเพื่อแค่ยืนดูผมเปลี่ยนเสื้อเหรอครับ”
ภูผาขมวดคิ้วให้คำถามที่ตั้งใจยอกย้อนเขาก่อนจะส่ายหัวแบบไม่ยี่หระแล้วใช้ตัวเองดันไฟฟ้าเข้าห้องเบี่ยงตัวไปหยิบจานมาเทอาหารแล้วนั่งลง
“กินสิ” น้ำเสียงทุ้มเอ่ยออกมาแฝงด้วยคำสั่ง แต่ไฟฟ้ายังคงยืนนิ่ง
"คุณยอมกินแล้วเหรอ"ไฟฟ้าถามขณะที่ภูผาเริ่มลงมือกินอาหารตรงหน้า
“...”ไฟฟ้าเห็นสายตาที่ภูผาส่งมาบอกว่า เห็นซักผ้าอยู่หรือไงถึงถามไม่คิดแบบนั้น ทิ้งตัวลงข้างๆ กันอย่างหมั่นไส้แล้วเริ่มลงมือตักอาหารเข้าปากเช่นกัน
“คุณนี่นะเคยพูดดีดีกับคนอื่นเขาเป็นบ้างไหม หรือคิดว่าเป็นนายหัวจะทำอะไรก็ได้ คนอื่นเขาจะพากันเกลียดคุณไปหมดรู้ตัวบ้างไหม”
“กินข้าวอย่าคุย!” แม้น้ำเสียงของภูผาจะน่าเกรงกลัวเพียงใด แต่ไฟฟ้ากลับทำหูทวนลมและคุยต่อไปเหมือนกับเป็นเรื่องปกติ
“นี่คุณรู้ไหมถ้าคุณไม่มาง้อผมนะ อาบน้ำเสร็จผมกะว่าจะต้มมาม่ากินก่อนนอน”
“อย่าหลงตัวเอง ผมไม่ได้ง้อคุณ”
สำหรับไฟฟ้าการทำให้ภูผากินอาหารด้วยกัน ถือว่าได้พัฒนาไปอีกขั้น ถึงแม้ครั้งแรกบรรยากาศออกจะอึมครึมเหมือนฝนจะตกพายุจะเข้าก็ตาม แต่ก็ถือว่า...ใช้ได้แหละ
..........
“มิ้ง! มิ้ง!จะออกไปไซต์เหรอ”
“ครับ คุณไฟมีอะไรหรือเปล่า?”
“คือแปลนที่วางบนโต๊ะผมอะ ตัวแก้ไขที่ผมให้เมฆกับคุณภูผาดูเมื่อวานอะ เมฆเห็นไหม ได้เอาไปหรือเปล่า วันนี้จะเอาไปคุยกับผู้รับเหมาแต่ผมหาไม่เจอ”
“ผมไม่ได้เอาไปนะครับ เมื่อวานเห็นคุณไฟวางไว้โต๊ะทับแปลนตัวเก่า คุณไฟหาดีแล้วรึยังครับ”
“ผมหาทั่วแล้ว หาหลายรอบมาก ทำยังไงดีผมไม่อยากต้องนั่งเขียนใหม่”
ไฟฟ้าตามหาแปลนที่เขาทุ่มเทเวลาในการเขียนแก้แปลนใหม่อย่างอดทน ทว่าหาอย่างไรก็ไม่พบ ถามใครก็บอกไม่รู้ไม่เห็น เหลือเพียงภูผาคนเดียวที่เขายังไม่ได้ถาม เป็นไปได้ว่าภูผาอาจจะเกลียดเขาจึงแกล้งเอาแปลนเขาไปซ่อนเหมือนอย่างในละคร
ทว่าในใจลึกๆ ของไฟฟ้ากลับไม่เชื่อว่าคนอย่างภูผาจะทำเช่นนั้น แม้รู้จักกันเพียงไม่นานก็ตาม และยิ่งตอกย้ำความมั่นใจของไฟฟ้ามากยิ่งขึ้นเมื่อภูผาปฏิเสธว่าไม่ได้แตะต้องแปลนของเขาเลย แถมยังโดนตำหนิกลับมาเรื่องไม่ความรอบคอบในการทำงาน ทำเอาไฟฟ้าหน้างอเข้าไปใหญ่แต่เขาก็ลูกผู้ชายพอที่จะยอมรับผิดพลาดของตัวเอง ในเมื่อแปลนมันหายไปแล้วก็ไม่มีประโยชน์ที่เสียเวลาไปตามหามันอีกในเมื่อหาไม่เจอแล้ว ไฟฟ้าจึงนั่งทำใหม่ทั้งหมดอย่างอดทน เขาขึ้นไปตรวจไซต์แค่รอบเช้าแล้วหลังจากนั้นก็กลับมาสำนักงานนั่งแก้งานยาวจนดึกดื่น โดยไม่พักกินข้าว ไม่ออกไปเตะบอล ไม่ยุ่งวุ่นวายกับภูผาอย่างที่เคยทำทุกวัน ทว่าเมื่อเห็นความตั้งใจทำงานของไฟฟ้าภูผาก็อดไม่ได้ที่จะชื่นชมอยู่ลึกๆ และบางทีมันอาจจะอยู่ลึกเกินไปจริงๆแหละไฟฟ้าเลยสัมผัสไม่ถึงมัน
..........
