ตอนที่ 193: เตะกระเด็น
ช่วงเวลาสั้นๆ รถปอร์เช่ของเลิ่งเชาถิงก็ขึ้นแซง เขาหยุดรถกะทันหันกลางถนน
ถนนสามเลน มีรถบรรทุกขนาดใหญ่จอดอยู่หนึ่งเลน รถของเลิ่งเชาถิงครอบครองอีกสองเลนและไม่เหลือที่ว่างให้พวกเขาขับผ่าน เว้นแต่พวกเขาจะขับชนรถของเลิ่งเชาถิง
ชายหนุ่มในรถสามคันสบถเสียงดังลั่น หยุดรถพวกเขาเสียงดังเอี๊ยดดดด
พวกเขาไม่อยากยอมรับความพ่ายแพ้ รถคันแรกหมุนรถกลับเพื่อขับหนี โดยไม่ระวังจึงชนรถคันที่สอง
เจ้าของรถสองคันนี้ไม่ค่อยถูกกัน แถมยังเมาด้วยกันทั้งคู่ จึงเกิดอารมณ์หงุดหงิดได้ง่าย ไม่นานเสียงทะเลาะจึงเริ่มขึ้น
เจ้าของรถคันที่สองลงมาจากรถ เดินไปที่รถคันแรก ด่าทอว่า “หลี่เฟิง แกขับรถบ้าอะไรของแกวะ?”
หลี่เฟิงลงมาจากรถของเขาและกำลังเดือดปุดๆ “หม่าเหรินอี้ แกคิดว่าแกเป็นใครถึงตะคอกใส่ฉัน! ? ห๊ะ! ไม่ได้ตั้งใจโว๊ย เดี๋ยวจ่ายค่าซ่อมให้”
“ฉันมีปัญญาจ่ายค่าซ่อมเองได้ ฉันแค่เกลียดแกว่ะ!” หม่าเหรินอี้พูดดุดัน
ขณะนั้นเจ้าของรถคันที่สามก็เดินเข้ามา “ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร พวกนายจะทะเลาะเสียงดังกันทำไมวะ? ใจเย็นๆดิ!”
“เว่ย ไม่ใช่ฉันที่ควรต้องใจเย็น ฉันทนไม่ได้อีกแล้วว่ะ มันนอนกับผู้หญิงของฉัน! ฉันก็ไม่ได้ว่าอะไร แต่ทุกทีที่มันปรากฏตัว ผู้หญิงของฉันต้องถูกมันล่อลวงทุกครั้ง! นายคิดว่าฉันยังจะทนได้อยู่อีกไหม?” หม่าเหรินอี้กัดฟัดกรอดด้วยความโกรธ
กู้หนิงอึ้ง เธอไม่คิดว่าจะมีเรื่องดราม่าอะไรแบบนี้ เธออยากจะหัวเราะให้ฟันหักซะจริง แต่พูดตามตรงผู้ชายที่ชื่อหลี่เฟิงหล่อกว่าผู้ชายที่ชื่อหม่าเหรินอี้จริงๆนั่นแหละ หรือจะพูดให้ชัดคือ หม่าเหรินอี้ไม่ใช่คนหล่อเลย เขาสูงเพียงหนึ่งร้อยหกสิบแปดเซนติเมตร ท้วมนิดหน่อยและดูจืดๆ
ส่วนหลี่เฟิงน่าจะสูงประมาณหนึ่งร้อยแปดสิบหกเซนติเมตร รูปร่างได้มาตรฐาน เขาไม่ได้หล่อมาก แต่มีใบหน้าคมคาย อีกอย่างเขาแต่งตัวดูดีและมีเสน่ห์ ประเภทเพลย์บอย
ผู้หญิงมักชอบผู้ชายที่ดูแบดบอย จึงเป็นที่เข้าใจได้ว่าสาวๆของหม่าเหรินอี้ไม่พ้นต้องนอนกับหลี่เฟิง
“ผู้หญิงของนายให้ท่าฉันก่อนนี่หว่า ไม่ใช่ความผิดของฉันสักหน่อย นายทนได้ไหมล่ะถ้าถูกยั่ว? แต่ฉันก็บอกปัดไปแล้ว อีกอย่างผู้หญิงไม่สนใจนายเอง นายจะโทษฉันเรื่องนี้ไม่ได้!” หลี่เฟิงเถียง เขาดูหมิ่นหม่าเหรินอี้เพราะไม่สามารถทำให้ผู้หญิงอยู่ข้างกายตัวเองได้
