เจ็บ! ร่างกายทุกส่วนเจ็บปวดชนิดที่ยากจะเอ่ยออกมาเป็นคำพูดได้ คล้ายถูกวัวควายเหยียบย่ำก็ไม่ปาน กระดูกทั่วร่างเหมือนถูกบดแตกเป็นชิ้นๆ จะขยับตัวก็ยังยากลำบาก
สวี่ซินหรานตะเกียกตะกาย หวังจะยันกายลุกขึ้น ทว่าร่างกายของเธอในตอนนี้ไม่สามารถเคลื่อนไหวได้เลย กระดิกตัวเพียงนิดเดียวก็เจ็บเสียดไปถึงกระดูก
เธอพยายามปรือเปลือกตาที่หนักอึ้งของตัวเองให้เปิดออกเต็มสองเบ้า จากนั้นสิ่งที่ปรากฏสู่สายตาก็คือเพดานอันขาวโพลน ที่เมื่อมองแล้วทำให้รู้สึกแสบตายิ่งนัก
ดูเหมือนว่าเธอจะตกจากตึก ใช่! เธอตายแล้วนี่นา สวี่ซินหรานฟื้นคืนสติขึ้นมาอย่างรวดเร็ว แล้วตระหนักได้ถึงสถานการณ์ของตัวเอง เธอจ้องมองไปยังสีขาวโพลนที่อยู่เหนือศีรษะด้วยดวงตาเบิกโพลง ที่นี่คือสวรรค์อย่างนั้นเหรอ? ที่แท้คนตายไปแล้วก็ยังรู้สึกเจ็บอยู่อีกเหรอเนี่ย? นี่มันแย่สุดๆ ไปเลย
จากนั้นก็มีเสียงดังขึ้นข้างหู สวี่ซินหรานฝืนเอี้ยวคอนิดหนึ่งอย่างยากลำบาก จากนั้นก็เห็นผู้หญิงคนหนึ่งที่มีใบหน้าค่อนข้างสูงวัย หล่อนแต่งตัวประณีตทุกกระเบียดนิ้ว แต่ทรงผมกลับดูกระเซอะกระเซิงเล็กน้อย บนใบหน้าปรากฏรอยเหี่ยวย่นประปราย ทว่าระหว่างคิ้วกลับฉายความอ่อนโยนและมีชีวิตชีวา ทําให้มองดูแล้วรู้สึกผ่อนคลาย ใบหน้าที่มีริ้วรอยนั้นแสดงออกถึงความตื่นตระหนกอย่างสุดขีด
สวี่ซินหรานครุ่นคิด ผู้หญิงคนนี้เป็นเทวดาหรือเปล่า? หรือเป็นยมบาลกันนะ? คนตายแล้วนี่น่าอัศจรรย์จริงๆ ยังมีโอกาสได้พบเจอสรรพสิ่งที่มีแต่ในหนังสือเหล่านี้ด้วย เมื่อกำลังจะเอ่ยปากถาม แต่กลับพบว่าลำคอของตนเองแหบแห้งจนไร้สุ้มเสียง ไม่มีเสียงใดๆ เล็ดลอดออกมา
เธอไม่สามารถพูดได้ แต่ผู้หญิงคนนั้นส่งเสียงร้องออกมาแทน น้ำเสียงของเธอดังก้องทั้งยังสะอึกสะอื้น “คุณหมอ! คุณหมอคะ! ใครก็ได้! เฉียวหลี ลูกสาวของฉันฟื้นแล้ว เฉียวหลีฟื้นแล้ว!”
เสียงที่ดังสนั่นนั้นกําลังทำลายโสตประสาทของสวี่ซินหราน แต่หลังจากนั้นไม่นาน มันก็ทําให้เธอมีสติโดยสมบูรณ์ขึ้นมาทันที หมอ?! เดี๋ยวนะ เธอไม่ได้ชื่อเฉียวหลีเสียหน่อย เธอชื่อสวี่ซินหรานนะ? ยังไม่ทันได้ไขข้อสงสัยที่มีอยู่เต็มหัวให้แน่ชัด เศษภาพความทรงจำที่กระจัดกระจายก็หลั่งไหลเข้ามาในสมองของเธอ ทันใดนั้นศีรษะก็ปวดราวกับจะระเบิด
หมอรีบกุลีกุจอเข้ามา ขณะที่นำไฟฉายในมือส่องไปที่ดวงตาของเธอ อาการปวดศีรษะก็ค่อยๆ ทุเลาลงไป เธอค่อยๆ พินิจมองทุกอย่างในที่แห่งนี้ ที่นี่ไม่ใช่สวรรค์ นี่มันโรงพยาบาลต่างหากเล่า! กลิ่นน้ำยาฆ่าเชื้อฉุนจมูกแรงขนาดนี้ เธอยังจะซื่อบื้อคิดว่านี่คือสวรรค์อยู่อีกเหรอ?