แกร๊ก...
“อ้าว อรุณสวัสดิ์ครับคุณไฟ มาแต่เช้าเลยนะครับ” นายมิ้งเอ่ยทักทายด้วยสำเนียงเช่นเคย
“มาเช้าอะไรเล่า! ผมยังไม่ได้นอนเลย! ว่าแล้วก็กลับไปอาบน้ำก่อนดีกว่า..ไปก่อนนะมิ้ง”
“มิ้ง! เดี๋ยวนี้ออฟฟิศเราต้องใช้รปภ.ด้วยเหรอ?”
“ครับคุณไฟ นายหัวแจ้งผมมาเมื่อวาน นี่สั่งเปลี่ยนกุญแจออฟฟิศด้วยนะครับ นี่ครับผมคนละดอก” มิ้งหันมาตอบและหยิบลูกกุญแจอันใหม่ให้ไฟฟ้าที่พึ่งเดินออกไปแล้ววกกลับเข้ามาใหม่
“เหรอ ...ขอบใจนะ”
..........
“เฮ้อ...ไม่ได้สูดอากาศดีดีมากี่วันแล้วเนี่ยกู” ไฟฟ้าบ่นกับตัวเองหลังจากที่ง่วนอยู่กับการปรับแบบแปลนและวางแผนงานกับผู้รับเหมามาหลายวันจนเข้าที่ แทนที่จะไปเตะบอลกับบรรดาช่างผู้รับเหมาที่เตะกันเป็นประจำไฟฟ้าเลือกที่จะมาเดินเล่นสูดอากาศเอาออกซิเจนเข้าสมองให้ปลอดโปร่งดีกว่า
“เดี๋ยวมิ้ง จะรีบไปไหน”
“ไปหานายหัวครับ เล่นน้ำกับคุณดารินอยู่หน้าบ้านนู้นน่ะครับ”
“เดี๋ยวสิมิ้ง ผมไปด้วย จะปล่อยให้คุณดาทำคะแนนอยู่ฝ่ายเดียวได้ยังไงจริงไหม”
"คุณไฟฟ้ามาทำไมคะ?" ดารินเอ่ยถามอย่างไม่พอใจ เพราะเขาตั้งใจชวนภูผามาเล่นน้ำแค่สองต่อสอง
"คุณภูผาน่ะสิครับ เขาบอกว่าอยากสอนผมว่ายน้ำด้วยตัวเอง...ไปกันครับ" คำพูดของไฟฟ้าทำเอาภูผาที่ขมวดคิ้วอย่างงุนงง
"แต่คุณภูผาบอกจะเล่นน้ำดาแล้วนะคะ" ดารินตามไปเถียงอย่างไม่ยอมแพ้
"นี่ไงครับ คุณดาลงมาเล่นน้ำสิครับ ผมกับคุณภูผาก็อยู่ในน้ำแล้วนี่ไง" ปากเรียวของไฟฟ้าเอ่ยไปอย่างนั้น แต่ภูผารู้ว่าไฟฟ้าตั้งใจแกล้งหญิงสาว และแยกพวกเขาออกจากกัน
"ไหนว่าจะให้ผมสอนว่ายน้ำไม่ใช่รึไง"
"ใครบอกคุณ ผมแค่ล้อเล่นเฉยๆ เชื่อคนง่ายจังน่ะครับนายหัว"
"แต่คุณบอกว่าผมเป็นคนพูด เป็นนายหัวพูดแล้วจะคืนคำได้ยังไง มานี่เลย..."
