ตอนที่ 241: การขาดหายไปทำให้รู้สึกโหวงๆในใจ
เล่อเจิ้งหยูประหลาดใจกับความโชคดีของกู้หนิง
ผู้ชายสองคนที่อยู่กับเฉินเมิ่งฉี หนึ่งในนั้นไปจองห้องและอีกคนหนึ่งดึงเฉินเมิ่งฉีเข้าไปในห้อง
นี่คือสถานที่ของแก๊งฉิง และไม่มีใครสนใจเรื่องพวกนี้ พวกเขาเตือนเพื่อนสาวของเฉินเมิ่งฉีให้ปิดปากให้สนิท ก่อนที่พวกเขาจะปล่อยเธอไป
กู้หนิงและเพื่อนของเธอออกจากคลับเฮ้าส์ตอนเที่ยงคืน
เลิ่งเชาถิงและกู้หนิงรับผิดชอบไปส่งฉู่เพ่ยหานและหยูหมิงซี ส่วนพวกผู้ชายนั่งแท็กซี่กลับบ้าน
นี่เป็นครั้งแรกที่กู้หนิงไปที่บ้านหยูหมิงซี บ้านของเธออยู่ไม่ไกลเท่าไหร่ ตั้งอยู่ในเขตเมืองเก่า มีร้านอาหารเช้าเล็กๆที่ทางเข้าซึ่งเป็นร้านของครอบครัวหยูหมิงซี ร้านอาหารเช้าทำกำไรได้ค่อนข้างดี ถ้าไม่ถูกใช้ไปกับการรักษาแม่ของหยูหมิงซี พวกเขาอาจมีเงินซื้อบ้านไปแล้ว หยูหมิงซีและพ่อของเธอยังมีความหวังเต็มเปี่ยมว่าวันหนึ่งแม่ของหยูหมิงซีจะหายดี
และพวกเขาให้ความสำคัญกับครอบครัวมากกว่าการซื้อบ้านใหม่
โชคดีที่ได้พลังของกู้หนิงช่วยเหลือ แม่ของหยูหมิงซีจึงฟื้นตัวเต็มที่ ตอนนี้เธอมีสุขภาพที่แข็งแรงกว่าคนปกติและสามารถทำงานได้ทันที
หยูหมิงซีเชื่อว่าครอบครัวของเธอจะต้องดีขึ้น ดีขึ้น และดีขึ้นเรื่อยๆ
บางครั้งกู้หนิงก็แอบถ่ายทอดพลังให้คนในครอบครัวของเธอมีสุขภาพดี และตอนนี้พวกเขาดูเด็กขึ้นมาก
ระหว่างทางขับรถกลับไปที่เฟิ่งหัวแมนชั่น เลิ่งเชาถิงตั้งใจขับรถช้าขึ้น เพื่อให้ตัวเองได้มีเวลาอยุ่กับกู้หนิงมากขึ้น
พรุ่งนี้เขาจะไปจากเมือง F แล้ว และไม่รู้ว่าจะได้กลับมาเมื่อไหร่
กู้หนิงรู้สึกแบบเดียวกับเขา เธอรู้ว่าพวกเธอมีหน้าที่ของตัวเองที่ต้องทำ และทั้งคู่ทำงานอย่างหนักเพื่อสร้างอนาคตที่ดีกว่า การที่ไม่ได้อยู่ด้วยกันทำให้รู้สึกโหวงๆในใจ
ถึงจะอยากถ่วงเวลาให้ช้าลงแค่ไหน พวกเขาก็มาถึงโซน G เฟิ่งหัวแมนชั่น
กู้หนิงมองเลิ่งเชาถิงและยิ้มให้เขา “ฉันรู้ว่าคุณไม่อยากจากไป ฉันก็เหมือนกัน แต่พวกเรามีงานต้องทำ มันเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ คุณต้องดูแลตัวเองให้ดีๆนะคะ ฉันจะคิดถึงคุณ”
“อืม” เลิ่งเชาส่งเสียงรับในลำคอ