และตอนนี้เธอก็รับรู้ถึงสถานการณ์ของตัวเองได้อย่างถ่องแท้แล้ว เธอตกจากตึกและไม่ได้รับการช่วยเหลือให้ฟื้นคืนใดๆ ทั้งสิ้น สถานการณ์ของเธอตอนนี้เหมือนในนิยายหรือละครทีวีพวกนั้น เพราะเธอได้สลับร่างเปลี่ยนวิญญาณไปแล้ว เจ้าของเดิมของร่างนี้ดูท่าจะชื่อว่าสวี่เฉียวหลี ซึ่งยังเป็นนักเรียนมัธยมและฐานะทางบ้านค่อนข้างดีเลยทีเดียว อีกอย่างดูเหมือนว่าคนรอบข้างทั้งหลายจะเป็นพวกประเภทที่ไม่ค่อยพอใจในตัวเธอเท่าไหร่นัก
ความทรงจําเมื่อครู่เดี๋ยวมาเดี๋ยวหาย สวี่ซินหรานใช้เวลาอยู่ครู่ใหญ่กว่าจะแยกแยะต้นสายปลายเหตุได้ เพราะความทรงจําเหล่านั้นล้วนกระจัดกระจายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย อีกอย่างเธอเองก็ยังรู้สึกอึ้งๆ อยู่เหมือนกัน ตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงจุดสุดท้ายของความทรงจำ เธอสัมผัสถึงความสุขไม่ได้เลยแม้เพียงเศษเสี้ยวเดียว มีเพียงความรู้สึกหมดหวัง ไร้หนทาง และความรู้สึกถูกทอดทิ้ง พร้อมกับการถูกหักหลังที่กัดกินหัวใจของเธอมายาวนาน
ชีวิตของสวี่เฉียวหลีเหมือนกับชีวิตก่อนหน้าของเธอ สวี่ซินหรานที่เพิ่งจะได้มีชีวิตที่มีความสุขไร้ปัญหาทุกข์ใจก็เคยถูกทอดทิ้งไว้ในสถานเลี้ยงเด็กกําพร้า จากนั้นก็ได้รับการอุปถัมภ์จากพ่อแม่บุญธรรม ซึ่งแม่บุญธรรมน่ะ…ไม่ต้องเอ่ยถึงก็ได้ เกรงว่าคนเดียวที่เป็นเหมือนญาติของเธอก็คือกู้เฉินที่เข้าวงการมาพร้อมกันในเวลานั้น
หลังจากก้าวเข้าสู่วงการบันเทิง เธอกลับถูกฉุดลงสู่ส่วนลึกที่สุดในบ่อโคลนตม เข้าไปพัวพันกับการทรยศของเพื่อนรัก ความเคลือบแคลงใจและการแก้แค้นของสามี และยังมีอีกหลายสิ่งหลายอย่าง มากมายเสียจนเธอเองก็จำมันไม่ได้แล้ว มากเสียจนรอยด่างพร้อยบนร่างกายของเธอก็ยังไม่สามารถลบล้างออกไปได้ และแม้แต่ตัวเธอเองก็ยังสงสัยในความบริสุทธิ์ของตัวเองเช่นกัน ทว่ามีเพียงกู้เฉินคนเดียวเท่านั้นที่ยังคงเชื่อในตัวเธอ จะว่าไปแล้ว เธอกับคนที่ชื่อสวี่เฉียวหลีคนนี้ก็มีชีวิตขมขื่นไม่ต่างจากกันมากเท่าไหร่นัก
เธอกระพริบตาสองครั้ง พยายามฝืนข่มน้ำตาที่เอ่อคลอเบ้าให้กลับเข้าไป โชคชะตามักเล่นตลกกับชีวิตมนุษย์เสียจริง ชีวิตเธอประสบกับเหตุการณ์ขึ้นๆ ลงๆ มามากมายเหลือเกิน ต่อให้บอกว่าตอนนี้เธอป่วยระยะสุดท้าย เธอก็น้อมรับมันโดยไม่เคลือบแคลงใจแม้เพียงนิด
สวี่ซินหรานหลับตาลง แล้วเอ่ยในใจเงียบๆ ว่า ‘สวี่เฉียวหลีใช่ไหม? งั้นก็ให้ฉันได้ใช้ชีวิตต่อไปแทนเธอแล้วกันนะ ขอบคุณนะที่ให้โอกาสฉันได้มีชีวิตใหม่อีกครั้ง’
