จวนแม่ทัพ เรือนซีหยวน
หยุนโม่เหิงหลบอยู่ในมุมหนึ่งของห้อง ด้านหนึ่งเป็นหยุนมู่หลานที่ทำหน้าตากังวลอยู่ และอีกข้างก็มีโต้วหยาที่น้ำตาคลอเบ้ายืนอยู่หน้าประตู ส่วนหยุนโม่เจิงนั้นกำลังไปเชิญหมอผีมารักษา
เมื่อกู้ซีหวงเข้ามาเจอกับสถานการณ์เช่นนี้ ก็นึกขึ้นได้ว่าตลอดทั้งทางที่เข้ามายังเรือนซีหยวนมีเศษหินเศษไม้ และคิดว่าน่าจะยังไม่ทันได้ทำความสะอาด หยุนมู่หลานกับโต้วหยายืนอยู่นอกห้องของหยุนโม่เหิงด้วยสีหน้ากังวลทั้งคู่
“ซีหวงคารวะฮูหยินหยุน ไม่ทราบว่าโม่เหิงเป็นอย่างไรบ้างเจ้าคะ?” กู้ซีหวงเดินเข้าไปพลางเอ่ยปากถาม ด้วยความที่นางเคยมีประสบการณ์ถูกไล่มาก่อน ครั้งนี้นางจึงใช้วิธีปีนกำแพงข้ามมาในตอนที่ไม่มีคนเฝ้าอยู่
หยุนมู่หลานดูออกว่านางเข้ามาได้อย่างไรแต่ก็ไม่ได้ว่าอะไร เพียงแต่ส่ายหน้าไม่พูดไม่จา ทำให้รู้ว่าสถานการณ์ย่ำแย่เพียงใด
เมื่อหยุนโม่เหิงที่อยู่ในห้องได้ยินเสียงของกู้ซีหวงก็กัดริมฝีปากแน่น แน่นอนว่าเขาดีใจมากเมื่อรู้ว่ากู้ซีหวงเป็นคนพาเขากลับมา แต่ตอนนี้เขากลายเป็นแบบนี้แล้วจะมีสิทธิ์อะไรไปแต่งงานกับนาง…สำหรับเขาแล้วการที่เป็นแบบนี้นั้นยิ่งกว่าตกนรกทั้งเป็นเสียอีก
เสียง “แอ๊ด” ดังขึ้น กู้ซีหวงเปิดประตูและเดินเข้าไปในตอนที่หยุนมู่หลานกำลังเหม่อลอยอยู่
ภายในห้องรกรุงรังไปหมด กู้ซีหวงเดินฝ่าซากปรักหักพังเข้าไป และในที่สุดก็เจอกับร่างที่ขดตัวเอาไว้อยู่ เมื่อหยุนโม่เหิงได้ยินว่ามีคนเข้ามาก็ยิ่งหดหัวมุดลงไปอีก
“โม่เหิง” กู้ซีหวงลองเรียกเขา แต่หยุนโม่เหิงกลับมุดหน้ามากกว่าเดิม กู้ซีหวงเอ่ยปากเรียกเสียงแข็ง “ถ้าเจ้ายังไม่ลุกขึ้นมาอีก ข้าจะกลับแล้วนะ”
หยุนโม่เหิงอยากจะเงยหน้าขึ้นมารั้งนางไว้ แต่เมื่อนึกถึงสภาพของตัวเองแล้วก็ก้มหน้าลงไปอีก
ถึงแม้ว่าหยุนโม่เหิงจะก้มหน้าลง แต่เมื่อกู้ซีหวงสังเกตเห็นรอยเลือดที่ริมฝีปากของเขา ก็รู้ว่าเขากัดปากแน่นจนเลือดออกและลึกมากจนใครเห็นก็รู้สึกเหมือนว่าริมฝีปากของเขาถูกกัดจนจะทะลุอยู่รอมร่อ
กู้ซีหวงเห็นเขาขดตัวอีกครั้งก็พลันรู้สึกหดหู่ และจู่ๆ นางก็เกิดรู้สึกกลัวขึ้นมา กลัวว่าเพียงแค่นางหลับตาแล้วเขาจะหายไปจากตรงหน้าของนางทันที
“ข้าขอโทษที่มาช้าไป” กู้ซีหวงปีนขึ้นไปบนเตียงของเขาก่อนจะโอบเขาไว้ในอ้อมกอดพลางพูดข้างๆ หู
กู้ซีหวงถือโอกาสตอนที่หยุนโม่เหิงเงยหน้าด้วยความงุนงงแล้วจูบเข้าที่ริมฝีปากของเขา พลางใช้ลิ้นเลียเลือดของเขาออก เพื่อให้หน้าตาของเขากลับสู่สภาพเดิม
กู้ซีหวงมองชายหนุ่มที่ถูกผู้อื่นบอกว่าหน้าตาอัปลักษณ์ที่อยู่ในอ้อมแขนตนอย่างจริงจัง เขามีคิ้วที่เฉียบคมเหมือนดาบ นัยน์ตาดอกท้อที่อ่อนโยนของเขามีประกายความรักเจืออยู่ จมูกที่สูงโด่ง ริมฝีปากบาง และใบหน้าที่ดูแข็งกร้าว
ไม่ว่าจะชาตินี้หรือชาติไหน นี่เป็นครั้งแรกที่นางมองหน้าเขาโดยปราศจากอคติใดๆ และตอนนี้นางก็เพิ่งจะรู้ว่าบุรุษที่นางเกลียดนักเกลียดหนานั้นน่าหลงใหลเพียงใด
“หืม~” หยุนโม่เหิงยังคงจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวและกะพริบตาหลายครั้ง แต่ก็ยังคงเห็นคนตรงหน้าอยู่
กู้ซีหวงเห็นท่าทางของเขาแล้วจึงเอ่ยปาก “หยุดกะพริบตาได้แล้ว นี่คือข้าจริงๆ”
“เซียง…เจ้าคือคุณหนูกู้จริงหรือ?” หยุนโม่เหิงอยากจะเรียกว่านางว่าเซียงซือ แต่นึกขึ้นได้ว่ากู้ซีหวงเคยเตือนเอาไว้ จึงเรียกว่านางว่าคุณหนูกู้แทน
กู้ซีหวงได้ยินเขาเรียกตัวนางว่าคุณหนูกู้แล้วรู้สึกโมโหอย่างบอกไม่ถูก “ไม่ยอมแม้แต่จะเรียกข้าว่าเซียงซือแล้วหรือ? หืม?” พูดจบ นางก็ทำท่าจะเดินจากไป
หยุนโม่เหิงเผลอดึงมือนางด้วยความร้อนใจ แต่เพราะเขาควบคุมแรงตัวเองไม่ได้ จึงดึงกู้ซีหวงเข้ามาชนเข้ากับตัวเองทันที “เซียงซือ!”
“โอ๊ย~” สรุปแล้วกู้ซีหวงก็ทับบนตัวของเขาอย่างจัง ทำเอาหยุนโม่เหิงอุทานและเขินจนหูแดงทันที