ตอนที่ 285: พบนายท่านถางที่ถนนขายของเก่า
“ผมเองก็ไม่แน่ใจว่าหยกมาจากโกดังของเราหรือเปล่า ผมจะส่งคนไปที่โกดังของพวกเขาเพื่อตรวจสอบดูครับ” หลินเจี้ยนเองก็ไม่แน่ใจนักและก็ไม่อยากจะเชื่อเช่นกัน
“ดี พาคนที่สู้เก่งๆไปด้วย ถ้าเป็นเรื่องจริงก็ขโมยหินกลับมาซะ!” หวางหงหมิงสั่ง แววตาฉายความมุ่งร้าย หากหินของกู้หนิงมาจากโกดังของเขาทั้งหมด แน่นอนว่าเขาจะไม่ยอมอยู่เฉย!
“ครับ” หลินเจี้ยนรับคำสั่งก่อนเดินออกไป
กู้หนิงและเลิ่งเชาถิงออกจากถนนพนันหินไปยังถนนขายของเก่า ถึงแม้เมื่อวันก่อนพวกเขาจะไปมาแล้ว แต่วันนี้พวกเขาอยากเดินดูอีกครั้ง
“คุณมาเมืองเถิงเพื่อทำงาน มาอยู่กับฉันทั้งวันแบบนี้ไม่เป็นไรแน่หรอคะ?” กู้หนิงถามเลิ่งเชาถิงขณะที่ทั้งสองกำลังเดินทางไปยังถนนขายของเก่า
"ไม่เป็นไรหรอก งานในครั้งนี้พวกเราจะเข้าล้อมแก๊งค้ายาเสพติดในและเรามีสายลับแทรกซึมเข้าไปในแก๊งค้ายาแล้ว เมื่อไหร่ที่พวกเขาสามารถหาที่ซ่อนของแก๊งยาเสพติดได้ พวกเราจะดำเนินการปิดล้อมและปราบปรามพวกมัน” เลิ่งเชาถิงกล่าว
ในเมื่อเลิ่งเชาถิงพูดแบบนั้น กู้หนิงก็ค่อยรู้สึกสบายใจ
เมื่อทั้งสองมาถึงถนนขายของเก่า ในตอนกลางวันมีของเก่าวางขายมากกว่าตอนกลางคืน เมื่อเทียบกับถนนขายของเก่าในเมือง G ถนนขายของเก่าของเมืองเถิงมีความคึกคักกว่ามาก
กู้หนิงใช้ตาทิพย์สำรวจของเก่าที่วางขายอยู่เรียงรายสองข้างทาง
ขณะที่พวกเธอกำลังเดินไปตามถนน กู้หนิงสังเกตเห็นของเก่าที่มีพลังหนาแน่น มันเป็นจานกระเบื้องสีฟ้าและสีขาว แต่มันอยู่ในมือของคนอื่น
กู้หนิงมองไปที่คนผู้นั้น ใบหน้านั้นดูคุ้นตา
“สวัสดีค่ะ นายท่านถาง!” กู้หนิงร้องทักพลางเดินเข้าไปหา คนผู้นั้นก็คือนายท่านถาง
นายท่านถางได้ยินเสียงของกู้หนิง เขาเอี้ยวตัวหันมาดู “หนูกู้ บังเอิญจังเลย!” นายท่านถางดีใจที่ได้เห็นกู้หนิง กู้หนิงช่างเหมือนลูกชายของเขาเหลือเกิน ‘ถางหยุนฟ่าน’ ดังนั้นนายท่านถางจึงมีความรู้สึกสนิทสนมที่อธิบายไม่ได้กับเธอ นอกจากนี้กู้หนิงได้ช่วยชีวิตเขาและเธอก็นิสัยดีมาก
สายตาของนายท่านถางก็เบนมาที่เลิ่งเชาถิง เขาคิดว่าเลิ่งเชาถิงหน้าคุ้นๆ แต่นึกไม่ออกว่าเคยเจอที่ไหน
