ตอนที่ 189: เชาผิงไม่พอใจ
“คือว่าฉันกำลังจะเปิดร้านขายเครื่องประดับที่เมือง G วันพรุ่งนี้ค่ะ เผื่อมีอะไรเกิดขึ้นเลยอยากจ้างบอดี้การ์ดมาช่วยดูแลเครื่องประดับ และช่วยเรารักษาความสงบเรียบร้อยในร้าน คุณพอแนะนำบอดี้การ์ดให้หน่อยได้ไหมคะ?” กู้หนิงรู้มาว่าแก๊งฉิงมีผู้รับเหมารักษาความปลอดภัยของตัวเอง แต่เธอไม่ได้พูดออกมาตรงๆเพื่อปกปิดความจริงที่ว่าเธอรู้จักตัวตนที่แท้จริงของเขา
“เธอกำลังจะเปิดร้านขายเครื่องประดับหยกใช่ไหม” ซื่อตู้เย่รู้สึกประหลาดใจ เขาคาดไม่ถึงว่าเธอจะทำธุรกิจตั้งแต่อายุยังไม่มาก “เหลือเชื่อจริงๆ!”
สำหรับคำขอของเธอ เขาจัดให้ได้ “ฉันมีบริการบอดี้การ์ดรับคุ้มครอง เธอต้องการกี่คน? ฉันสามารถจัดให้ได้พรุ่งนี้”
“จริงเหรอคะ? สักสิบคนพอค่ะ”
“ไม่มีปัญหา เราเป็นเพื่อนกันนี่!” ซื่อตู้เย่ตอบ
คนในแก๊งให้ความสำคัญกับมิตรภาพ ตราบใดที่คุณยังเป็นเพื่อนของพวกเขา พวกเขาก็เต็มใจที่จะช่วยเหลือคุณอย่างเต็มที่ แน่นอนว่าพวกเขาเกลียดการทรยศมากที่สุด เมื่อคุณทรยศพวกเขาก็เตรียมตัวจบเห่ได้เลย
เชาผิงกำลังเอนกายที่โซฟาหลังจากกินมื้อเย็น เขาเปิดทีวีกำลังดูข่าวรายการหกโมงครึ่ง
เขารู้ว่ามีร้านขายเครื่องประดับที่กำลังจะเปิดใหม่แล้ว ร้านหยกบิวตี้จิวเวอรี่ เขารู้สึกอิจฉาเป็นอย่างมากที่พวกเขามีหยกจักรพรรดิในมือ เขาอดคิดกับตัวเองไม่ได้ว่า ‘ทำไมไม่เป็นฉันที่ได้หยกจักรพรรดิ? ทำไมไม่เป็นฉันที่โชคดี?’
นอกจากนี้หยกบิวตี้จิวเวอรี่ยังเป็นแบรนด์ระดับไฮเอนด์ที่ใช้หยกตั้งแต่ระดับกลางถึงสูงขึ้นไป เครื่องประดับร้านโจวฝูของเขาไม่สามารถหาหยกระดับกลางได้มากขนาดนั้น และส่วนใหญ่ใช้หยกระดับกลางต่ำหรือระดับต่ำ แบรนด์ของเขามีทรัพย์สินเกือบสองร้อยล้านหยวนและกำลังได้รับความนิยมน้อยลง
เขาเข้าใจว่าเป็นเพราะเขามาแทนที่โจวเจิ้งหง เจ้าของร้านโจวฝูคนเก่า และพฤติกรรมของเขาส่งผลกระทบต่อแบรนด์เครื่องประดับโจวฝู เชาผิงไม่อยากยอมรับความจริง แต่ก็ต้องยอมรับ
เขายังไม่รู้ว่าโจวเจิ้งหงบริหารร้านหยกบิ้วตี้จิวเวอรี่ ทันทีที่โจวเจิ้งหงปรากฏตัวในรายการข่าวหกโมงครึ่ง พร้อมกับถือหยกจักรพรรดิในมือ ตำแหน่งของเขาคือประธานบริษัทหยกบิวตี้จิวเวอรี่
เชาผิงดีดตัวจากโซฟา เบิกตากว้างด้วยความตื่นตะลึงพรึงเพริด
“ไม่ เป็นไปไม่ได้ เป็นไปไม่ได้!” เชาผิงปฏิเสธความจริง ภรรยาของเขาที่กำลังล้างจานอยู่ในครัว ได้ยินเสียงตะโกนด้วยความโกรธ เธอวิ่งออกมาหาเขาและถามว่า “เกิดอะไรขึ้นคะ?”