“ยินดีด้วยครับ คุณผู้หญิง การรับรู้ของคุณหนูฟื้นตัวขึ้นมาทีละนิดแล้วครับ” คําพูดของคุณหมอลอยกระทบข้างใบหูของสวี่เฉียวหลี เธอลืมตาขึ้นอีกครั้ง เห็นท่าทางของหญิงสูงวัยที่ปลาบปลื้มดีใจทั้งน้ำตา เธอก็เกิดเศร้าใจขึ้นมาแบบไม่ทันตั้งตัว จากภาพในความทรงจํา ผู้หญิงคนนี้คือแม่ของเธอ เนื่องจากที่ผ่านมาหล่อนมัวแต่ยุ่งเรื่องงาน จึงห่างเหินกับลูกสาว แต่พอต้องการจะชดเชยให้ มันก็สายเกินไปแล้ว
ความรุนแรงในโรงเรียนและการยุแยงตะแคงรั่วในหมู่เพื่อนทําให้สวี่เฉียวหลีปิดกั้นหัวใจตัวเอง และพาตัวเองเข้าไปอยู่ในอีกโลกหนึ่ง พร้อมกับขัดแย้งกับพ่อแม่อยู่เสมอ ตอนที่เธอยังเป็นสวี่ซินหราน เธอไม่เคยได้สัมผัสถึงความรักที่มากมายเท่านี้เลยสักครั้ง ในเมื่อตอนนี้สวรรค์ได้วางมันไว้ตรงหน้าเธอแล้ว เธอก็ไม่อยากจะสูญเสียมันไปอีก เธออยากจะถนอมมันเอาไว้ โลกมนุษย์ก็เป็นแบบนี้เสมอ ต้องรอให้สูญเสียก่อน ถึงจะรู้ว่าสิ่งไหนมีค่า
“แม่” สวี่เฉียวหลีพยายามขยับริมฝีปากที่แห้งแตก แต่ความแหบแห้งในลำคอทำให้เธอเปล่งเสียงออกมาได้อย่างยากเย็น
คุณนายสวี่อึ้งไปพักใหญ่ ทันใดนั้นน้ำตาที่เพิ่งหยุดไหลก็ไหลพรากลงมาอีกครั้ง หลังจากที่หล่อนได้ยินเสียงอันแผ่วเบานั้น นานมากแล้วที่ไม่ได้ยินลูกสาวเรียกตัวเองว่าแม่ ตั้งแต่เฉียวหลีเข้าโรงเรียนมัธยม สองแม่ลูกก็เริ่มหมางเมินขึ้นเรื่อยๆ ลูกสาวผู้น่ารักที่คอยยิ้มแย้มและตามติดแจคนนั้นไม่มีอีกแล้ว
“แม่อยู่นี่ ลูกรัก แม่อยู่นี่แล้ว” คุณนายสวี่โผตัวเข้าหา สองมือที่ดูแลมาอย่างพิถีพิถันจับนิ้วมืออันผอมบางจนหนังหุ้มกระดูกของสวี่เฉียวหลีขึ้นมา ในใจก็อดรู้สึกสงสารลูกสาวตัวน้อยไม่ได้
สองมือที่เย็นเยียบราวกับเกล็ดน้ำแข็งในตอนแรก ตอนนี้ถูกโอบอุ้มไปด้วยด้วยความอบอุ่น สวี่เฉียวหลีกระตุกมุมปากสองครั้งอย่างควบคุมไม่อยู่ อ่า...รู้สึกผ่อนคลายดีจัง
“เฉียวหลีฟื้นแล้วหรือ?!” ประตูห้องผู้ป่วยถูกผลักเปิดพรวดอีกครั้ง ชายวัยกลางคนคนหนึ่งวิ่งหน้าตั้งเข้ามา เขายังคงสวมชุดสูท รองเท้าหนัง ผมรวบปัดไปด้านหลังมีเส้นหงอกปะปนอยู่ รอยย่นตรงหางตาปรากฏขึ้นชัดเจน บนหน้าผากเต็มไปด้วยเม็ดเหงื่อประปรายเพราะความเร่งรีบ
สวี่เฉียวหลีพยายามเลื่อนสายตาไปมองอย่างสุดกำลัง และเธอก็จำได้ว่าคนคนนั้นคือพ่อของเธอ “พ่อ” เสียงที่เปล่งออกมาฟังดูระโหยโรยแรง
ต่อให้ชายคนนี้จะเป็นพ่อเลี้ยงของสวี่เฉียวหลี แต่เขาก็ดีกับเธอมาโดยตลอด ถึงแม้จะใจร้ายไปบ้าง แต่ก็ไม่เคยทำให้เธอลำบากใจหรือทำอะไรรุนแรงกับเธอเลยสักครั้ง ตรงกันข้าม เขาทำหน้าที่พ่อได้อย่างดีเยี่ยมมาโดยตลอด
จากความทรงจำที่กระจัดกระจายเหล่านั้นบวกกับนิสัยเดิมของเจ้าของร่างแล้ว ดูเหมือนจะขัดแย้งกับพ่อเลี้ยงคนนี้อยู่มาก มากหรือน้อยเท่าไหร่ไม่อาจรู้ได้ สวี่เฉียวหลีคนเดิมไม่ค่อยสนทนากับพ่อเลี้ยงคนนี้มากนัก
(ทดลองอ่าน 10 ตอน)
E-book 2 เล่มจบ