“นี่คือ...?” นายท่านถางถามกู้หนิง
“อ้อ แฟนฉันเองค่ะ เลิ่งเชาถิง” กู้หนิงแนะนำ
“ยินดีที่ได้รู้จักครับ นายท่านถาง” เลิ่งเชาถิงทักทาย
“เช่นกันๆ”
นายท่านถางเป็นคนที่มีไหวพริบ ดังนั้นเขาจึงรู้สึกได้ทันทีว่าเลิ่งเชาถิงไม่ใช่คนธรรมดาๆ
ถึงแม้ว่ากู้หนิงจะอายุแค่สิบแปดปี แต่เธอดูเหมือนหญิงสาวที่โตแล้ว ดังนั้นนายท่านถางจึงไม่คิดว่าไม่มีอะไรไม่เหมาะสมที่พวกเขาทั้งสองจะเป็นแฟนกัน
“มาซื้อของเก่าหรอคะ?” กู้หนิงเอ่ยถามพลางมองไปที่จานกระเบื้องสีฟ้าและสีขาวในมือของเขา มันเป็นของที่มีมูลค่า กู้หนิงไม่รู้ว่านายท่านถางแค่โชคดีหรือเขามีความเชี่ยวชาญในการดูของเก่า
“ใช่ เบื่อๆน่ะก็เลยมาเดินดูสักหน่อย ฉันคิดว่าจานนี้ดูดีมากเลย” นายท่านถางยิ้ม จากนั้นก็ขยับเข้าไปใกล้กู้หนิง เอ่ยที่ข้างหูว่า “ฉันไม่คิดว่าของเก่าที่นี่จะเป็นของแท้ ชักจะเบื่อๆเหมือนกัน” พูดจบ นายท่านถางก็วางจานกระเบื้องในมือลงไว้ที่เดิม
กู้หนิงร้องห้ามเขาทันที “ในเมื่อท่านคิดว่าจานนี้สวยดี ทำไมไม่ซื้อมันไว้ล่ะคะ? เอาไปประดับห้องก็ยังได้นะคะ”
กู้หนิงขยิบตาให้นายท่านถาง โน้มน้าวให้เขาซื้อจานใบนี้
นายท่านถางประหลาดใจ กู้หนิงคงไม่ให้เขาซื้อจานใบนี้โดยไม่มีเหตุผล หรือว่าจานใบนี้จะเป็นของจริง? เธอรู้วิธีการดูของเก่าด้วยหรือ? นายท่านถางคิดในใจ ว่าแต่เธอแน่ใจได้อย่างไรว่าจานใบนี้เป็นของจริง?
เมื่อเห็นนายท่านถางลังเล กู้หนิงก็พูดคะยั้นคะยอให้เขาซื้ออีกครั้ง
นายท่านถางทั้งประหลาดใจและสงสัย แต่นี่ไม่ใช่เวลาที่จะถาม ในเมื่อกู้หนิงคะยั้นคะยอให้เขาซื้อ เขาก็จะซื้อ ถึงอย่างไรราคาของมันก็ไม่ได้แพง
นายท่านถางหันไปบอกผู้คุ้มกัน ‘ถางเหวิน’ จ่ายเงิน
“หนูกู้ ตอนนี้ว่างรึเปล่า? ไปดื่มชาด้วยกันไหม?” นายท่านถางเอ่ยชวน
“ได้สิคะ” กู้หนิงพอจะรู้จุดประสงค์ในการเอ่ยช่วยครั้งนี้ เธอจึงไม่ปฏิเสธ
หลังจากนั้นกู้หนิงและเลิ่งเชาถิงก็เดินตามนายท่านถางไปยังห้องรับรองส่วนตัวของร้านชาที่อยู่แถวนั้น
นาทีที่พวกเขาย่างเท้าเข้าไปในห้องรับรองส่วนตัว นายท่านถางก็เอ่ยปากถามกู้หนิงทันทีว่า “หนูกู้ ทำไมถึงมั่นใจนักว่าจานใบนี้เป็นของจริง?”