ห๊ะ เขาไม่มีอะไรจะพูดเลยหรอ แค่ส่งเสียงอืมเนี่ยนะ? กู้หนิงหน้ามุ่ย
ทันใดนั้นเลิ่งเชาถิงโน้มตัวเข้ามาใกล้ และจูบริมฝีปากนุ่มๆของเธออย่างกระหายราวกับสัตว์ประหลาดหิวโหยที่ในที่สุดก็ได้กินอาหารอร่อย
กู้หนิงเข้าใจว่าเขากำลังระบายความอัดอั้นตันใจที่จะจากเธอไป แม้ว่ามันจะเจ็บอยู่สักหน่อย แต่เธอก็ไม่ต่อต้านและจูบเขากลับ
กู้หนิงไม่สามารถปฏิเสธได้ว่าเธอต้องการมากกว่าจูบ แต่ความมีเหตุผลห้ามไม่ให้เธอทำอย่างนั้น
เลิ่งเชาถิงไม่ปล่อยเธอไปจนกระทั่งทั่งคู่หายใจหอบ
เมื่อเห็นริมฝีปากบวมแดงและแก้มที่แดงระเรื่อของกู้หนิง เลิ่งเชาถิงก็ยิ่งไม่อยากจากเธอไป เขาเกือบจะกดเธอเข้าหาเขาอีกครั้ง แต่เขาควบคุมตัวเองได้ก่อน เขารู้ว่ามันไม่ใช่เวลาที่เหมาะสม
“หนิงหนิง เจ็บไหม?” เลิ่งเชาถิงเอานิ้วแตะที่ริมฝีปากของเธอ และรู้สึกผิด
“นิดหน่อยค่ะ” กู้หนิงตอบ
ได้ยินคำตอบของเธอ เลิ่งเชาถิงรู้สึกอายนิดหน่อยและไม่ทำอะไรอีก หลังจากอ้อยอิ่งกันอยู่สักพัก ในที่สุดพวกเขาก็บอกลาและแยกย้าย
ตัดมาที่เฉินเมิ่งฉี เธอถูกผู้ชายสองคนนั้นย้ำยีตลอดทั้งคืน เมื่อเธอตื่นขึ้นมาในตอนเช้า เธอมึนงงและอยู่ในห้องคนเดียว ผู้ชายสองคนนั้นจากไปแล้ว
ถึงแม้เฉินเมิ่งฉีจะวางยาตัวเองโดยไม่ได้ตั้งใจ แต่เธอจำเรื่องก่อนที่จะหลับไปได้และเดาเรื่องที่เกิดขึ้นตอนนี้กับตัวเองได้ น้ำตาไหลออกมาไม่ขาดสาย
เธอเกลียดๆๆพวกเขามาก ทำไม? ทำไมพวกเขาถึงทำแบบนี้กับเธอ? เธอรู้ว่าเธอผิดที่คิดวางยาเล่อเจิ้งหยู แต่เป็นเพราะเธอรักเขามากจริงๆ แต่ในเมื่อเขาไม่ได้ติดกับดักที่เธอวางไว้ ทำไมเขาต้องทำแบบนี้กับเธอด้วย?
เฉินเมิ่งฉีมีแฟนมาแล้วหลายคน และแน่นอนเธอไม่ใช่สาวบริสุทธิ์ แต่ครั้งนี้เธอรู้สึกขยะแขยง มันเป็นความอัปยศอดสูที่สุดในชีวิตของเธอ
เธอตั้งปณิธานในใจว่าจะต้องล้างความอับอายนี้แน่!
ในเมื่อเธอไม่ได้ อ้ายเฉียนก็ต้องไม่ได้เขาเหมือนกัน เล่อเจิ้งหยูทำให้เธอรู้สึกอัปยศอดสู เธอก็จะทำให้อ้ายเฉียนลิ้มรสความรู้สึกทรมานนี้ด้วยเช่นกัน!
คิดได้แล้ว เฉินเมิ่งฉีก็หยุดร้องไห้ ใบหน้าของเธอดูน่ากลัว เปรอะเปรื้อนไปด้วยน้ำตาและดวงตาที่เต็มไปด้วยความเคียดแค้นชิงชัง
……………………………….