ถึงแม้หม่าเหรินอี้จะหน้าจืดๆ แต่เขามีเงิน สาวสวยหลายคนจึงยังเต็มใจเป็นคู่เขาให้เขา แต่เมื่อทุกคนเห็นหลี่เฟิงที่ทั้งหล่อและรวย เป็นธรรมดาที่พวกเธอจะเปลี่ยนเป้าหมายมาที่หลี่เฟิงแทน
“หลี่เฟิง ไอ้เ_ย!” หม่าเหรินอี้เดือดจัดเพราะอับอาย เขาง้างกำปั้นจะชกหลี่เฟิง
หลี่เฟิงที่อยากจะตั๊นหน้าหม่าเหรินอี้มานานแล้ว เขาไม่คิดว่าการที่ผู้หญิงของหม่าเหรินอี้หันมาชอบเขา จะเป็นความผิดของเขา ถ้าหม่าเหรินอี้ไม่ใช่เพื่อนของเว่ยเฟยหงละก็ เขาคงต่อยหม่าเหรินอี้ไปนานแล้ว แต่ตอนนี้หม่าเหรินอี้เป็นคนเปิดศึกก่อน เขาจึงไม่ลังเลที่จะสู้กลับ
เว่ยเฟยหงที่เป็นเจ้าของรถคันที่สามต้องการห้ามเพื่อนๆ แต่เขากลัวจะถูกลูกหลงไปด้วย ดังนั้นเขาจึงทำได้เพียงตะโกนอยู่ข้างๆ
“ทั้งสองคนหยุดเดี๋ยวนี้!”
หม่าเหรินอี้และหลี่เฟิงควบคุมตัวเองไม่ได้แล้ว ทั้งคู่แค่อยากระบายอารมณ์ใส่ฝ่ายตรงข้ามและชกกันให้รู้ดำรู้แดง การโต้เถียงกลายเป็นการแลกหมัดอย่างดุเดือด ประหนึ่งว่าเกลียดกันมาแต่ชาติปางก่อน
เลิ่งเชาถิงลงจากรถตามกู้หนิง กู้หนิงยืนกอดอกชมการต่อสูงอย่างสบายอารมณ์ ถึงแม้การชกต่อยของพวกเขาจะดูเก้ๆกังๆ แต่ก็ดูตลกดี
เว่ยเฟยหงสังเกตเห็นกู้หนิงและเลิ่งเชาถิง เขาตะลึงกับรูปลักษณ์หน้าตาของพวกเขา เขาไม่ได้สนใจเลิ่งเชาถิงถึงแม้ชายผู้นี้จะมีใบหน้าหล่อเหลาปานเทพบุตร สายตาของเขาตกอยู่ที่ร่างของกู้หนิง เขามองเธอด้วยสายตากรุ้มกริ่ม
เลิ่งเชาถิงมองเขาอย่างเย็นชาซึ่งทำให้เว่ยเฟยหงตกใจ สายตาของผู้ชายคนนั้นทำเอาเขาขนหัวลุก!
เลิ่งเชาถิงไม่พอใจที่มีผู้ชายมองกู้หนิงด้วยสายตากรุ้มกริ่ม มันดูไม่ให้เกียรติเธอ
แน่นอนว่ากู้หนิงก็ไม่พอใจกับสายตาของเว่ยเฟยหง้ช่นกัน เธอค่อยๆเดินเข้าไปหาเขา ตามมาด้วยเลิ่งเชาถิงที่เดินตามหลังเธอ เว่ยเฟยหงเผลอเดินถอยหลังโดยอัตโนมัติ แต่เขาพลันนึกได้ว่าการทำเช่นนี้ทำให้ตัวเองต้องเสียหน้า เขาจึงสงบจิตใจให้ใจเย็น แต่สายตาของเลิ่งเชาถิงทำให้เขาหายใจไม่ทั่วท้อง ราวกับว่าเลิ่งเชาถิงเป็นหัวหน้าของเขา
เว่ยเฟยหงถามว่า “จะทำอะไร?”
“นายบอกไม่ใช่เหรอว่า ถ้าพวกเราตามทันจะเรียกพวกเราว่าปู่ พวกเราตามทันแล้วนี่ไง เอ่าล่ะเรียกพวกเราว่าปู่สิ” กู้หนิงพูดไปด้วยยิ้มไปด้วย ด้ายท่าทางสบายๆ
“เธอ....” เว่ยเฟยหงไม่สบอารมณ์ “ใช่! ฉันพูด แต่ความหมายจริงๆคือถ้าเธอนอนกับฉัน ฉันจะเรียกเธอตามที่เธอต้องการบนเตียงของฉันต่างหากล่ะ!”