"เอ๊ยคุณ! อย่าลาก!มันลึก! ผมว่ายน้ำไม่เป็น!" เมื่อปลายเท้าแตะไม่ถึงพื้นทรายใต้น้ำ แขนเรียวของไฟฟ้าก็เผลอเข้าไปกอดคอภูผาแน่นเพื่อหาที่ยึดเหนี่ยวไม่ให้ตัวเองจมลงไปใต้ทะเล เอาเข้าจริงๆ ไฟฟ้ากลัวจนตัวสั่นแถมยิ่งได้สัมผัสร่างกายแกร่งของภูผาที่เปลือยแผงอกแบบนี้ เขายิ่งใจสั่นจนเกร็งไปหมด
"อึก..." ภูผาพยายามระงับอารมณ์ที่กำลังพุ่งสูงขึ้นอย่างอึดอัด มือหนาโอบหลังประคองไฟฟ้าไว้ในน้ำ รั้งกายนิ่มเข้าแนบชิด ใบหน้าเรียวใกล้จนได้กลิ่นหอมอยู่ชิดปลายจมูก
กลิ่นหอมจากกายนิ่มตรงหน้าทำให้ภูผาหมดความอดทน เผลอใช้ปลายจมูกโด่งฝังลงไปที่แก้มเนียน สูดดมกลิ่นหอมเข้าเต็มปอด ก่อนจะไล้ไปตามโครงหน้า ใบหูเล็กและซอกคอขาวที่ทำได้เพียงย่นคอหนี
"อื้อส์ คุณทำอะไรเนี่ย ปล...ปล่อยผมนะ" ภูผาเองก็ไม่รู้ตัวว่าเขาเป็นอะไร เขาเคยรำคาญไฟฟ้ามากจนอยากจะหลีกหนีไปให้พ้นๆ แต่ขณะเดียวกันทุกครั้งที่ใกล้ชิดหัวใจเขากลับไม่ยอมปฏิเสธมัน
"คุณเข้ามากอดผมเองนะ อื้มส์" มือหนาลูบไล้เอวคอด ก่อนส่งฝ่ามือเข้าไปสัมผัสแผ่นหลังเนียนลูบไล้ไปมา แล้ววกไปที่สะโพกแน่นบีบนวดเบาๆ แล้วดันเข้ามาแนบชิดลำตัวมากยิ่งขึ้น
"อ๊ะ...อื้อ..." ไฟฟ้าหลุดเสียงหวานออกมาเมื่อภูผารั้งตัวเขาเข้ามาแนบชิดร่างกายแกร่งที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อ จงใจให้ส่วนล่างสัมผัสกัน จนรู้สึกได้ถึงท่อนเนื้อร้อนที่ดุนดันเขาอยู่
"ไหน...ไหนคุณบอกจะสอนว่ายน้ำ...ไง" ไฟฟ้าหายใจแรงไม่ต่างจากภูผา แก้มขาวขึ้นสีระเรื่อเอ่ยถามออกมาไม่เต็มเสียงนัก
"หึหึ...ก็เห็นคุณไม่อยากเรียนแล้ว เลยจะสอนอย่างอื่นแทน" เสียงทุ้มเอ่ยออกมาขณะที่ใบหน้าเข้มผละมาสบตากับดางตาเรียวสีน้ำตาลของไฟฟ้า สะกดสายตาหวานให้มองเขา ใบหน้าค่อยๆ โน้มเข้าหากัน ทว่ากลับมีเสียงดังแทรกเข้ามาปลุกให้ไฟฟ้าได้สติ รีบผละตัวออกมาแล้วจับแค่แขนภูผายึดเหนี่ยวตัวเองไว้กันจมน้ำ เมื่อดารินกำลังว่ายเข้ามาใกล้