“สัญชาตญาณค่ะ” กู้หนิงตอบ
“สัญชาตญาณ?” นายท่านถางไม่พอใจนิดหน่อย เห็นได้ชัดว่าเขาไม่พอใจกับคำตอบของเธอ
“สัญชาตญาณของฉันถูกต้องเสมอค่ะ ถ้าท่านไม่เชื่อก็ให้ผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบดูได้ค่ะ” กู้หนิงเอ่ยอย่างใจเย็น
เอาเถอะ ไม่ว่ามันจะเป็นของจริงหรือของปลอม ยังไงเขาก็ต้องตรวจสอบดูอยู่แล้ว
จากนั้นพวกเขาก็ดื่มชาและสนทนาไปด้วย
เลิ่งเชาถิงยังคงนั่งเงียบ แต่เขาไม่ได้รู้สึกเบื่อหรืออึดอัดแต่อย่างใด ตราบใดที่เขาอยู่กับกู้หนิงเขาก็มีความสุขแล้ว
ในตอนแรกนายท่านถางพยายามจะสนทนากับเลิ่งเชาถิง พูดคุยกันได้สองสามประโยค นายท่านถางก็พบกว่าเลิ่งเชาถิงไม่ใช่คนชอบพูดคุยนัก
แม้ว่านายท่านถางจะมาจากตระกูลทรงอิทธิพล เขาไม่ใช่คนหยิ่งยโส และชอบทำตัวเรียบง่ายมากกว่า
นายท่านถางเป็นคนจริงจังและเข้มงวดอยู่เสมอ ผู้คนมากมายรวมทั้งครอบครัวของเขาเองในเมือง B ต่างเกรงกลัวเขา อย่างไรก็ตามเมื่อเขาอยู่กับกู้หนิง เขาใจดีมาก อาจเป็นเพราะเธอเป็นผู้ช่วยชีวิตเขา หรืออาจเป็นเพราะเธอน่ารัก หรืออาจเป็นเพราะเธอดูเหมือนลูกชายของเขาที่เขารักและหวงแหนที่สุด
“อย่าถือสาเขาเลยค่ะ เขาไม่ค่อยชอบพูดเท่าไหร่”
“ฮ่า ฮ่า ไม่เป็นไรๆ” นายท่านถางไม่ได้ถือสา “เธอไม่ต้องเรียกฉันว่านายท่านถางตลอดเวลาก็ได้ ฉันรู้สึกไม่สนิทใจที่เธอเรียกฉันแบบนั้น ถ้าไม่ว่าอะไรก็เรียกฉันว่าคุณปู่ถางเถอะนะแม่หนู บอกตามตรง เธอหน้าตาเหมือนลูกชายคนรองของฉันมาก ฉันจึงรู้สึกสนิทกับเธอเป็นพิเศษ แต่...”
เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ นายท่านถางก็ถอนหายใจหนักและดูเศร้า
จู่ๆกู้หนิงก็รู้สึกแปลกๆ
ฉันคล้ายกับลูกชายคนรองของนายท่านถาง? นายท่านถางรู้สึกสนิทคุ้นเคยกับฉัน? เรื่องนี้มีความเชื่อมโยงกันหรือเปล่า?
ตอนที่ 286: ลูกสาวของถางหยุนฟ่าน?
พูดอย่างเจาะจงก็คือกู้หนิงอาจเป็นลูกสาวของถางหยุนฟ่านก็ได้! แม้ว่าในโลกนี้จะมีผู้คนมากมายที่หน้าตาคล้ายกัน แต่กู้หนิงก็ไม่อยากเพิกเฉยต่อความเป็นไปได้ที่เธออาจมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับตระกูลถาง
เลิ่งเชาถิงรู้สึกได้ทันทีถึงการเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์เล็กๆของกู้หนิง เขาเองก็มีความคิดแบบเดียวกัน กู้หนิงมีความสัมพันธ์กับตระกูลถางจริงๆหรือ?