เว่ยเฟยหงไม่เพียงแต่ไม่ยอมรับ แต่ยังพูดจาดูถูกกู้หนิง เลิ่งเชาถิงและกู้หนิงชะงัก กู้หนิงยังไม่ทำอะไร เลิ่งเชาถิงก็เตะเว่ยเฟยหงกระเด็นไปไกล เขากระเด็นใส่รถของเขาดังตุ๊บ กระโปรงหน้ารถยุบลงไปตามแรงกระแทก
เว่ยเฟยหงถูกเตะที่ท้อง และกระเด็นไปกระแทกรถตัวเอง เขาเจ็บจนจุกพูดไม่ออก
เป็นเพราะเสียงกระดังกระแทก หม่าเหรินอี้และหลี่เฟิงหันขวับมามองเว่ยเฟยหงทันที ทั้งคู่ตกตะลึง
“เว่ย!”
หม่าเหรินอี้และเว่ยเฟยหงไม่สามารถทิ้งเว่ยเฟยหงไว้คนเดียวได้เพราะครอบครัวของเขา หากเขาบาดเจ็บขณะที่พวกเขาอยู่ด้วย พ่อของเว่ยเฟยหงย่อมไม่ปล่อยพวกเขาไปแน่
หม่าเหรินอี้และหลี่เฟิงหยุดสู้กันทันที และวิ่งเข้าไปหาเว่ยเฟยหง
“แกกล้าเตะเว่ย! รู้ไหมว่าเขาเป็นใคร?” หม่าเหรินอี้มองเลิ่งเชาถิงและกู้หนิงเขม็ง
ครอบครัวของเว่ยเฟยหงไม่ธรรมดา
เมื่อเห็นว่าหม่าเหรินอี้มองมาด้วยสายตาวาววับไม่พอใจ กู้หนิงเกือบหลุดหัวเราะออกมาดังๆ “โอ้ เขาเป็นใครงั้นเหรอ?” เธอถาม
ตอนที่ 194: เตรียมรับผลที่จะตามมาได้เลย!
กู้หนิงไม่สนใจเบื้องหลังของเขา ต่อให้เขาเป็นลูกชายของคนใหญ่คนโตในเมืองนี้ เธอก็จะปะทะกับเขาอย่างเช่นทุกที
ท่าทางของกู้หนิงทำให้หม่าเหรินอี้และหลี่เฟิงหงุดหงิด “พ่อของเว่ยเป็นผู้นำสาขาซวนอู๋ในแก๊งฉิง พวกแกทำร้ายเว่ย เตรียมรับผลที่จะตามมาได้เลย!”
สาขาซวนอู๋รับผิดชอบธุรกิจถูกกฎหมายต่างๆของแก๊งฉิง
พ่อของเว่ยเฟยหง ‘เว่ยจื่อหมิง’ เป็นผู้จัดการดูแลสถานบันเทิงต่างๆในเมือง G ในนามของแก๊งฉิง เขาเป็นหัวหน้าอาวุโสในสาขาซวนอู๋ แต่ก็เป็นเพียงหนึ่งในผู้จัดการหลายคนในแก๊งฉิงเท่านั้น
เว่ยจื่อหมิงอาจมีอิทธิพลต่อคนอื่น แต่สำหรับกู้หนิงแล้วไร้ความหมาย
“แล้วไง? ต่อให้หัวหน้าสูงสุดของพ่อเขาอยู่ที่นี่ ฉันก็ไม่กลัว” กู้หนิงพูดด้วยท่าทางยียวนกวนประสาท ทำเหมือนแก๊งฉิงไม่มีค่าในสายตาของเธอ
“เธอ...” หม่าเหรินอี้และหลี่เฟิงโกรธจนหน้าแดง พวกเขาไม่คิดว่าเด็กสาวจะอวดดีจองหอง เธอไม่กลัวแก็งฉิง พวกเขาคิดว่าการที่ไม่กลัวนั่นเป็นเพราะเธอไม่รู้ว่าแก๊งฉิงยิ่งใหญ่แค่ไหน
“เธอนี่มันไร้เดียงสาจริงๆนะ! อย่าขี้ขลาดจนหนีไปล่ะ!” หลี่เฟิงพูด เขาหยิบโทรศัพท์มือถือออกมา โทรขอความช่วยเหลือ
“ทำไมฉันต้องฟังคนอย่างนายด้วย? พวกเราจะกลับซะอย่างแล้วนายจะทำอะไรได้?” กู้หนิงยิ้มเยาะและเดินจากไปพร้อมเลิ่งเชาถิง
ถึงเธอจะไม่กลัวพวกเขา ก็ไม่ได้หมายความว่าต้องอยู่ตามที่พวกเขาบอก ทำไมเธอต้องเชื่อฟังด้วย?