เลิ่งเชาถิงจากไปตอนเก้าโมงเช้า กู้หนิงไม่ได้ไปส่งเขา เขาเดินทางไปที่สนามบินคนเดียว แต่พวกเขาทั้งคู่พบกันตอนที่เขาขับรถไปส่งเธอที่โรงเรียนตอนเช้า
เมื่อกู้หนิงมาที่สนาม เพื่อนๆของเธอได้ฝึกซ้อมในช่วงเช้าเสร็จแล้วและกำลังพักผ่อน
นี่เป็นครั้งแรกที่กู้หนิงมาสาย ฉู่เพ่ยหานและคนอื่นๆจึงล้อเธออย่างสนุกสนาน
“บอส เธอมาสายนะ!” ฮ่าวหลันพูด
“วันนี้แฟนของบอสไม่อยู่แล้ว แน่นอนว่าพวกเขาต้องคว้าทุกวินาทีเพื่อที่จะได้อยู่ด้วยกัน!” ฉู่เพ่ยหานสบตากู้หนิงอย่างล้อเลียน
“พวกเรานี่น่าสงสารเนอะ โสด ทำได้แค่วิ่งๆ เฮ้อ” ฉินซีหุนโอดครวญ
“ฉันคิดว่าอิสรภาพมีค่ามากกว่าความรัก!” มู่เค่อกล่าวราวกับว่าเขาเลือกอิสรเสรีมากกว่าความรัก
ตอนที่ 242: ความลับสกปรกของหงหยุนเรียลเอสเตท
“ใช่ เป็นโสดก็ไม่ได้แย่ ฉันก็ไม่ได้ชอบความสัมพันธ์ที่จริงจังนัก” ฉู่เพ่ยหานพูดเป็นเชิงเห็นด้วย
จู่ๆเธอเกิดความคิดหนึ่ง หันไปถามกู้หนิงว่า “บอกพวกเรามา ความสัมพันธ์ของเธอกับพี่เขยไปถึงขั้นไหนแล้ว? จับมือ จูบ หรือว่า.....?”
ฉู่เพ่ยหานไม่พูดต่อ เว้นท้ายไว้เพื่อให้ทุกคนเข้าใจเอง กู้หนิงรู้สึกกระดากอายนิดหน่อย เธอคิดว่าไม่ใช่เรื่องที่เหมาะสมนักที่จะเล่าเรื่องนี้ แต่เธอไม่อยากให้เพื่อนๆเข้าใจผิด จึงพูดว่า “แค่จูบกันเท่านั้น”
“รู้สึกไงบ้าง?” ฉู่เพ่ยหานทำตาโต
“หาผู้ชายแล้วลองด้วยตัวเองสิ!”
“ฉันไม่อยากทำแบบนั้นนี่”
เข็มนาฬิกาหมุนมาที่เลข 12 กู้หนิงก็ได้รับข้อความจากเลิ่งเชาถิง เขาบอกว่าอยู่ที่เมืองหลวงแล้ว
โจวเจิ้งหงโทรหากู้หนิงในตอนบ่าย บอกว่ามีปัญหาเกิดขึ้นนิดหน่อยที่ร้าน แต่เขาแก้ปัญหาเรียบร้อยแล้ว
ผู้หญิงคนหนึ่งมาที่ร้านของพวกเขาเมื่อเช้านี้ และอ้างว่าเธอได้ซื้อกำไลข้อมือหยกปลอมจากหยกบิวตี้ แต่เธอลืมไปว่าเครื่องประดับทั้งหมดที่ขายในร้านหยกบิวตี้มีเครื่องหมายที่เป็นเอกลักษณ์ดังนั้นโจวเจิ้งหงจึงรู้ได้ทันทีว่า ผู้หญิงคนนี้กำลังโกหก เธอยอมรับในภายหลังว่าเป็นเชาผิงที่ส่งเธอมา
โจงเจิ้งหงไม่แน่ใจว่าเชาผิงอยู่เบื้องหลังจริงหรือเปล่า และเขาต้องการเวลาค้นหาความจริง แม้ว่าเชาผิงและเขาจะมีความแค้นกันมานาน แต่ก็เป็นไปได้ว่านักธุรกิจคนอื่นๆอาจแอบอ้างชื่อของเชาผิงเพื่อทำให้เขาเดือดร้อน ดังนั้นโจวเจิ้งหงจึงโทรแจ้งตำรวจและส่งตัวผู้หญิงให้กับตำรวจ
ร้านขายเครื่องประดับของเธอกำลังไปได้ดี กู้หนิงจึงไม่กังวล อีกอย่างการสอบกำลังใกล้เข้ามาแล้ว กู้หนิงจำเป็นต้องโฟกัสที่การเรียนให้มากขึ้นเพื่อรักษาตำแหน่งไว้ เธอจะได้ขอลาได้ง่ายในอนาคต
