เมื่อถังอันหนิงหรือกู้หนิงขยับปากพูด กู้ม่านและกู้ชิงต่างตกใจ พวกเธอแทบไม่เชื่อสายตาตัวเองเมื่อเห็นกู้หนิงกำลังนั่งพิงหัวเตียง
หมอบอกว่าสมองของกู้หนิงได้รับความเสียหายหนักมากและต้องได้รับการผ่าตัดด่วน แต่ตอนนี้เธอฟื้นขึ้นมาแล้ว
"หนิง...หนิงหนิง...ลูก...ลูกฟื้นขึ้นมาแล้ว..." ถึงจะตกใจในตอนแรก กู้ม่านก็มีปฏิกิริยาตอบสนองอย่างรวดเร็ว น้ำตาของเธอหยดลงมาไม่ขาดสาย เธอเดินเข้าไปหาอยากจะกอดกู้หนิงแต่ก็กลัวว่าจะทำให้ลูกสาวเจ็บกว่าเดิม ดังนั้นเธอจึงยืนนิ่งอยู่กับที่ ไม่รู้ว่าควรจะวางมือตัวเองไว้ตรงไหน
"หนิงหนิง หนูฟื้นแล้ว ในที่สุดก็ฟื้นขึ้นมา..."
กู้ชิงรีบเดินตามเข้าไปอย่างรวดเร็ว เธอรู้สึกดีใจและตื่นเต้นพร้อมๆกัน
"แม่…ป้า หนูฟื้นแล้วค่ะ" กู้หนิงพูดพลางเอื้อมมือไปกุมมือของกู้ม่านไว้
"ใช่ ใช่ แม่โล่งอกที่ลูกฟื้นขึ้นมาแล้ว" กู้ม่านร้องไห้ด้วยความดีใจ เธอจับมือกู้หนิงไว้แน่น กลัวว่าลูกสาวเธอจะจากเธอไปอีก
กู้ชิงก็ร้องไห้ออกมาด้วยความดีใจเช่นกัน ช่างเป็นบททดสอบชีวิตสำหรับการเป็นมนุษย์
"โอ้ ป้าต้องไปบอกคุณหมอก่อน" กู้ชิงนึกขึ้นมาได้และวิ่งออกไป
ไม่นานคุณหมอก็เดินเข้ามา เขาค่อนข้างประหลาดใจที่กู้หนิงฟื้นขึ้นมาเอง ต้องเป็นปาฎิหารย์แน่! แต่เพื่อความแน่ใจจึงต้องทำการตรวจละเอียดอีกครั้ง
คุณหมอทำการทดสอบกู้หนิง หลังจากทดสอบเสร็จ กู้ชิงก็ออกไปซื้ออาหารให้กู้หนิงในระหว่างที่กู้ม่านอยู่เป็นเพื่อนกู้หนิง
กู้หนิงรับรู้ถึงความรักของแม่จากกู้ม่าน นี่เป็นครั้งแรกที่เธอได้รับการดูแลเอาใจใส่ตั้งแต่ที่แม่ของเธอประสบอุบัติเหตุจนเป็นอัมพาต
ถึงแม้เธอจะเคยได้รับคำพูดอ่อนหวานมากมายจากฉีซีเยว่ แต่ทั้งหมดล้วนเป็นคำโกหก
หลังจากกินข้าวเสร็จ กู้ชิงก็กลับไปทำงานต่อในช่วงบ่าย แต่กู้ม่านยังอยู่ที่โรงพยาบาล เธอขอลางานสามวันตั้งแต่ที่กู้หนิงถูกรถชนเมื่อวาน
กู้ม่านคุยกับกู้หนิงสักพักก่อนบอกให้เธอนอนพักผ่อน
กู้หนิงรู้ว่ากู้ม่านไม่ได้นอนเลยตั้งแต่บ่ายเมื่อวาน ดังนั้นเธอจึงให้กู้ม่านนอนพักบนเตียงผู้ป่วยข้างๆที่ยังว่างอยู่
ถึงแม้กู้หนิงจะฟื้นขึ้นมาแล้วแต่กู้ม่านยังกังวลอยู่ จนกว่าผลการทดสอบจะออกมาว่าลูกสาวของเธอไม่เป็นอะไร ดังนั้นกู้ม่านจึงยังไม่ยอมนอนพัก
กู้หนิงบอกกับแม่ว่า ถ้าแม่ยังไม่นอนเธอก็จะไม่นอนเช่นกัน กู้ม่านจึงยอมนอนในที่สุด
กู้ม่านตั้งใจว่าจะเอนหลังนอนพักสักหน่อย แต่ความตึงเครียดที่สะสมมานานทำให้กู้ม่านผล่อยหลับไปในเวลาไม่กี่นาที
ส่วนกู้หนิงนั้นนอนไม่หลับ เธอนอนจ้องเพดาน กำลังคิดว่าเกิดอะไรขึ้นกับเธอเมื่อตอนที่เธอยังเป็นถังอันหนิง
ทันใดนั้นเธอเห็นเท้าคู่หนึ่งอยู่ด้านบนเหนือศีรษะ กู้หนิงประหลาดใจและดึงความคิดเธอกลับมาทันที เพดานสีขาวกลับมาว่างเปล่า
ทำไมเธอถึงเห็นเท้าคู่หนึ่งอยู่เหนือศีรษะ? หรือว่าเธอจะประสาทหลอนไปเอง?
กู้หนิงถอนสายตากลับมาจากเพดาน เธอพลิกตัวมายังด้านที่กู้ม่านกำลังนอนหลับ เธอเห็นผู้หญิงผิวขาวเหลือง มีริ้วรอยรอบๆดวงตาและระหว่างคิ้ว
กู้ม่านคงใช้ชีวิตอย่างยากลำบาก เธอไม่เคยซื้อเครื่องประทินผิว อาหารดีๆ หรือเสื้อผ้าแพงๆ แต่เธอก็พยายามมอบสิ่งที่ดีที่สุดให้กู้หนิงเท่าที่เธอจะทำได้
โชคดีที่กู้หนิงเป็นเด็กดี ถึงแม้เธอจะเป็นคนเก็บเนื้อเก็บตัวไม่กล้าแสดงออก แต่เธอก็ไม่เอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับคนอื่น เพราะเธอรู้ว่าบ้านของเธอไม่ได้ร่ำรวยอะไร
ตอนนี้ถังอันหนิงคือกู้หนิง เธอจะไม่ปล่อยให้ตัวเองและกู้ม่านต้องใช้ชีวิตอย่างยากลำบากอีกต่อไป และเธอก็จะหาทางแก้แค้นไปด้วย
การจะทำลายตระกูลถัง เธอต้องแข่งแกร่งและมีอำนาจมากกว่านี้!
แม้ว่าตระกูลถังจะเป็นตระกูลที่ร่ำรวยที่สุดอันดับสามในเมืองหลวง แต่ก็ถือว่าเป็นตระกูลที่ร่ำรวยที่สุดที่มีทรัพย์สินเป็นพันล้าน และในเมืองระดับสามนั้นต้องมีตระกูลที่ร่ำรวยอันดับหนึ่ง
แต่เบื้องหลังความสำเร็จอันรุ่งโรจน์ของตระกูลถังก็คือถังอันหนิง
ถังอันหนิงคอยทำงานผิดกฎหมายให้ครอบครัว ทั้งขโมยชิ้นส่วน เอกสารสำคัญ และฆ่าคน เมื่อทำงานเสร็จถังอันหนิงทำลายหลักฐานทุกชิ้นเพื่อความปลอดภัยของเธอ จึงเป็นไปไม่ได้ที่เธอจะใช้หลักฐานเหล่านั้นมาข่มขู่ตระกูลถัง
อีกครั้งที่กู้หนิงจมอยู่กับความคิด เธอเห็นคนกำลังเดินห่างออกไปไม่ไกล กู้หนิงประหลาดใจอีกครั้งและดึงความคิดตัวเองกลับคืนมา
ไม่มีใครเดินอยู่ เบื้องหน้าเธอก็ยังเป็นผนังสีขาวว่างเปล่า หรือเธอกำลังมีอาการประสาทหลอน?
ไม่เพียงแต่เธอจะเห็นคนเดินผ่าน แต่ยังเห็นประตูมีป้ายติดไว้ว่า "106"
ห้อง 106 แน่นอนว่าเป็นห้องผู้ป่วยที่อยู่ตรงข้ามกับห้องที่เธออยู่
แต่... เธอสามารถมองเห็นประตูห้อง 106 ได้อย่างไร?
ไม่มีเหตุผลเอาซะเลย เธอเชื่อว่าเธอไม่ได้ประสาทหลอนแต่มันคือเรื่องจริง
เพื่อที่จะพิสูจน์ กู้หนิงรวบรวมสมาธิเพ่งมองไปยังผนัง
สักพักผนังที่อยู่ตรงหน้าเธอค่อยๆโปร่งใสขึ้น เธอสามารถมองเห็นประตูห้อง 106 คนไข้ พยาบาลและหมอกำลังเคลื่อนไหวอยู่ในห้องนั้น
ทันใดนั้นความคิดแปลกๆก็แวบเข้ามาในหัวกู้หนิง
หรือจะเป็นตาทิพย์?
กู้หนิงรู้สึกงี่เง่ากับความคิดนี้ เธอสูดหายใจลึก
เพื่อให้แน่ใจว่าใช่ตาทิพย์หรือไม่ กู้หนิงเปลี่ยนไปจ้องผนังอีกด้าน เธอเห็นเตียงผู้ป่วย คนไข้และอุปกรณ์ต่างๆภายในห้องนั้น
บัดนี้เธอแน่ใจแล้วว่านี่คือตาทิพย์จริงๆ
แต่กู้หนิงยังคงรู้สึกว่ามันน่าเหลือเชื่อเกินไป เธอต้องการการพิสูจน์อีกรอบ เธอจึงหันศีรษะมองไปรอบๆ
ทันใดนั้นกู้หนิงก็รู้สึกเจ็บแปลบที่ดวงตา แล้วเธอก็หมดสติไป
ในความฝัน กู้หนิงฝันว่าเธอกำลังจมน้ำหลังจากกระโดดลงไปในทะเล และมีแสงสีแดงประหลาดเปล่งออกมาจากหยกสีแดงที่อยู่บนอกเธอ
จากนั้นเธอได้ยินเสียงมาจากที่ไกลๆ เสียงนั้นบอกกับเธอว่า "จี้หยกโบราณนี้มีคำเรียกขานว่า 'โลหิตแห่งฟินิกซ์' มันถูกหลอมขึ้นมาจากเลือดนกฟินิกซ์และจิตวิญญาณของโลก มันมีพลังเวทย์มนตร์ที่กล้าแกร่งซึ่งสามารถทำให้เจ้ามีชีวิตที่เป็นอมตะหรือเกิดใหม่ได้"
เธอตื่นขึ้นมาด้วยความตกใจสุดขีด
อะไรน่ะ เกิดอะไรขึ้น?
ขณะที่กู้หนิงกำลังสับสน เธอก็เริ่มปะติดปะต่อเรื่องราว ในที่สุดกู้หนิงก็เริ่มเข้าใจได้เลาๆ
โลหิตแห่งฟินิกซ์ ทำมาจากเลือดนกฟินิกซ์ เป็นสิ่งที่มีมาแต่โบราณจึงมีพลังอำนาจวิเศษ เธอเลยสามารถฟื้นคืนชีพใหม่อีกครั้งเพราะจี้หยกนี้