กู้หนิงและเลิ่งเชาถิงกำลังเดินจากไป หม่าเหรินอี้และหลี่เฟิงไม่รู้ว่าจะหยุดพวกเขาด้วยวิธีไหน ได้แต่มองคนสองคนค่อยๆเดินขึ้นรถและขับออกไปอย่างรวดเร็ว “คอยดูเถอะจะได้เห็นดีกัน!”
ขณะนั้นเป็นเวลาหกโมงเช้า ท้องฟ้าเริ่มมีแสงอาทิตย์สาดส่องลงมา ฤดูหนาวรุ่งอรุณจึงมาช้า หากเป็นฤดูร้อนท้องฟ้าคงจะสว่างสดใส
รถหลายคนเริ่มแล่นบนท้องถนน และผู้คนก็ทยอยออกมาวิ่งตอนเช้า
พวกเขาขับรถอยู่บนถนนเป็นเวลานาน ท้องฟ้าสว่างไสวในเวลาเจ็ดโมงเช้า กู้หนิงและเลิ่งเชาถิงจึงไปที่ร้าน เมื่อไปถึง ร้านก็เปิดแล้ว โจวเจิ้งหงจัดให้คนงานรับประทานอาหารเช้าเป็นกะ
กู้หนิงมัวแต่ยุ่งกับการแก้เผ็ดเชาผิง เมื่อคืนเธอจึงยังไม่ได้แนะนำเลิ่งเชาถิง กับโจวเจิ้งหง โจวเจิ้งหงเป็นผู้ช่วยที่สำคัญที่สุดของเธอ และจำเป็นต้องแนะนำให้รู้จักกัน
“ลุงโจว นี่คือเพื่อนของหนูค่ะ เลิ่งเชาถิง” กู้หนิงพูดกับโจวเจิ้งหง จากนั้นก็พูดกับเลิ่งเชาถิงว่า “นี่คือประธานบริษัทของฉัน โจวเจิ้งหง”
โจวเจิ้งหงและเลิ่งเชาถิงต่างทักทายกัน
โจวเจิ้งหงถามกู้หนิงว่าเธอทำอะไรกับเชาผิง ไม่เพียงแค่โจวเจิ้งหงที่อยากรู้ ยังรวมถึงพนักงานคนอื่นๆอีกด้วย กู้หนิงจึงเล่าให้ทุกคนฟัง และพวกเขาก็พึงพอใจ
กู้หนิงและเลิ่งเชาถิงยังไม่ทานอาหารเช้า แต่เมื่อคืนกินมื้อดึกมาแล้ว พวกเขาจึงยังอิ่มอยู่
นี่เป็นครั้งแรกที่พนักงานหญิงในร้านเห็นผู้ชายที่หล่อมากอย่างเลิ่งเชาถิง พวกเธออดส่งสายตาเมียงมองมาที่เขาไม่ได้ แต่ไม่มีใครกล้าแสดงออกมากนัก เพราะบุคลิกอันเย็นชาของเขา
เชาผิงตื่นแต่เช้า เขาโทรหานักเลงที่จ้างไปทำลายร้านหยกบิวตี้จิวเวอรี่ แต่ไม่มีใครรับโทรศัพท์ เขาพยายามโทรหาอีกหลายสาย แต่ก็ยังเหมือนเดิม เชาผิงโมโหเพราะไม่มีใครรับสายของเขา ดังเขาจึงล้มเลิกความพยายาม ได้แต่หวังว่าพวกนั้นจะโทรกลับมา
เขาวางแผนที่จะขับรถไปแอบดูร้านหยกบิวตี้จิวเวอรี่ด้วยตัวเอง แต่เมื่อเขาจะเปิดประตูบ้าน กลับพบว่าประตูเปิดไม่ออก เขาคำรามด้วยความเกรี้ยวกราด “เป็นบ้าอะไรอีกเนี่ย!? ประตูเปิดไม่ออก!”
ภรรยาของเขาตื่นเพราะเสียงตะโกนเอ็ดตะโรของสามี เธอเดินออกมานอกห้องและถามสามีว่า
“อะไรคะ? ประตูเปิดไม่ออกเหรอคะ? เกิดอะไรขึ้น?” คุณนายเชาเดินไปที่ประตู บิดลูกบิดประตูสุดแรง “เกิดอะไรขึ้น?” เธออุทานถามออกมาอย่างตกใจ
“ผมจะไปรู้ได้ยังไง? โทรหานิติบุคคลเดี๋ยวนี้!” เชาผิงตะคอกสั่งภรรยาด้วยความโมโห
คุณนายเชารีบโทรหานิติบุคคลทันที
Harmonious Home เป็นที่พักอาศัยระดับสามดาว เป็นของบริษัทอสังหาริมทรัพย์ที่มีชื่อเสียง เมื่อคุณนายเชาโทรมา พวกเขาจึงรีบส่งคนมาดูทันที
จากนั้นพวกเขาก็พบว่ามีคนเทกาวในช่องว่างและพ่นสเปรย์สีขาวรอบ ๆ ประตู ตอนนี้ประตูใช้งานไม่ได้แล้ว ต้องถอดออกอย่างเดียว
เชาผิงโกรธจนเนื้อเต้น เขาไม่เข้าใจว่าใครจะทำเรื่องเช่นนี้กับเขาได้ เขาขอให้ตรวจสอบกล้องวงจรปิด แต่เทปบันทึกนั้นเสียหาย
เชาผิงเกือบเป็นบ้า แต่ยังโทรเรียกคนมาเปลี่ยนประตู หนึ่งชั่วโมงหลังจากนั้น ช่างก็มาถอดประตูออก เชาผิงบอกภรรยาให้อยู่บ้านก่อนที่เขาจะออกไปข้างนอก เมื่อเชาผิงลงมาถึงลานจอดรถ และพบว่ารถของเขาถูกพ่นสเปรย์เสียหายรอบคัน เขาเป็นลมล้มตึงทันที
ร้านหยกบิวตี้จิวเวอรี่จะจัดพิธีเปิดในเวลาสิบโมง เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยสิบคนที่ซื่อตู้เย่จัดไว้สำหรับกู้หนิงมาถึงตอนเก้าโมง
ในระหว่างนั้นซื่อตู่เย่โทรมาแสดงความยินดีกับกู้หนิง
เพราะสถานะพิเศษของซื่อตู้เย่ เขาจึงไม่สามารถมาด้วยตนเองได้ จึงทำได้เพียงโทรหากู้หนิง
เลิ่งเชาถิงเข้าใจผิด และคิดว่าซื่อตู้เย่กำลังตามจับกู้หนิงเหมือนกัน ดังนั้นเขาจึงไม่ชอบซื่อตู่เย่ตั้งแต่แรก เมื่อเขาได้ยินว่าซื่อตู้เย่โทรมา เขาก็ตัวเกร็งขึ้นมาทันที
ทั้งที่กู้หนิงปฏิบัติต่อซื่อตู้เย่อย่างเพื่อนธรรมดาคนหนึ่ง เลิ่งเชาถิงก็ยังไม่พอใจกับความจริงที่ว่าเธอหันไปขอความช่วยเหลือจากซื่อตู้เย่ ไม่ใช่เขา!
กู้หนิงสัมผัสถึงความไม่พอใจของเขา เธอพอจะรู้ว่าเขาคิดอะไรอยู่ เขาต้องไม่พอใจกับสิ่งที่ซื่อตู้เย่ทำเพื่อเธอ
กู้หนิงวางสายและถามว่า “เป็นอะไรคะ?”
“ทำไมคุณไม่บอกผมว่าต้องการเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย?” เลิ่งเชาผิงถามเธอกลับ
“ก็คุณบอกว่าคุณยุ่งนี่นา ฉันเลยไม่อยากรบกวน” กู้หนิงอธิบาย
เธอไม่รู้จริงๆนี่นาว่าควรขอความช่วยเหลือจากเขา เธอคิดว่ามันจะสะดวกกว่าหากขอให้ซื่อตู้เย่ช่วย เพราะแก๊งฉิงของเขาอยู่ในเมือง G