ส่วนคนที่เกลียดกู้หนิงก็สงบปากสงบคำมากขึ้น บางทีอาจเป็นเพราะเรื่องที่เกิดขึ้นกับกู้เซียวเซียวและเฉินจื่อเหยา
ฉินเจิ้งแทบจะไม่ได้เจอหน้ากู้หนิง เขาอยากเข้ามาคุยกับเธอทุกครั้งที่เห็น แต่กู้หนิงมักอยู่กับฮ่าวหรันและเพื่อนๆของเธอ ดังนั้นเขาจึงไม่กล้าเข้าไปใกล้ จางอี้หมิงและฝูหมิงเหลียนก็หยุดพูดไม่ดีเกี่ยวกับกู้หนิง ตอนนี้พวกเขาทำตัวเป็นคนแปลกหน้าต่อกันอย่างสมบูรณ์แบบ
สุดสัปดาห์กู้หนิงบินไปที่เมือง D เพื่อรักษา K กู้หนิงคิดจะรักษาเขาให้หายขาดในครั้งนี้ครั้งเดียว เพราะเธอคงยุ่งมากในช่วงวันหยุดพักร้อนหลังการสอบ และเธอคงไม่มีเวลาไปที่เมือง D อีก
หลังจากการรักษา K ก็สามารถเดินได้ และเขาไม่สนใจที่กู้หนิงเคยบอกว่าเขาต้องได้รับการรักษาถึงสามครั้ง ตอนนี้เขาสามารถเดินได้และไม่มีเหตุผลที่เขาจะไม่เชื่อกู้หนิง
K ยังได้รับความลับสกปรกของหงหยุนจำนวนมาก
หลักฐานเหล่านี้สร้างความประหลาดใจให้กับกู้หนิงเป็นอย่างมาก หงหยุนเรียลเอสเตทได้ทำสิ่งผิดกฎหมายหลายอย่างเช่น การติดสินบนเจ้าหน้าที่ของรัฐ การบังคับให้รื้อถอนโดยไม่มีค่าตอบแทน การหลีกเลี่ยงภาษีเกือบห้าร้อยล้านหยวน การลดคุณภาพงานก่อสร้างและอื่นๆ นอกจากนี้ยังมีเจ้าหน้าที่สำคัญสองคนเกี่ยวข้องด้วย พวกเขาเป็นรองนายกเทศมนตรี ‘หลิวจื่อคุน’ และผู้อำนวยการสำนักงานถนนและการจราจร ‘เว่ยเฉิงกวน’
หลักฐานที่ K ส่งให้กู้หนิงเป็นหลักฐานการก่ออาชญากรรมของพวกเขา
พวกเขารับเงินใต้โต๊ะจากหลายบริษัทและยังมีเมียน้อย K ส่งที่อยู่และรูปภาพเมียน้อยของพวกเขาให้กู้หนิง สิ่งที่น่าตกใจที่สุดคือพวกเขาเกี่ยวข้องกับการฆาตกรรมด้วย
เมื่อหลักฐานถูกเปิดเผย หลิวจื่อคุนและเว่ยเฉิงกวนจะถูกจับเข้าคุกโดยไม่ต้องสงสัย ในกรณีนี้ถ้ากู้หนิงต้องการแก้แค้นหงหยุน หลิวจื่อคุนและเว่ยเฉิงกวนย่อมได้รับผลกระทบเช่นกัน
ไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับกู้หนิงผู้ซึ่งเป็นเพียงประชาชนธรรมดาที่จะปลดพวกเขาออกจากตำแหน่ง
หลิวจื่อคุนต้องมีคนที่มีอำนาจคอยสนับสนุนอยู่เบื้องหลัง ถ้ากู้หนิงยื่นเรื่องรายงานตามขั้นตอน แน่นอนว่าเธอต้องถูกขัดขวางตั้งแต่ขั้นตอนแรก
วิธีที่ดีที่สุดคือเธอต้องมอบหลักฐานให้กับคนที่มีอำนาจมากกว่า คนที่เต็มใจปลดหลิวจื่อคุน ตัวเลือกนั้นคือหยวนเจิ้งหลิน
หยวนเจิ้งหลินและหลิวจื่อคุนอยู่พรรคการเมืองฝ่ายตรงข้าม และพวกเขาพร้อมที่จะทำลายอีกฝ่าย หลิวจื่อคุนซ่อนเรื่องสกปรกของตัวเองจนมิด หยวนเจิ้งหลินจึงยังหาหลักฐานมาเอาผิดเขาไม่ได้
