"มื้อนี้ฉันเลี้ยงเอง พอดีฉันเก็บเงินที่หล่นอยู่บนถนนได้ มีโน๊ตเขียนไว้ว่าใครก็ตามที่เก็บเงินนี้โดยบังเอิญต้องแบ่งปันให้คนอื่นด้วยไม่อย่างนั้นจะโชคร้าย" กู้หนิงโกหกหยููหมิงซีด้วยข้ออ้างแบบเดิมๆที่คนส่วนใหญ่ชอบใช้
"จริงหรอ โชคดีจัง เอาเป็นว่ามื้อกลางวันนี้เธอเลี้ยง ส่วนตอนบ่ายฉันจะเลี้ยงเธอคืน" หยูหมิงซีไม่ได้ปฏิเสธ
โรงอาหารมีสองชั้น ชั้นล่างขายอาหารทั่วไป ราคาถูก รสชาติไม่ได้เรื่องแต่ได้ปริมาณเยอะ ความอร่อยจึงไม่ใช่เรื่องสำคัญตราบใดที่ยังกินได้
ชั้นสองเป็นห้องอาหารแบบส่วนตัว อยากจะกินอะไรก็สั่งพ่อครัวทำให้ พ่อครัวจะทำอาหารให้ตามออเดอร์ที่สั่งของแต่ละคน จานต่อจาน ราคาจึงค่อนข้างสูง
ถ้ากินที่ชั้นล่าง มีเงินสิบหยวนก็กินได้ ถ้าเลือกกินที่ชั้นสอง ต้องมีอย่างน้อยหนึ่งร้อยหยวนเป็นอย่างต่ำ
กู้หนิงอยากกินข้าวที่โรงอาหารชั้นสอง หยูหมิงซีส่ายหน้าไม่เห็นด้วย กู้หนิงไม่ฟังเธอพลางสาวเท้าเดินขึ้นบันไดไปชั้นสอง หยูหมิงซีจึงได้แต่เดินตาม
แม้ว่านักเรียนที่กินข้าวบนโรงอาหารชั้นสองจะไม่เยอะเท่าชั้นล่าง พื้นที่ส่วนใหญ่ถูกจับจองด้วยเด็กนักเรียนที่มีฐานะ
ขณะที่กู้หนิงและเพื่อนของเธอกำลังจะขึ้นบันไดไปชั้นสอง จู่ๆก็มีเสียงผู้หญิงพูดขึ้นอย่างไม่พอใจ "นี่ใช่กู้หนิงจากห้องสี่รึเปล่า? คนจนอย่างเธอมาทำอะไรที่นี่?”
กู้หนิงไม่ใช่คนดังแต่อย่างใด มีเพียงเพื่อนร่วมชั้นหรือกู้เซียวเซียวและเพื่อนของฉินเจิ้งเท่านั้นที่รู้จักเธอ
เด็กสาวที่เอ่ยทักกู้หนิงเป็นนักเรียน ม.6 เหมือนกับเธอ แต่ไม่ได้เป็นเรียนห้องเดียวกัน และยังไม่ใช่คนรู้จักของฉินเจิ้งอีกด้วย
กู้หนิงมั่นใจว่าหล่อนต้องเป็นเพื่อนกู้เซียวเซียว
กู้หนิงไม่มีอารมณ์ตอบโต้กลับ เธอจึงทำเป็นเมินไม่สนใจ เด็กสาวที่เป็นเพื่อนสนิทของกู้เซียวเซียวคนนี้มีชื่อว่าเฉินจื่อเหยา อยู่ห้องสอง
เฉินจื่อเหยาเกิดในครอบครัวที่ร่ำรวยเช่นเดียวกัน พ่อของเธอมีทรัพย์สินมูลค่าหลายล้านหยวน เป็นผู้อำนวยการของบริษัทอสังหาริมทรัพย์ยักษ์ใหญ่ระดับต้นๆของประเทศ
บริษัทที่พ่อของเฉินจื่อเหยาทำงานเป็นพันธมิตรกับบริษัทของพ่อกู้เซียวเซียว พวกเธอสองคนจึงไปไหนมาไหนด้วยกันบ่อยๆ เฉินจื่อเหยาและกู้เซียวเซียวจึงกลายมาเป็นเพื่อนสนิทกัน
เฉินจื่อเหยารู้เรื่องราวที่เกิดขึ้นระหว่างกู้หนิงและฉินเจิ้ง แต่เป็นเพราะกู้เซียวเซียวและฉินเจิ้งขอให้เธอเก็บเป็นความลับ เธอจึงไม่ได้เล่าเรื่องนี้ให้ใครฟัง
กู้หนิงเพียงปรายตามอง เธอเดินไปยังโต๊ะที่ยังไม่มีใครจับจองและเริ่มสั่งอาหาร
กู้หนิงไม่สนใจเฉินจื่อเหยา แต่ในสายตาของเฉินจื่อเหยานั้น กู้หนิงเหมือนเป็นตัวตลก หล่อนเคยหัวเราะเยาะใส่หน้ากู้หนิงบ่อยๆและกู้หนิงก็ไม่ได้ตอบโต้หล่อนแต่อย่างใด
“ฉันคิดว่าบางทีแม่นั่นอาจจะเก็บเงินได้ตามถนนล่ะมั้ง” เด็กสาวที่นั่งข้างเฉินจื่อเหยาพูดขึ้นพลางปิดปากหัวเราะ พวกเธอไม่เคยพลาดที่จะหาโอกาสพูดถากถางกู้หนิง
หยูหมิงซีที่นั่งอยู่อีกด้านประหลาดใจ พวกนั้นรู้เรื่องนี้ได้ยังไง?