“แต่อะไรคะ?” กู้หนิงอดถามไม่ได้ ถึงแม้เธอจะรู้นี่เป็นการไม่สุภาพก็ตามที เธออยากรู้ว่านายท่านถางต้องการจะพูดอะไรต่อ
“เขามัวแต่ยุ่งกับงาน ไม่เคยแต่งงานหรือมีลูก ไม่อย่างนั้นฉันก็คงสงสัยว่าเธอเป็นลูกสาวของเขาไปแล้ว” นายท่นถางกล่าว
ยุ่งอยู่กับงานและไม่เคยแต่งงานหรือมีลูก?
ตอนนี้กู้หนิงมีอารมณ์ที่หลากหลาย เธอไม่แน่ใจว่าการคาดเดาของเธอจะถูกต้องหรือไม่ ตามคำบอกเล่าของกู้ม่าน พ่อผู้ให้กำเนิดของกู้หนิงได้หายตัวไปในอุบัติเหตุซึ่งหมายความว่าเขาอาจจะตายไปแล้ว แต่ถ้าเขารอดชีวิตล่ะ? ถ้าเขารอดชีวิตมาได้ทำไมเขาไม่กลับมาหากู้ม่าน? 18 ปีที่เขาหายไป ทำไมเขาถึงไม่กลับมา?
อย่างไรก็ตาม กู้ม่านยังบอกว่าเมื่อพวกเขาได้พบกัน ผู้ชายคนนั้นได้สูญเสียความทรงจำ เป็นไปได้ไหมว่าผู้ชายคนนั้นฟื้นความทรงจำหลังจากที่เขารอดชีวิตมาได้ แต่ลืมความทรงจำตอนที่เขาอยู่กับกู้ม่าน! มันฟังดูบ้า แต่ก็อาจเป็นไปได้
กู้หนิงคิดว่าการที่ถางหยุนฟ่านไม่แต่งงานหรือมีลูกไม่เพียงเพราะอาชีพของเขา แต่ยังเป็นเพราะเขาได้สูญเสียความรักไปและไม่สามารถยอมรับใครได้อีก แต่นั่นเป็นเพียงการคาดเดาของกู้หนิงเท่านั้น แต่ไม่ว่าจะเป็นอย่างไร เธอก็ตัดสินใจที่จะตรวจสอบดู เธอไม่ต้องการให้กู้ม่านรอคอย 18 ปีโดยเปล่าประโยชน์
“อยากจะเห็นคุณลุงซะแล้วล่ะค่ะ สงสัยจังว่าพวกเราหน้าตาเหมือนกันแค่ไหน อันที่จริงหนูอยู่กับแม่แค่สองคนค่ะ ไม่รู้ว่าพ่อหน้าตาเป็นยังไงเหมือนกัน” กู้หนิงเอ่ยและรู้สึกเศร้า
พูดถึงครอบครัว เลิ่งเชาถิงก็รู้สึกเศร้าเช่นกัน เขาได้พบกับพ่อและแม่ของเขาทั้งสองคน แต่ต้องสูญเสียพวกเขาไปเมื่อเขาอายุได้เพียง 10 ขวบ และตอนนี้เขาทำได้แค่ดูรูปถ่ายของพ่อแม่
เมื่อได้ยินเรื่องครอบครัวของกู้หนิง นายท่านถางรู้สึกเห็นใจเธออย่างสุดซึ้ง เขาไม่รู้มาก่อนว่ากู้หนิงเกิดในครอบครัวที่ยากจนและต้องการดูแลเธอโดยไม่รู้ตัว
ทันใดนั้นนายท่านถางก็เกิดความคิดบางอย่างขึ้น “ทำไมหนูไม่ปฏิบัติต่อลูกชายคนรองของฉันในฐานะพ่อบุญธรรมของหนูล่ะ ฉันอยากมีหลานสาวแบบหนูมาตลอด!”
นายท่านถางมองกู้หนิงด้วยสายตาที่แฝงด้วยความคาดหวัง เขาดูจริงจังไม่ได้ล้อเล่น
ผู้คุ้มกันของนายท่นถาง ‘ถางเหวิน’ และ ‘ถางอู่’ เข้าใจว่าเจ้านายของเขาชื่นชมกู้หนิงมากแต่ไม่คิดว่าจะมากถึงขนาดรับเธอมาเลี้ยง ถ้าเป็นเมื่อก่อนพวกเขาคงคิดว่ากู้หนิงตกถังข้าวสาร จากเด็กสาวยากจนกลายเป็นทายาทมหาเศรษฐี แต่หลังจากที่กู้หนิงได้ช่วยชีวิตเจ้านายของพวกเขา พวกเขาจึงคิดว่ากู้หนิงไม่ธรรมดา และไม่ใช่เรื่องเลวร้ายที่จะมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับเธอ คนรวยทุกคนให้ความสำคัญกับสุขภาพของตนเหนือเงิน
กู้หนิงเข้าใจว่านายท่านถางไม่ได้พูดเล่น แต่เธอไม่เห็นด้วยในทันที “คุณปู่ถาง หนูคิดว่ามันเป็นเรื่องใหญ่และเราควรพิจารณาความคิดเห็นของลูกชายคนรองของปู่ก่อนค่ะ”
และเธอก็ควรพิจารณาเช่นกัน หากเธอมีหน้าตาคล้ายกับผู้ชายคนอื่น แต่ชายคนนั้นไม่ใช่บิดาผู้ให้กำเนิด เธอก็ไม่เต็มใจที่จะสนิทชิดเชื้อกับเขา เธอใส่ใจความรู้สึกของกู้ม่าน ถ้ากู้ม่านได้เห็นผู้ชายที่คล้ายกับคนรักของเธอ แต่พวกเขาไม่ใช่คนเดียวกัน เธอจะต้องเจ็บปวด กู้ม่านจะได้พบกับตระกูลถางอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ถ้ากู้หนิงยอมรับถางหยุนฟ่านเป็นพ่อบุญธรรมของเธอ
แต่ถ้าถางหยุนฟ่านเป็นบิดาผู้ให้กำเนิดของกู้หนิง กู้หนิงยินดีที่จะให้พวกเขาได้พบกันอีกครั้ง ตราบใดที่พวกเขายังรักกัน กู้หนิงก็มีความสุขที่ได้เห็นครอบครัวของเธอกลับมารวมตัวกันอีกครั้ง
กู้หนิงไม่ต้องการให้กู้ม่านอยู่คนเดียวไปตลอดชีวิต หล่อนยังอายุไม่มากและหล่อนควรมีชีวิตที่มีความสุข นอกจากนี้กู้หนิงกำลังจะเดินทางไปเมืองหลวงในไม่ช้าและเธอจะต้องแยกจากกู้ม่าน ถ้ากู้ม่านมีผู้ชายที่เชื่อถือได้อยู่ด้วยกันไปตลอดชีวิต กู้หนิงย่อมเห็นดีเห็นงามด้วย
"เอางั้นก็ได้" นายท่านถางรู้สึกว่ามันคงไม่ใช่เรื่องง่าย เขารู้จักนิสัยของลูกชายเป็นอย่างดีและรู้ว่าถางหยุนฟ่านจะไม่เห็นด้วย แต่ถ้าเขายืนกรานที่จะทำโดยไม่ได้รับความเห็นชอบจากถางหยุนฟ่าน กู้หนิงจะต้องอับอาย นายท่านถางถอนหายใจในใจ
เมื่อเห็นเช่นนั้นกู้หนิงก็ยิ้มและปลอบโยนเขา “ถ้าคุณปู่อยากมีหลานสาวแบบหนูจริงๆ โปรดรับหนูเป็นหลานสาวของคุณปู่ และหนูจะถือว่าท่านเป็นปู่ของหนูด้วย!”
เมื่อได้ยินเช่นนั้นดวงตาของนายท่านถางก็สว่างขึ้นทันที “ฮ่าฮ่า ดีๆ ความคิดดี!”
“หนูเรียนอยู่ม.ปลายหรือมหาลัยแล้วล่ะ?” นายท่านถางถามกู้หนิง
“อยู่ ม.6 ค่ะ อีกหกเดือนก็จะสอบเข้ามหาลัยแล้วค่ะ” กู้หนิงตอบ
“แล้วจะสอบเข้ามหาลัยไหน? เมือง B เป็นไง? ปู่จะได้ดูแลหนูได้ถ้าหนูเรียนอยู่เมือง B” นายท่านถางเอ่ย ในเมื่อเขายอมรับกู้หนิงเป็นหลานสาวแล้วเขาย่อมปฎิบัติต่อเธอเหมือนหลานสาวของเขาจริงๆ
“เธอจะเข้ามหาลัยที่เมืองหลวงครับ ผมจะดูแลเธอเอง” ครั้งนี้กู้หนิงยังไม่ทันได้กล่าวตอบคำถามของนายท่านถาง เลิ่งเชาถิงก็เอ่ยปากตอบขึ้นก่อน เขาจับมือกู้หนิงราวกับว่าเธอจะทิ้งเขาไปที่เมือง Bแม้ว่ากู้หนิงจะไม่มีความตั้งใจที่จะเรียนที่เมือง B แต่เขาก็กลัวว่าเธอจะเปลี่ยนใจเพราะนายท่านถาง
กู้หนิงเข้าใจดีว่าเลิ่งเชาถิงไม่ต้องการเสียเธอไป ดังนั้นเธอจึงจับมือของเขาเพื่อให้ความมั่นใจ “ขอบคุณคุณปู่ค่ะ แต่หนูตัดสินใจจะไปเรียนที่เมืองหลวงแล้วค่ะ” กู้หนิงกล่าว
“ก็ได้ ถ้าหนูว่างก็อย่าลืมมาหาปู่ที่เมือง B นะ”
“ได้ค่ะ”
หลังจากพูดคุยกันอยู่สักพัก เลิ่งเชาถิงและกู้หนิงก็บอกลานายท่านถาง
กู้หนิงจากไปแล้ว นายท่านถางก็รู้สึกเหงาอย่างไม่ทราบสาเหตุ
เมื่อพวกเขาเดินออกมาจากร้านชา เลิ่งเชาถิงก็ถามขึ้นว่า “คุณอยากจะตรวจสอบดูไหม?”
กู้หนิงเข้าใจสิ่งที่เลิ่งเชาถิงกำลังพูดถึง “ฉันจะจัดการเองค่ะ แต่ไม่ต้องกังวล ไม่ว่าผลลัพธ์จะเป็นอย่างไร ฉันตั้งใจจะไปเมืองหลวง”
เลิ่งเชาถิงรู้สึกผิดหวังเล็กน้อยที่กู้หนิงปฏิเสธความช่วยเหลือของเขา แต่เขาไม่ว่าอะไร ถึงอย่างไรกู้หนิงตั้งใจที่จะไปเมืองหลวงอยู่แล้ว และเขาไม่จำเป็นต้องกังวลว่าพวกเขาจะไม่ได้อยู่ด้วยกัน
หลังจากนั้นพวกเขาก็เดินเที่ยวชมถนนขายของเก่าต่อไป ในที่สุดกู้หนิงก็หยิบของเก่าสองชิ้นขึ้นมาโดยบังเอิญ ชิ้นหนึ่งมีมูลค่าหนึ่งล้านหยวนในขณะที่อีกอันมีมูลค่าราวแปดล้านหยวน