ดารินมองความใกล้ชิดของสองคนด้วยสายตาเคียดแค้น ในหัวคิดแผนการทำลายไฟฟ้า ตัวการที่ชอบเข้ามาขัดขวางเธอ ดารินว่ายน้ำเข้าไปใกล้สองคนนั้น แล้วแสร้งเป็นตะคริวทำท่าจะจมน้ำมือหญิงสาวคว้าไหล่ไฟฟ้ายึดเหนียว แต่ความจริงกลับกดไฟฟ้าให้จมลงไปในน้ำอย่างตั้งใจ
ไฟฟ้าตกใจและพยายามตะเกียกตะกายถีบตัวเองขึ้นจากน้ำ ทว่ากลับทำไม่ได้ ความกลัวก่อเกิดขึ้นมาในหัวใจทันที เขาว่ายน้ำไม่เป็น เขาหายใจไม่ออกและเขากำลังจะตาย ตายแบบโง่ๆ เลยกู เขาไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ ภูผาต้องสมเพชเขาแน่ๆ จากนั้นร่างขาวค่อยๆ ดิ่งตัวจมลึกลงไปเรื่อยๆ ตามแรงโน้มถ่วงของโลก
หลังจากเกิดเหตุการณ์วุ่นวาย ดารินเธอก็ขอกลับฝั่งทันที ด้วยเกรงว่าภูผาจะจับพิรุธเธอได้ แม้ในใจอยากอยู่ต่อเพื่อหาทางใกล้ชิดกับภูผาก็ตาม
ภูผาอุ้มไฟฟ้ากลับมาดูแลยังที่พักของตนเอง ถอดเสื้อและกางเกงชิ้นบางที่เปียกชื้นจนแนบเนื้อจนเห็นสัดส่วนทิ้งไป เขาเช็ดตัวแล้วสวมเสื้อผ้าตัวใหม่ให้แทน ร่างหนาขึ้นนอนอีกฝั่งของเตียง ข้างกายมีร่างของไฟฟ้านอนหลับอยู่ใต้ผ้าห่มผืนเดียวกัน
จนกระทั่งกลางดึกขณะที่ภูผาหลับไปแล้ว แต่คนที่นอนข้างกันกลับมีหยาดเหงื่อผุดซึมตามหน้าผากมนและไรผม หัวคิ้วขมวดชนกันยุ่งเหยิง ริมฝีปากซีดเซียวไร้เลือดฝาดกำลังส่งเสียงละเมออื้ออึง รบกวนผู้ที่อยู่ในห้วงนิทราต้องตื่นขึ้นมาดูอย่างอดห่วงไม่ได้
ภูผาส่งฝ่ามืออุ่นสัมผัสหน้าผากและพวงแก้มที่มีอุณหภูมิขึ้นสูงจากพิษไข้จนความร้อนวิ่งผ่านเข้าสู่มือหนา
"หนา...วหนาว..." ภูผาโน้มหน้าเข้าหาอีกคน ตาคมจ้องมองริมฝีปากเรียวขยับเพ้อไปมาอย่างไม่ได้สติ ตั้งใจเงี่ยหูฟังเสียงที่เปล่งออกจากปากบางอย่างแผ่วเบา ตัวร้อนอย่างกับไฟ แต่กลับเพ้อว่าหนาว ทำเอาคนใบหน้าคมเข้มต้องขมวดคิ้วชนกันอย่างหนักใจ
ภูผาพยายามปลุกคนป่วยให้ลุกกินยา แต่อีกคนกลับไม่ยอมรู้สึกตัวสักที เขามองไฟฟ้าอย่างจนใจได้แต่เช็ดตัวลดไข้ให้อีกครั้งแต่เช็ดเท่าไหร่ก็สามารถบรรเทาอุณหภูมิในร่างกายของไฟฟ้าลงได้
"คุณ...ตื่นมากินยาก่อน คุณ..."
"ฮึก...ฮือ หนาว...หนาวจะตาย...อยู่แล้ว..." ภูผายิ่งร้อนรน เมื่อคนป่วยเริ่มสะอื้นออกมาอย่างทรมาน
"คุณตื่น! ตื่นมากินยา คุณไม่สบาย ตื่นมากินยาก่อน ไฟฟ้า...ได้ยินผมไหม" ริมฝีปากหยักกระซิบเสียงทุ้มอยู่ริมใบหูเล็กปลุกเรียกคนป่วยอยู่หลายครั้ง จนกระทั่งเปลือกตาบางขยับไปมา หยาดน้ำใสคลอดวงตาสีน้ำตาลฉ่ำเยิ้มจากพิษไข้ ทำให้คนมองหัวใจกระตุกอีกแล้ว
"อะ ยากินซะ"
"..." นี่เขาตายไปแล้วหรือไม่ก็กำลังฝันอยู่แน่ๆ ไฟฟ้าได้เห็นความอ่อนโยนของภูผา ทั้งที่ไม่คิดว่าจะได้เห็นจากผู้ชายคนนี้ คนที่มีแต่ด่าเขาและไล่เขาให้ออกจากชีวิตตลอดเวลา ไฟฟ้าคิดอย่างสับสน
"อย่าดื้อครับ กินยานะจะได้หายไวไว"
"..." แม้ยังไม่เข้าใจภูผาแต่ไฟฟ้ายอมกินยาแต่โดยดี
"ยังหนาวอยู่ไหม" ภูผาจับไฟฟ้านอนลงและห่มผ้าให้ แล้วขยับกายขึ้นมานอนแนบชิด ฝ่ามือหนายกขึ้นสัมผัสแก้มเนียนเบาๆ มันนุ่มจนเขาเผลอลูบไล้ไปมาขณะที่เอ่ยคำถาม รู้สึกพอใจเมื่ออุณหภูมิร่างกายลดลงบ้างแล้ว ภูผาละมือออกมาแล้ววาดแขนแกร่งรั้งกายนิ่มเข้าชิดยิ่งขึ้น เพิ่มความอบอุ่นให้คนในอ้อมแขน
"..." ไฟฟ้าไม่ได้เอ่ยสิ่งใดออกไป เพียงแต่ซุกใบหน้าซีดขาวเข้ากับอกแกร่งเปลือยเปล่าของภูผาเพื่อหาความอบอุ่นและซ่อนหัวใจที่กำลังเต้นรัวไม่เป็นจังหวะของตัวเอง ภูผาโหมดอ่อนโยนแบบนี้เขาไม่ชินเอาซะเลย
เช้าอันสดใสสำหรับใครหลายๆ คนที่ตื่นมาเพื่อเริ่มต้นทำสิ่งใหม่ๆ และสิ่งที่ตัวเองรัก แต่ไม่ใช่สำหรับไฟฟ้าที่เพียงลืมตาตื่นขึ้นมาก็รู้สึกถึงหัวที่ปวดแทบจะระเบิด ร่างกายอึดอัดเมื่อถูกนายหัวของทุกคนกอดรัดแน่น จนอวัยวะบดเบียดแทบทุกส่วน อีกนิดก็จะสิงร่างกันอยู่แล้ว
"เป็นไงบ้าง" ไม่รู้ภูผาตื่นตั้งแต่เมื่อไหร่ อยู่ๆ ก็ได้ยินเสียงทุ้มเอ่ยถามริมใบหู ขนบนร่างกายลุกซู่จนต้องถอยออกมาตั้งหลัก ภูผาขยับเอนกายพิงหัวเตียงจ้องมองอีกคนอย่างพิจารณาแล้วยกมือสัมผัสหน้าผากมน พร้อมถอนหายใจออกมาอย่างเบาใจขึ้นเมื่ออุณหภูมิร่างกายของไฟฟ้าคงที่แล้ว
"หนักหัวแล้วก็ปวดหั...ว" เสียงหวานชะงักไป เมื่อนึกบางอย่างขึ้นได้
"คุณเป็นคนเปลี่ยนเสื้อให้ผมเหรอ!!!?" ดวงตาสีน้ำตาลบนใบหน้าขาวซีดมีความกลัวและกังวลอย่างชัดเจน
"ใช่ ทั้งเช็ดตัว เปลี่ยนเสื้อผ้า แล้วก็ดูแลคุณทั้งคืน" ภูผาตอบออกมาอย่างหน้าตาเฉย แต่ในหัวกลับกำลังนึกถึงสะโพกขาวและผิวเนียนนุ่มที่เผลอได้สัมผัสตอนที่เช็ดตัวและเปลี่ยนผ้า
"แบบนี้คุณก็เห็นของผมแล้วน่ะสิ อ้ากกก!!!"
"ทำไม? ผู้ชายเหมือนกันแค่เปลี่ยนเสื้อผ้าให้..น่าตกใจตรงไหน"
"อะ... เอ่อ เปล่า " ความอับอายตีแสกเข้าหน้าไฟฟ้าอย่างจัง
ภูผาเห็นของเขาหมดแล้วแน่ๆ แล้วทำไมเขาต้องรู้สึกอายขนาดนี้ มึงอายทำไมไฟฟ้าผู้ชายเหมือนกันไงมึง โอ๊ย! หัวก็ปวด อายก็อาย ใบหน้าที่เคยซีดขาวกลับมีสีอีกครั้ง แววตาสีหน้าของไฟฟ้าเหมือนจะร้องไห้ออกมาให้ได้ แต่ไม่ว่าเจ้าของจะพยายามซ่อนสีหน้าอันอับอายเพียงใด ก็ไม่อาจรอดพ้นสายตาโฉบเฉี่ยวของภูผา
“ขอบคุณผมด้วย!”
“หะ...?” ไฟฟ้ามองหน้าภูผาด้วยความสงสัย ก่อนที่จะโดนจ้องกลับเช่นกันทำให้ไฟฟ้าเข้าใจความหายได้ทันที
“อ๋อ... เอ่อขอบคุณครับนายหัวที่เสียสละตัวเองมาดูแลคนป่วยอย่างผม”
“แค่กลัวจะตายเป็นศพรกเกาะผม”
จึก/// ไม่เข้าใจภูผาเกลียดอะไรเขาหนักหนา ถึงชอบพูดจาที่ทำให้คนฟังฟังแล้วจุกอกได้ทุกครั้งไป เอาภูผาโหมดอ่อนโยนแบบเมื่อคืนกลับคืนมาได้ไหม
"คุณนอนพักที่นี่ให้หายดีก่อนแล้วกันผมอนุญาตให้คุณลาป่วย"
"..."
"ป่วยแบบนี้คงไม่มีแรงไปหาเรื่องมาให้ผมปวดหัวหรอก... ใช่ไหม"
"แต่ที่ผมไม่สบายมันเป็นอุบัติเหตุนะคุณ จะมาโทษผมไม่ได้นะ"
"ผมว่าอะไรคุณสักคำรึยัง"
"ถึงคุณไม่พูดตรงๆ แต่ผมรู้ว่าคุณคิด"
"แล้วนั่นคุณจะไปไหน ผมบอกให้พักให้หายก่อน"
"ผมจะกลับห้อง! อยู่ใกล้กันคุณเดี๋ยวจะเดือดร้อนเพราะผมอีก"
" หือ... "
"คุณพูดจนผมจำขึ้นใจแล้ว "
"หึหึ รู้ตัวก็ดี "
"... "
"แล้วอย่าละเมอลงทะเลจมน้ำไปอีกล่ะ คราวนี้ผมปล่อยให้คุณตายจริงแน่"
"หึ ถ้าผมตายจริง ผมจะเป็นผีมาหลอกคุณคนแรกเลย"
ไฟฟ้าว่าพร้อมกับทำท่าทำทางแลบลิ้นปลิ้นตาน่าเกลียดน่ากลัวใส่ภูผาแล้วแกล้งพูดเสียงยานเหมือนวิญญาณ
" แฮ่~ ผมมารับคุณไปด้วยกัน~ ไปไหม~"
"หึ! ไม่นึกว่าแค่จมน้ำจะทำให้คนปัญญาอ่อนได้ด้วย"
" คุณนั่นแหละปัญญาอ่อน" ไฟฟ้าฝืนอาการปวดหัวเถียงออกมาทันควัน
"เถียงได้แบบนี้ คุณคงไปทำงานได้ปกติแล้วสินะ"
"อ๊ะ...โอ๊ย! ปวดหัวอีกแล้ว ลุกไม่ขึ้นเลยอะคุณ" ไฟฟ้ารีบทรุดตัวเอนลงนอนบนเตียง มือเรียวยกขึ้นนวดขมับไปมาคล้ายกำลังบรรเทาอาการปวด ไฟฟ้าอาจลืมไปว่าเขาไม่จำเป็นต้องแกล้งป่วยก็ได้เพราะเขาป่วยอยู่จริงๆ เพียงแต่ไม่ได้โอเวอร์แบบที่แสดงให้ภูผาเห็น
"หึ " ภูผามองอีกคนทำท่าทางเหมือนกำลังแสดงละครแล้วส่งเสียงในลำคอเบาๆ
..........