กู้หนิงคิดจะใช้แผนนี้เป็นแผนระยะยาว
เธอวางแผนที่จะซื้อกิจการหงหยุนเรียลเอสเตท เป็นการขยายบริษัทเจิ้งหัวของเธอให้ใหญ่ยิ่งขึ้น
มูลค่าจดทะเบียนของหงหยุนอยู่ที่ประมาณห้าพันล้านหยวน ไม่รวมกองทุนและอื่นๆ ในจำนวนนั้นมีอสังหาริมทรัพย์ที่เคลื่อนย้ายไม่ได้ซึ่งรวมถึงโรงแรมและห้างสรรพสินค้า มีมูลค่าประมาณสามพันล้านหยวน
เมื่อเรื่องสกปรกของพวกเขาถูกเปิดเผย ราคาหุ้นจะลดลงอย่างมากและไม่มีบริษัทหรือกลุ่มทุนใดยินดีที่จะร่วมมือด้วย มูลค่าสุดท้ายจะอยู่ที่สองพันล้านหยวนเป็นอย่างมาก
โปรเจคมูลค่าสองพันล้านหยวนเป็นเรื่องใหญ่สำหรับกู้หนิงในตอนนี้ และเธอไม่สามารถจ่ายได้ ดังนั้นเธอจึงวางแผนที่จะพูดคุยกับหยวนเจิ้งหลินเกี่ยวกับหงหยุน หลังจากที่เธอกลับมาจากเมือง Y
ระหว่างเดินทางกลับจากสนามบินไปยังเฟิ่งหัวแมนชั่น กู้หนิงเห็นภาพนิมิต ที่โกดังร้างมีผู้ชายหลายคนกำลังล้อมตัวอ้ายเฉียนเอาไว้ เธอถูกพวกเขากระทำมิดีมิร้าย อ้ายเฉียนได้แต่ดิ้นไปมาและร้องตะโกนขอให้คนช่วย แต่ไม่มีใครได้ยินเสียงเธอ
เฉินเมิ่งฉีหัวเราะอย่างสะใจ เธอดูพึงพอใจมาก
ต้องมีเรื่องเกิดขึ้นกับอ้ายเฉียนแน่ เฉินเมิ่งฉีแก้แค้นให้ตัวเธอเองโดยผ่านอ้ายเฉียน!
กู้หนิงรู้ที่ตั้งของโกดังจากภาพที่เธอเห็น เธอบอกให้คนขับแท็กซี่เปลี่ยนเส้นทางและไปที่นั่นทันที โชคดีที่โกดังอยู่ไม่ไกล แต่ต้องใช้เวลาอย่างน้อยห้านาทีเพื่อไปที่นั่นจากสนามบิน
ในเวลาเดียวกันรถคันหนึ่งหยุดอยู่ด้านนอกโกดังร้าง ประตูถูกผลักเปิด ชายสี่คนกระโดดออกมา หนึ่งในนั้นอุ้มอ้ายเฉียนที่หมดสติลงจากรถ เดินเข้าไปในโกดังและปิดประตู
ภายในโกดัง เฉินเมิ่งฉีรอพวกเขาอยู่ก่อนแล้ว เธอยิ้ชั่วร้ายและพอใจยิ่งที่เห็นพวกเขาอุ้มอ้ายเฉียนเข้ามาข้างใน
เฉินเมิ่งฉีเดินเข้าไปหาอ้ายเฉียนที่ถูกวางไว้บนพื้น เธอมองอ้ายเฉียนที่หมดติ “ปลุกเธอ ฉันต้องการให้เธอรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น”
โดยไม่รอช้า ผู้ชายคนหนึ่งก็สาดน้ำใส่หน้าอ้ายเฉียน
ไม่นานอ้ายเฉียนก็ฟื้นขึ้นมา เมื่อสติกลับมา เธอเห็นผู้ชายสี่คนและเฉินเมิ่งฉี เธอตกใจและหวาดกลัวมาก
“เธอจะทำอะไร!?”
อ้ายเฉียนพยายามจะลุกขึ้น
“อืม แน่นอน ฉันจะปล่อยให้เธอได้ลิ้มรสความรู้สึกของการถูกผู้ชายหลายๆคนรุมโทรมไงล่ะ” เฉินเมิ่งฉียิ้มเยาะ ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความเกลียดชัง