ตอนที่ 201: ตัวตนที่แท้จริงของเลิ่งเชาถิง
ถึงแม้ว่าติงเป่ยเว่ยจะไม่ได้คิดว่าเธอพูดเล่น เขาก็ยังรู้สึกประหลาดใจอยู่ดี เด็กสาววัยรุ่นคนหนึ่งจะเป็นนักธุรกิจได้ยังไง?
“ฉันเข้าใจว่าฉันเด็กยังเด็กอยู่ คุณอาจไม่เชื่อว่าฉันจริงจัง แต่ฉันหมายความตามที่พูดจริงๆค่ะ ครอบครัวของฉันทำธุรกิจเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ ถึงแม้จะเทียบกับบริษัทหงหยุนไม่ได้แต่พวกเราก็สามารถซื้อที่ดินนี้ได้ ถ้าคุณยินดีพิจารณาข้อเสนอของฉัน พวกเราจะคุยกันต่อหน้าทุกคนก่อนเซ็นสัญญา” กู้หนิงกล่าว
ติงเป่ยเว่ยไม่สามารถตัดสินใจเรื่องนี้คนเดียวได้ กู้หนิงจึงไม่บังคับเขาให้สัญญาอะไรกับเธอ กระนั้นเธอก็มั่นใจว่าเธอสามารถเจรจาซื้อที่ดินได้
ตอนแรกติงเป่ยเว่ยตื่นเต้นยินดีที่ได้ยินข้อเสนอ ถ้าพวกเขาได้ราคาที่สมเหตุสมผล พวกเขาไม่ต้องกังวลเรื่องการหาที่อยู่ใหม่ เขาสงบจิตใจและถามออกไปด้วยความสงสัยว่า “ในเมื่อครอบครัวเธอทำธุรกิจแล้วเด็กอย่างเธอสามารถตัดสินใจเองได้เหรอ? และประธานบริษัทหงหยุนคือฟางซางเจิ้ง พี่เขยของผู้กำกับกรมทางหลวง อีกอย่างญาติของผู้กำกับก็เป็นรองผู้ว่า ครอบครัวของเธอสามารถรับมือพวกเขาได้เหรอ?”
ใครที่ต้องการซื้อที่ดินแห่งนี้ต้องได้รับความเห็นชอบจากรัฐบาลก่อน
แม้ว่าติงเป่ยเว่ยจะเอนเอียงไปทางกู้หนิงอยู่บ้าง แต่เขาก็ยังสงสัยในความสามารถของเธอ เขาไม่รู้จักกู้หนิงหรือภูมิหลังของเธอเลย มันเป็นเรื่องยากสำหรับเขาที่จะพึ่งพาคนแปลกหน้า ในขณะเดียวกันเขาก็รู้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับบริษัทหงหยุนซึ่งเป็นหนึ่งในสามบริษัทอสังหาริมทรัพย์ที่ใหญ่ที่สุดในเมือง G มีทรัพย์สินหลายพันล้านหยวน และอยู่ในอันดับที่เก้าในรายชื่อผู้ร่ำรวยที่สุด นอกจากนี้ยังได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาล
เหตุผลที่หงหยุนสามารถได้รับสิทธิ์ในการเข้าซื้อกิจการก่อนการเปิดซื้อขาย เพราะหงหยุนมีเครือข่ายที่แข็งแกร่งภายในรัฐบาล
กู้หนิงเข้าใจว่าเธอต้องโชว์ความสามารถในการโน้มน้าวติงเป่ยเว่ย
“ถ้าหากฉันบอกว่าฉันมีคนสนับสนุนที่มีอำนาจมากกว่าหงหยุนล่ะคะ?” กู้หนิงถาม
ได้ยินแบบนั้นติงเป่ยเว่ยประหลาดใจ เขาจ้องหน้าเธอค้นหาความจริง
กู้หนิงพูดต่อว่า “คุณติง ฉันรู้ว่าเป็นเรื่องยากสำหรับคุณที่จะเชื่อฉัน เพราะว่าพวกเราเพิ่งพบกันและไม่รู้จักกันมาก่อน แต่ฉันหวังว่าคุณจะรับพิจารณาข้อเสนอของฉัน ถ้าคุณเต็มใจขายที่ดินให้ฉัน ฉันสามารถเซ็นสัญญาและจ่ายเงินให้คุณหน้างานได้ ไม่ว่าคุณต้องการเงินสด เช็ค หรือโอนเข้าบัญชี ฉันจัดการให้ได้หมดค่ะ คุณไม่คิดว่านี่เป็นข้อเสนอที่ดีเหรอคะ? ถ้าคุณปล่อยให้หงหยุนได้ที่ดินนี้ไปคุณจะไม่ได้ราคาที่สมเหตุสมผลแน่นอนค่ะ”
ติงเป่ยเว่ยตะลึงพร้อมกับตัวสั่น พวกเขาสามารถเซ็นสัญญาหน้างานได้! เรื่องแบบนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ปกติเงินจะถูกโอนเข้าบัญชีของพวกเขาหลังจากการซื้อขายไปนานแล้ว
ถ้ากู้หนิงรักษาสัญญาของเธอมันจะมีประโยชน์ต่อพวกเขามาก และการขายให้หงหยุนเป็นความคิดที่แย่สุดๆ
“เยี่ยม! ตอนนี้ฉันเชื่อเธอและจะไปคุยกับเพื่อนบ้านของฉัน” ติงเป่ยเว่ยเลือกเชื่อกู้หนิง
“ดีค่ะ นี่คือเบอร์โทรของฉัน รับกวนโทรมาเมื่อคุณตัดสินใจได้แล้ว ฉันหวังว่าคุณจะตัดสินใจได้ในเร็ววันนี้ เพราะหากหงหยุนรู้เข้าคุณอาจโดนกดดันอย่างหนัก” กู้หนิงเตือนเขา
“ได้ ฉันจะให้คำตอบเธอคืนนี้” หากหงหยุนเรียลเอสเตทรู้เข้าคงบังคับพวกเขาขายให้ด้วยวิธีที่รุนแรง และพวกเขาก็จะกลายเป็นเหยื่อ
“ดีเลยค่ะ!” กู้หนิงเองก็ต้องการคำตอบวันนี้เหมือนกัน หลังจากแลกเบอร์มือถือ กู้หนิงก็ถามขึ้นอีกครั้งว่า “ถนนเส้นนี้ใหญ่แค่ไหนคะและที่นี่มีกี่ครัวเรือน?”
“ถนนเจิ้งหยางมีพื้นที่ประมาณ 7 หมื่นตารางเมตรมีครัวเรือน 558 ครัวเรือน” ติงเป่ยเว่ยตอบ
ที่ดินเจ็ดหมื่นตารางเมตรไม่ใหญ่มาก แต่เหมาะที่จะสร้างที่อยู่อาศัยเป็นเพราะทำเลดี
สี่โมงเย็น กู้หนิงกล่าวคำอำลากับติงเป่ยเว่ยและคิดว่าไปถนนขายของเก่าไม่ทันแล้ว กู้หนิงจำเป็นต้องใช้เครือข่ายของเธอเพื่อให้ได้มาซึ่งสิทธิในการครอบครองที่ดิน
ถึงแม้ติงเป่ยเว่ยจะยังไม่ได้ให้คำตอบเธอแต่เธอเชื่อว่าเขาต้องตอบตกลง ไม่มีใครปฏิเสธข้อเสนอของเธอ เว้นแต่หงหยุนเรียลเอสเตทยินดีที่จะเสนอราคาที่สูงกว่า...
สูงกว่าเธอ
“ให้ผมช่วยคุณเกี่ยวกับสิทธิ์ในการซื้อที่ดิน” เลิ่งเชาถิงไม่ได้อยู่กับกู้หนิงตอนที่คุยกับติงเป่ยเว่ย แต่อยู่ใกล้พอได้ยินคำพูดของพวกเขาอย่างชัดเจน
“คุณจะสะดวกรึเปล่า?” กู้หนิงถาม
เธอกะว่าจะขอให้หยวนเจิ้งหลินช่วยเพราะเขาทำงานการเมือง เลิ่งเชาถิงทำงานในกองทัพและไม่คุ้นเคยกับการเมือง
“สะดวกสิ” เลิ่งเชาถิงตอบ มันไม่ใช่เรื่องใหญ่สำหรับเขา ถึงต่อให้เป็นเรื่องใหญ่เขาก็สามารถจัดการให้กู้หนิงได้
“ขอบคุณค่ะ!” กู้หนิงตอบ เธอไม่อยากทำลายน้ำใจของเขา
เลิ่งเชาถิงไม่รู้จักกับนักการเมืองเป็นการส่วนตัว แต่ครอบครัวของเขาเกี่ยวข้องกับการเมือง ตระกูลเลิ่งเกี่ยวข้องกับทหาร การเมือง และธุรกิจและเป็นหัวหน้าของสี่ตระกูลที่มีอิทธิพลมากที่สุดในเมืองหลวง
ใช่แล้วเลิ่งเชาถิงเป็นหลานชายคนโตของตระกูลที่เป็นตระกูลผู้นำในเมืองหลวง แต่วันนี้เขามีทุกอย่างด้วยตัวเองและไม่เคยขอความช่วยเหลือจากครอบครัว
กู้หนิงจึงเล่าให้เลิ่งเชาถิงฟังว่าเกิดอะไรขึ้นกับเจิ้งหัวเรียลเอสเตท
เลิ่งเชาถิงหลีกเลี่ยงไม่ให้กู้หนิงโทรหาใครบางคน ดังนั้นกู้หนิงจึงไม่รู้ว่าเขาโทรหาใคร เธอเองก็ไม่ถามเช่นกัน ทุกคนมีความลับของตัวเองอยู่แล้ว เธอมีความลับมากมายที่ไม่ได้บอกเขารู้เหมือนกัน
ไม่นานสิทธิ์ในการซื้อที่ดินก็ถูกตัดสิน
เจิ้งหัวเรียลเอสเตทและหงหยุนเรียลเอสเตทกลายเป็นคู่แข่งกัน กู้หนิงตัดสินใจปิดข้อตกลงก่อนที่หงหยุนจะรู้เรื่องนี้
เธอโทรหาอ้ายกวงเหยาทันทีเพื่อบอกเขาเกี่ยวกับสิ่งที่เธอทำในเมือง G และบอกให้เขาเตรียมสัญญาพร้อมกับทนายความและผู้ช่วย เธอจะโทรหาเขาอีกครั้ง ถ้ามันสำเร็จเขาจะต้องบินไปเมือง G ในเช้าวันพรุ่งนี้เพื่อทำตามขั้นตอนต่างๆ
เธอได้เตรียมเงินไว้เรียบร้อยแล้ว
เมื่อได้ยินข่าวอ้วยกวงเหยารู้สึกตกใจกับความสามารถของกู้หนิง แม้ว่าการกระทำของเธอจะด่วนตัดสินใจไปสักหน่อยและขาดการพิจารณาอย่างถี่ถ้วน แต่อ้ายกวงเหยาก็ต้องยอมรับว่าเธอตัดสินใจได้ถูกต้อง
โดยปกติบริษัทอสังหาริมทรัพย์จำเป็นต้องสำรองเงินทุนไม่เพียงแต่สำหรับเงินทุนและคนงานเท่านั้น แต่ยังรวมถึงที่ดินเมื่อจะสร้างอาคารด้วย
ตอนที่ 202: ทรัพย์สินของเลิ่งเชาถิง
ตราบใดที่คุณมีเงินทุนเพียงพอคุณก็สามารถหาคนงานได้อย่างเพียงพอ แต่การได้มาซึ่งที่ดินที่ดีนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย ในขณะเดียวกันคุณต้องได้รับอนุญาตจากรัฐบาล มิฉะนั้นคุณจะไม่มีคุณสมบัติในการได้มาซึ่งที่ดินแม้จะมีเงินทุนหนาก็ตาม
อ้ายกวงเหยารู้ว่าหงหยุนเรียลเอสเตทเป็นบริษัทที่ทรงพลังที่มีทรัพย์สินหลายพันล้านหยวน ดังนั้นแม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่ากู้หนิงตัดสินใจถูกต้องหรือไม่ แต่เขาก็เชื่อมั่นในตัวเธอ
ทางเลือกของหงหยุนคือต้องเสนอราคาที่ดีกว่าถ้าพวกเขาอยากได้ที่ดินไปครอบครอง
อย่างไรก็ตามสิ่งที่ทำให้อ้ายกวงเหยากังวลคือเงินทุนในการสร้างอาคาร เจิ้งหัวกู้เงินจากธนาคารจนเต็มเพดานแล้ว เขาไม่สามารถกู้ได้อีก
กู้หนิงยังขาดเงินทุนอยู่มากซึ่งไม่พอสร้างอาคาร และเธอไม่มีความตั้งใจที่จะร่วมมือกับบริษัทอสังหาริมทรัพย์อื่น ดังนั้นเธอจึงยังไม่รีบสร้างอาคารแม้ว่าจะได้ที่ดินมาก็ตาม
เธอวางแผนที่จะสร้างอาคารหลังวันหยุดพักผ่อนเมื่อเธอจะไปที่จังหวัด Y เพื่อพนันหินรวบรวมเงินทุน อย่างไรก็ตามเธอยังไม่สามารถบอกอ้ายกวงเหยาถึงแผนการของเธอได้ เธอจะต้องแนะนำเขาให้รู้จักกับโจวเจิ้งหงก่อนที่อ้ายกวงเหยาจะพบความสามารถที่โดดเด่นของเธอในการพนันหิน ในกรณีนี้จะไม่ทำให้เขาสับสนหากอยู่ๆเธอก็มีเงินจำนวนมหาศาลในภายหลัง
อ้ายกวงเหยาคิดว่านี่ไม่ใช่ข้อตกลงที่ปลอดภัยซะทีเดียว แต่เขาเลือกที่จะเชื่อ กู้หนิง หลังจากวางสายเขาก็เตรียมสัญญาทันทีและแจ้งทนายความพร้อมกับผู้ช่วยที่เชื่อถือได้หลายคน พวกเขาตกตะลึงเช่นเดียวกับอ้ายกวงเหยา แต่อ้ายกวงเหยาไม่ได้อธิบายเพิ่มเติม ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ถามว่าทำไม
ซื่อตู้เย่โทรศัพท์หากู้หนิง สีหน้าเลิ่งเชาถิงเปลี่ยนไปแต่ไม่ได้ทักท้วงกู้หนิง กู้หนิงรู้ว่าเขาไม่ค่อยพอใจที่เธอยังรักษาความสัมพันธ์ที่ดีกับซื่อตู้เย่อยู่ แต่เธอต้องรับสาย “สวัสดีค่ะ เป็นไงบ้างคะ?”
“ดีครับ ว่าแต่คืนนี้ว่างไหม? ไปทานข้าวเย็นกัน?” ซื่อตู้เย่ถาม
ได้ยินเช่นนั้นเลิ่งเชาถิงก็ยิ่งไม่พอใจ กู้หนิงไม่รู้จะตอบยังไงเธอเลยยังไม่ได้ตอบ!”
“ขอโทษนะคะ คืนนี้ฉันไม่ว่าง ไว้พวกเราค่อยไปทานข้าวกันวันหลังนะคะ?” กู้หนิงปฏิเสธเพราะเลิ่งเชาถิง แต่เธอก็ไม่สามารถหลบหน้าซื่อตู้เย่ได้เพราะเขาเคยช่วยเหลือเธอและยังมอบของขวัญล้ำค่าให้เธอ เธอไม่อาจทำเป็นนิ่งเฉยได้
“ก็ได้ ผมจะรอคุณ” ซื่อตู้เย่ไม่เซ้าซี้ เลิ่งเชาถิงคิดว่าซื่อตู้เย่กำลังจีบกู้หนิง
ผู้ชายอาจรู้สึกอ่อนไหวเมื่อต้องแข่งขันกันเพื่อความรัก เลิ่งเชาถิงไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเรื่องรักๆใคร่ๆมาก่อน แต่ตอนนี้เขาสามารถสัมผัสได้ถึงภัยคุกคาม
กู้หนิงไม่คิดว่าซื่อตู้เย่จะมีความรู้สึกพิเศษใดๆต่อเธอ ดังนั้นเธอจึงไม่รู้วิธีจัดการกับอารมณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปของเลิ่งเชาถิง
“ไม่มีอะไรระหว่างเรา ทำไมคุณต้องหงุดหงิดเมื่อเขาโทรมาด้วย?” กู้หนิงถามพลางถอนหายใจ
“เขากำลังจีบคุณ” เลิ่งเชาถิงตอบ น้ำเสียงเหมือนเด็ก
“ไม่ใช่สักหน่อย! คนที่จีบฉันไม่ใช่เขา” กู้หนิงตอบ เธอไม่คิดว่าเลิ่งเชาถิงจะเข้าใจเธอผิดจนกระทั่งเดี่ยวนี้
“ถ้าอย่างนั้นใคร?” เลิ่งเชาถิงถาม
“ฉันปฏิเสธเขาไปแล้ว ไม่สำคัญหรอกว่าใคร” กู้หนิงไม่ยอมบอกว่าใครจีบเธอ
เมื่อได้ยินเช่นนั้นเลิ่งเชาถิงก็โล่งใจ เขาไม่ได้ถามอะไรอีกเพราะกู้หนิงได้ปฏิเสธคนๆนั้นไปแล้วและมันก็ไม่มีความหมายอะไรที่จะรู้ว่าผู้ชายคนนั้นเป็นใครอย่างไรก็ตามเขายังคงรู้สึกไม่สบายใจ เขารู้สึกได้ว่าซื่อตู้เย่ปฏิบัติต่อกู้หนิงต่างออกไป
เลิ่งเชาถิงไม่พูดถึงซื่อตู้เย่อีก แต่เขายังคงต้องระวังไว้สักหน่อยแล้ว
ติงเป่ยเว่ยมีความกระตือรือร้นมาก ในไม่ช้าก็มีการรวมตัวกับเพื่อนบ้านทั้งหมดเพื่อหารือเกี่ยวกับข้อตกลงที่กู้หนิงเสนอ บางคนเชื่อในขณะที่บางคนสงสัย มันฟังดูดีเกินจริง
ติงเป่ยเว่ยบอกว่าพวกเขาสามารถรับค่าตอบแทนเป็นเงินสดหรือโอนเงินที่ไซต์งานได้เมื่อเซ็นสัญญา ดังนั้นทุกคนจึงเห็นด้วยแม้ว่าหลายคนยังคงสงสัย พวกเขาจะรู้สึกมั่นใจหลังจากจัดการเสร็จแล้วเท่านั้น
ราวๆหนึ่งทุ่ม ติงเป่ยเว่ยก็โทรหากู้หนิงและบอกเธอว่าพวกเขาตกลง
กู้หนิงนัดเขาพรุ่งนี้สิบโมงครึ่งและพวกเขาควรเตรียมเอกสารไว้ล่วงหน้า เพื่อบรรเทาความกังวลของติงเป่ยเว่ย กู้หนิงบอกเขาด้วยว่าเธอได้รับสิทธิ์ในการซื้อที่ดินแล้ว
ติงเป่ยเว่ยประหลาดใจ เขาไม่คิดว่ากู้หนิงจะทำงานได้รวดเร็วขนาดนี้ เขาคิดว่าเธอเตรียมการมานานแล้ว แต่ไม่ว่ายังไงก็ตามพวกเขาต้องการเพียงค่าตอบแทนที่สมเหตุสมผลเท่านั้น
วางสายจากติงเป่ยเว่ยกู้หนิงก็โทรหาอ้ายกวงเหยา และบอกให้เขาเดินทางไปยังเมือง G ในเวลา 08:30 น. ของเช้าวันพรุ่งนี้ เธอจะไปรับเขาด้วยตนเอง
ตอนเซ็นสัญญาอาจมีเรื่องวุ่นวายเกิดขึ้น กู้หนิงจำเป็นต้องมีคนอยู่ด้วยหากมีอะไรเกิดขึ้น และเลิ่งเชาถิงก็อาสาทำหน้าที่นี้
จากนั้นกู้หนิงก็พบว่าเลิ่งเชาถิงมีบริษัทที่ให้บริการด้านความปลอดภัยคือบริษัทรักษาความปลอดภัยเซิ่งจื่อ และพนักงานทั้งหมดเป็นทหารที่เกษียณอายุแล้ว พนักงานรักษาความปลอดภัยสองแบบ
เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยและบอดี้การ์ด
เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยทั่วไปเป็นทหารที่เกษียณอายุราชการในขณะที่บอดี้การ์ดเป็นหน่วยรบพิเศษที่เกษียณอายุแล้ว อย่างหลังมีราคาแพงกว่า
ทหารที่เกษียณอายุแล้วหลายคนไม่สามารถหางานที่เหมาะสมได้ เลิ่งเชาถิงจึงคิดว่าเป็นความคิดที่ดีที่จะจัดตั้งบริษัทรักษาความปลอดภัยโดยจ้างทหารที่เกษียณอายุเป็นหลัก อย่างไรก็ตามคาดไม่ถึงว่าบริษัทเติบโตอย่างรวดเร็วและตอนนี้มีสาขาในเมืองใหญ่และทุกจังหวัด
บริษัทรักษาความปลอดภัยเซิ่งจื่อแตกต่างจากบริษัทรักษาความปลอดภันชิงฮวาซึงเป็นของแก๊งฉิง
บริษัทรักษาความปลอดภัยของแก๊งฉิงอาศัยชื่อเสียงและปริมาณ แต่บริษัท ของเลิ่งเชาถิงมีชื่อเสียงในด้านความสามารถและคุณภาพ การตรวจสอบในเซิ่งจื่อ เข้มงวดมาก บริษัทจะทดสอบพนักงานเป็นประจำจึงกลายเป็นบริษัทไฮคลาส
นักธุรกิจจะหันไปหาชิงฮวาในขณะที่เจ้าหน้าที่รัฐจะเลือกเซิ่งจื่อ นอกจากผู้บริหารระดับสูงในเซิ่งจื่อไม่มีใครรู้ว่าเลิ่งเชาถิงเป็นเจ้าของตัวจริง
หลังจากกินข้าวเย็นกับเลิ่งเชาถิง กู้หนิงบอกเลิ่งเชาถิงว่าเธอมีธุระต้องไปจัดการจึงบอกเขาให้กลับพักก่อน พรุ่งนี้ค่อยเจอกัน
เลิ่งเชาถิงเคารพเรื่องส่วนตัวของกู้หนิง ถึงแม้เขาจะอยากรู้ว่าเธอจะไปทำอะไรแต่เขาก็ไม่ได้ถามออกไป เขาไม่ต้องการบุกรุกความเป็นส่วนตัวของเธอ
“อ้อ เดี๋ยวนะ” เมื่อพวกเขากำลังจะแยกจากกัน เลิ่งเชาถิงคิดอะไรบางอย่างได้