"ไม่มีปัญหา" ฉินอี้ฟานอยากจบการซื้อขายมากกว่ากู้หนิงซะอีก เขาต้องการครอบครองหยกจักรพรรดิไว้เพียงผู้เดียว
"ว่าแต่คุณหนูกู้ ผมขอถามที่มาของหยกชิ้นได้ไหม?
ฉินอี้ฟานจำเป็นต้องรู้ว่าหยกนี้ได้มาอย่างถูกกฎหมายหรือเปล่า เขาจะได้ไม่มีปัญหาทีหลัง
กู้หนิงเข้าใจ ดังนั้นเธอจึงไม่ได้รู้สึกถูกเขาละลาบละล้วงแต่อย่างใด "อย่ากังวลเลยค่ะ ฉันได้มาอย่างถูกต้อง" กู้หนิงตอบ
ได้ยินดังนั้นฉินอี้ฟานก็โล่งอก "จากขนาดและน้ำหนักของหยกชิ้นนี้ ราคาตลาดอาจมากกว่าสิบล้านหยวน แต่ผมให้คุณได้สิบล้าน คุณจะว่าอย่างไร คุณหนูกู้?"
ถึงแม้กู้หนิงจะพอทราบราคาอยู่บ้าง เธอยังต้องตกตะลึงกับราคาที่ฉินอี้ฟานเสนอมา
กู้หนิงสามารถขายได้ราคามากกว่านี้ในตลาด แต่เธอพอใจกับราคาของฉินอี้ฟานแล้ว
ถ้าเธอไปขายที่ร้านอื่น ไม่แน่อาจไม่ได้ราคาดีแบบนี้
สิบล้านหยวนนั้นมากเกินกว่าที่กู้หนิงคาดไว้ เธอย่อมพอใจกับราคานี้
จากนั้นพวกเขาจึงทำสัญญาซื้อขายและโอนเงินเข้าบัญชี
เมื่อทั้งสองเซ็นชื่อในเอกสาร ไม่มีใครเสียใจกับการซื้อขายในครั้งนี้
เมื่อเสร็จเรียบร้อย กู้หนิงเตรียมจะจากไป
ฉินอี้ฟานเรียกกู้หนิงก่อนที่เธอจะเดินออกจากร้าน "คุณหนูกู้ นี่นามบัตรผม ถ้าหากคุณมีหยกชิ้นอื่นๆ โทรหาผมได้เสมอ"
จู่ๆฉินอี้ฟานก็มีความรู้สึกว่ากู้หนิงไม่น่าใช่นักเรียนมัธยมปลายธรรมดา นอกจากนี้กู้หนิงก็มีมารยาทดีซึ่งนั่นทำให้เขาประทับใจ
"ได้ค่ะ" กู้หนิงรับนามบัตรเขามาด้วยความเต็มใจ
เธอไม่ได้บอกเขาเรื่องเบอร์โทร เพราะเธอเขียนมันไว้ในสัญญาแล้ว
ฉินอี้ฟานยืนมองดูกู้หนิงเดินออกจากร้านจนลับสายตา เขาจึงหันมามองหยกจักรพรรดิในมือของเขา
"อย่าบอกเรื่องนี้กับท่านประธานล่ะ ผมต้องการเซอร์ไพรส์เขา" ฉินอี้ฟานพูดกับพนักงาน วันครบรอบวันเกิดหกสิบปีของพ่อเขากำลังจะมาถึงเร็วๆนี้ เขาอยากเจียระไนหยกจักรพรรดิให้เป็นรูปชิ้นเล็กๆ และมอบมันเป็นของขวัญวันเกิดพ่อของเขา
พ่อของฉินอี้ฟานทำธุรกิจค้าหยกมานาน เขามีหยกเก็บสะสมไว้หลายแบบ ถึงอย่างนั้นหยกจักรพรรดิก็ยังเป็นของหายาก พ่อของฉินอี้ฟานจึงยังไม่มีสะสมไว้
แม้กู้หนิงจะแสร้งทำเป็นไม่ตื่นเต้นก็ยังอดประหม่าไม่ได้
สิบล้านหยวน บอกตามตรงเธอไม่เคยมีเงินมากขนาดนี้มาก่อน แม้แต่ตอนที่เป็นถังอันหนิง เธอถูกตะกูลถังจำกัดการใช้จ่าย
กู้หนิงตื่นเต้นและไม่อยากเชื่อว่ามันเป็นจริง
เธอดูข้อความเงินเข้าหลายครั้งเพื่อให้ตรวจสอบให้แน่ใจ จากนั้นก็ลบข้อความทิ้งไปเผื่อกรณีมีใครเปิดดูแล้วเห็นมัน
ถึงแม้สิบล้านหยวนจะมากสำหรับกู้หนิง แต่มันยังไม่พอที่จะใช้เริ่มต้นทำธุรกิจ
เธอตัดสินใจว่าจะใช้สองสิบหยวนเป็นทุนในการซื้ออัญมณีมาขาย
กู้หนิงค้นหาข้อมูลในอินเทอร์เน็ต ตลาดค้าพลอยอยู่ในเมือง G ซึ่งอยู่ใกล้ๆเมือง F ใช้เวลาหนึ่งชั่วโมงบินไปถึงที่นั่น กู้หนิงตัดสินใจแล้วว่าจะไปเมือง G ในวันหยุดเสาร์อาทิตย์นี้
กู้หนิงต้องการเริ่มธุรกิจจากการค้าขายพลอย
เธอมีตาทิพย์และสามารถทำเงินได้โดยไม่มีความเสี่ยงใดๆ
ธุรกิจค้าพลอยเป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้น ส่วนธุรกิจอื่นๆจะตามมาอีกในอนาคตอย่างแน่นอน
ตระกูลถังทำธุรกิจเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์และสิ่งบันเทิง กู้หนิงตัดสินใจแล้วว่าจะเข้าร่วมในสองอุตสาหกรรมนี้ เธอจะต้องเอาชนะตระกูลถังให้ได้
กู้หนิงรู้ว่าเธอต้องค่อยเป็นค่อยไป การทำธุรกิจให้ประสบความสำเร็จไม่ใช่เรื่องง่าย ตอนนี้เธอต้องการทั้งเงินและทรัพยากร
ตัวอย่างเช่นหากเธอวางแผนที่จะก่อตั้งบริษัท เธอต้องตระเตรียมหลายสิ่งหลายอย่างก่อน
อย่างแรกคือทรัพยากร จากนั้นก็ร้านค้า เธอต้องจดทะเบียนบริษัท หากเธอไม่รู้จักใครที่ช่วยรับผิดชอบเรื่องนี้ เธอไม่มีทางที่จะทำให้เสร็จภายในหนึ่งเดือนได้ และพนักงาน เช่นนักออกแบบ ผู้จัดการ และนักเจียระไนก็จำเป็นเช่นเดียวกัน
ตอนนี้เธอเป็นเพียงเด็กนักเรียน เธอไม่สามารถจัดการบริหารร้านด้วยตัวเธอคนเดียวได้
เมื่อคิดถึงสิ่งเหล่านี้ กู้หนิงพลันรู้สึกถึงภาระมากมายเบื้องหน้าแต่เธอก็รู้สึกสนุกกับมันไปด้วย
นอกจากนี้หลังจากที่เธอกลับไปบ้านด้วยเงินจำนวนมาก เธอจะบอกกู้ม่านว่าเธอได้เงินมาอย่างไร และจะซื้อบ้านให้กู้ม่านและกู้ชิง
เธอยังต้องการให้กู้ม่านลาออกจากงานที่ทั้งเหนื่อยและได้ผลตอบแทนน้อยเท่าเม็ดถั่ว
ถ้ากู้ม่านอยากจะเป็นแม่บ้าน กู้หนิงก็ยินดี ถ้าแม่ของเธออยากจะทำอะไรเธอพร้อมที่จะสนับสนุนแม่ของเธอเสมอ
กู้ม่านสามารถเปิดร้านขายของเล็กๆได้ และจ้างคนมาดูแลแทนหล่อน หล่อนอยากจะเข้ามาดูร้านเมื่อไหร่ก็ได้ตามที่ต้องการ สิ่งที่กู้หนิงต้องการทั้งหมดคือให้แม่ของเธอใช้ชีวิตสุขสบาย ไม่ต้องลำบากเหมือนที่ผ่านมา
ส่วนครอบครัวกู้ชิง กู้หนิงไม่ได้ช่วยพวกเขาเหมือนกู้ม่าน เธอเพียงคอยช่วยเหลือเรื่องเงินตามสมควร ถ้าพวกเขาต้องการ
ถ้าพวกเขาต้องการเปิดร้านหรือเริ่มต้นทำธุรกิจเล็กๆ กู้หนิงก็เต็มใจที่จะช่วยพวกเขาโดยไม่ต้องจ่ายเงินคืน
ยังมีเวลาเหลืออยู่ กู้หนิงจึงไปร้านหนังสือ เธอซื้อหนังสือเกี่ยวกับอัญมณีต่างๆหลายเล่ม จากนั้นก็เก็บหนังสือเข้าห้องลับในกระแสจิต หลังจากออกมาจากตึกขายของ เธอก็เรียกแท็กซี่กลับไปยังโรงเรียน
เมื่อกู้หนิงกลับมาถึงโรงเรียนก็เป็นเวลาบ่ายสองยี่สิบแล้ว เหลือเวลาอีกสิบนาทีคาบบ่ายก็จะเริ่ม
กู้หนิงกำลังจะขึ้นบันได้ไปยังชั้นบนก็บังเอิญเจอฉินเจิ้งและกู้เซียวเซียว
นาทีที่กู้เซียวเซียวเห็นกู้หนิง เธอก็เอามือคล้องแขนฉินเจิ้งเอาไว้และส่งสายตาเยาะเย้ยให้กู้หนิง
กู้หนิงหมดคำจะพูด นี่กู้เซียวเซียวคิดว่าเธอยังชอบฉินเจิ้งอยู่งั้นเหรอ?
บางทีในสายตากู้เซียวเซียว กู้หนิงคงจะชอบฉินเจิ้งมาก และมันไม่มีทางเป็นไปได้สำหรับเธอที่จะลืมฉินเจิ้งเพียงแค่ช่วงเวลาสั้นๆ
แม้ว่าฉินเจิ้งจะหักอกเธอ แต่มันก็ต้องใช้เวลาในการทำใจจากอาการอกหัก
แต่น่าเสียดายตอนนี้กู้หนิงเปลี่ยนไปแล้ว ฉินเจิ้งแทบจะเป็นคนแปลกหน้าสำหรับเธอ
กู้หนิงไม่สนใจพวกเขาพลางก้าวขาเดินขึ้นบันไดไป กู้เซียวเซียวหงุดหงิดที่กู้หนิงไม่ได้ดูเสียใจอย่างที่เธอคิด
แต่เธอยังเชื่อว่ากู้หนิงแกล้งทำเป็นสงบไม่รู้สึกรู้สาอะไร
ฉินเจิ้งกลับตรงกันข้าม เขาดูผิดหวังสุดๆ