เห็นสีหน้าหยูหมิงซีแล้ว กู้หนิงก็ไม่รู้จะอธิบายอย่างไรดี
ไม่นานกู้หนิงก็สั่งอาหารเสร็จ
มันเป็นอาหารมื้อที่ดีที่สุดที่พวกเธอเคยทานในโรงเรียนมาตลอดหลายปี
“กู้หนิงมันไม่เยอะไปหน่อยเหรอ?” หยูหมิงซีเอ่ยถามอย่างเกรงใจ กู้หนิงจ่ายเงินไปเกือบสองร้อยหยวนสำหรับอาหารมื้อเดียว ถ้ากินที่โรงอาหารชั้นล่าง เงินสองร้อยหยวนพอจ่ายไปทั้งสัปดาห์
“ไม่เป็นไร แค่นี้เอง” กู้หนิงตอบพลางยักไหล่
หยูหมิงซีไม่พูดอะไรออกมาอีก
“โอ๊ะ ให้ฉันดูสิว่าผู้หญิงยากจนสองคนนี้กินอะไรเป็นมื้อเที่ยง” เฉินจื่อเหยาลุกขึ้นและเดินมาที่โต๊ะของกู้หนิง หล่อนเดาว่ากู้หนิงและหยูหมิงซีคงไม่มีเงินพอที่จะสั่งอาหารแพงๆมากิน
มีแต่ลูกคนรวยที่ไม่มีอะไรทำ จึงมักสนุกกับการล้อเลียนคนอื่น
เมื่อเฉินจื่อเหยาเดินเข้ามา กู้หนิงหยิบบิลลุกขึ้น และเดินไปยังที่จ่ายเงิน ทําเหมือนกับว่าเฉินจื่อเหยาเป็นเพียงอากาศธาตุ
เฉินจื่อเหยาโมโหขึ้นมา เธอเอื้อมมือไปคว้าบิลที่มือของกู้หนิง
แต่กู้หนิงไม่ปล่อยให้เธอทำสำเร็จ
กู้หนิงเบี่ยงตัวหลบ เฉินจื่อเหยาจึงคว้าได้แต่อากาศ หล่อนรู้สึกขายหน้าจึงตะคอกกู้หนิงเสียงดัง
“กู้หนิง แกกล้าเดินหนีฉันเหรอ!!”
เสียงตะโกนที่อัดแน่นด้วยความโกรธของเฉินจื่อเหยาเรียกความสนใจของนักเรียนที่อยู่บนโรงอาหารชั้นสอง
การที่กู้หนิงไม่สนใจเฉินจื่อเหยาก่อนหน้านี้ เพราะเธอไม่ต้องการมีปัญหา แต่ดูเหมือนว่าปัญหาจะชอบเข้ามาหาเธอเอง เฮ้อ เธอคงต้องเผชิญหน้ากับมันสินะ
กู้หนิงหยุดอยู่กับที่ มองตรงไปที่เฉินจื่อเหยา “ทำไมจะไม่ได้ล่ะ?”
เฉินจื่อเหยายืนนิ่งเหมือนคนโง่ เธอไม่คิดว่ากู้หนิงจะถามเธอกลับ
ในสายตาของเธอ กู้หนิงเป็นเพียงเด็กสาวยากจนและมีชีวิตรันทด เธอสามารถรังแกกู้หนิงเมื่อไหร่และที่ไหนก็ได้เมื่อเธอต้องการ
แต่ดูเหมือนว่าทุกอย่างเปลี่ยนไป กู้หนิงกล้าต่อต้านเธอต่อหน้าคนอื่น เฉินจื่อเหยารู้สึกขายหน้า
“กู้หนิง!! แกมันก็แค่นักเรียนจนๆคนหนึ่ง แกไม่มีสิทธิ์ต่อต้านฉัน!!!”
“เป็นคนจนแล้วมันยังไง? เกี่ยวอะไรกับเธอไม่ทราบ? แล้วเธอก็ไม่มีสิทธิ์มายืนขวางทางฉัน!!” กู้หนิงตอกกลับ เอาล่ะ เธอไม่ชอบเฉินจื่อเหยา
“แก..” เฉินจื่อเหยาหัวเสีย
อันที่จริงเฉินจื่อเหยาไม่มีสิทธิ์ที่จะยืนขวางทางใคร ตอนนี้ทุกคนคิดว่าเฉินจื่อเหยาเป็นคนทำให้ตัวเองต้องขยหน้าเอง
เมื่อเห็นว่าทุกคนมองมาอย่างไม่ชอบใจ เฉินจื่อเหยาจึงโมโหมากกว่าเดิม
เธอรู้ว่าเธอไม่มีสิทธิ์ยืนขวางทางกู้หนิง แต่เธอเคยสนุกกับการทำให้กู้หนิงอับอาย เฉินจื่อเหยารับความจริงไม่ได้ว่ากู้หนิงกล้าต่อต้านเธอ
เฉินจื่อเหยาไม่ยอมแพ้ “กู้หนิง แกรู้ไหมว่าแม่ของแกท้องก่อนแต่ง? แกมันก็แค่เด็กเฮงซวยที่ไม่มีพ่อ…”