“โจวเจิ้งหงเป็นประธานบริษัทหยกบิวตี้จิวเวอรี่! คุณเชื่อรึเปล่า?” เชาผิงชี้ไปที่โทรทัศน์
“อะไรนะคะ? นั่นเป็นไปไม่ได้!” คุณนายเชาไม่อยากเชื่อ แต่ข่าวในโทรทัศน์ที่กำลังออกอากาศทำให้ทุกอย่างกระจ่างชัดเจน
คุณนายเชาได้ยินชื่อหยกบิวตี้จิวเวอรี่ เธอยังได้บอกเพื่อนของเธอว่าจะไปร่วมงานเปิดตัวพรุ่งนี้ด้วย ถึงอย่างไรผู้หญิงก็ย่อมชื่นชอบหยกอยู่วันยังค่ำ
ถึงแม้ว่าสามีของเธอจะทำธุรกิจขายเครื่องประดับหยก แต่หยกของเขาคุณภาพไม่ดีเพียงพอ และเทียบกับหยกของร้านหยกบิวตี้จิวเวอรี่ไม่ได้ ตอนนั้นเธอไม่รู้ว่าใครคือเจ้าของร้าน ปรากฏว่าเป็นโจวเจิ้งหง เธอตกใจจนไม่สังเกตว่าผ้ากันเปื้อนหลุดจากตัวหล่นลงพื้น
“เขาไปเอาเงินมาจากไหน? แล้วไปเอาหยกบ้านี่มาจากไหน?” เชาผิงคิดไม่ออก เขาไม่เชื่อว่าโจวเจิ้งหงสามารถรวบรวมเงินและหยกได้มากมากขนาดนั้นในเวลาอันสั้น แต่โจวเจิ้งหงเป็นประธานของหยกบิ้วตี้จิวเวอรี่ไปแล้ว เชาผิงรู้สึกสับสนอย่างมาก
ประธานบริษัทถือว่าเป็นผู้ที่มีอำนาจสูงสุดในบริษัท ดังนั้นเชาผิงจึงไม่รู้ว่ายังมีคนที่ใหญ่กว่าโจวเจิ้งหง คนที่เป็นเจ้าของตัวจริง
“ไม่ได้ ผมยอมรับไม่ได้ ไม่ได้เด็ดขาด!” เชาผิงตะโกนด้วยความเดือดดาล
“ที่รัก คุณรู้จักหัวหน้าหูที่อยู่ในแก๊งฉิงไม่ใช่หรือ? ทำไมเราไม่ไปขอให้เขาช่วยล่ะคะ?” คุณนายเชาเสนอแผนชั่วร้าย
เธอคิดว่าถ้าโจวเจิ้งหงกลับมาประสบความสำเร็จอีกครั้ง ต้องแก้แค้นพวกเธอแน่
“ใช่! เราสามารถขอให้หัวหน้าหูช่วยได้นี่นา” ทันใดนั้นเชาผิงก็โทรหาหัวหน้าหู แต่หัวหน้าหูปฏิเสธคำขอของเขา บอกว่าภายในแก๊งฉิงกำลังตรวจสอบว่ามีใครแอบรับเงินเองหรือเปล่า ซึ่งทำให้เขาไม่กล้ารับงานนอกเป็นการส่วนตัว แม้ว่าเชาผิงจะเรียกเขาว่าหัวหน้าหู แต่เขาเป็นแค่หัวหน้ากลุ่มเล็กๆเท่านั้น
เชาผิงไม่สบอารมณ์แต่ไม่กล้าพูดอะไร เพราะไม่ต้องการให้อีกฝ่ายรำคาญ
อย่างไรก็ตามหัวหน้าหูแนะนำนักเลงให้เชาผิง นักเลงพวกนั้นไม่ได้อยู่ในแก๊งฉิง ดังนั้นพวกเขาสามารถทำตามที่เชาผิงขอได้ เชาผิงจึงตอบตกลง
เมื่อข่าวรายการหกโมงครึ่งออกอากาศ ฉินอี้ฟานที่อยู่บ้านตระกูลลี่ ทั้งเขาและครอบครัวลี่เจินหยูต่างแปลกใจที่รู้ว่าโจวเจิ้งหงเป็นประธานบริษัทหยกบิวตี้จิวเวอรี่
“โจวเจิ้งหงเป็นคนตัดหยกจักรพรรดิออกมาหรือ? ทำไมฉันไม่ได้ยินอะไรเลยจากถนนพนันหิน? และหยกบิวตี้จิวเวอรี่เป็นแบรนด์ระดับไฮเอนด์ เขาเอาเงินและหยกมาจากไหน” พ่อของลี่เจินหยูตกใจและสับสน
เขาทำงานในอุตสาหรรมจิวเวอรี่มาเนิ่นนาน ได้ยินเรื่องราวของโจวเจิ้งหงมาไม่น้อย ดังนั้นข่าวที่ออกอากาศทำเอาเขาตกใจและประหลาดใจ
ฉินอี้ฟานกลับเห็นต่างออกไป เขาจำโจวเจิ้งหงได้ โจวเจิ้งหงเป็นคนที่อยู่กับกู้หนิงที่ถนนพนันหินเมื่อครั้งก่อน และตอนนั้นเป็นกู้หนิงที่เป็นคนตัดหยกได้ ดังนั้นฉินอี้ฟานคิดว่าหยกจักรพรรดิต้องเป็นของกู้หนิงอย่างแน่นอน
เขาคิดว่ากู้หนิงมีส่วนเกี่ยวข้องกับหยกบิวตี้จิวเวอรี่ เมื่อคิดอย่างนั้นฉินอี้ฟานก็อดไม่ได้ที่จะหายใจเข้าออกยาวๆ ถ้าเป็นเช่นนั้นกู้หนิงก็น่าเหลือเชื่อเกินไปแล้ว!
ทั้งหมดนี้เป็นการคาดเดาของเขา แต่ทั้งหมดนี้อาจเป็นความจริง ถ้าหากพวกเขาไม่ได้อยู่ในสถานการณ์น่าอึดอัด เขาจะโทรถามเธอตอนนี้เพื่อให้แน่ใจ
การแข่งขันในธุรกิจอุตสาหกรรมเดียวกันค่อนข้างดุเดือด โดยเฉพาะระหว่างเพื่อน ลี่จิวเวอรี่มีทรัพย์สินมากกว่าโจวฝูจิวเวอรี่สองสามร้อยล้านหยวน แต่เครื่องประดับของพวกเขามีคุณภาพไม่ต่างกัน พวกเขามีทองคำ ทองคำขาวและเพชรวางขายลดราคา แต่ลี่จิวเวอรี่มีเครื่องประดับที่ทำจากหยกระดับกลางมากกว่าโจวฝูจิวเวอรี่
ตอนที่ 190: เกิดเรื่องกลางดึก
ตระกูลลี่มีความสัมพันธ์อันดีกับตระกูลฉิน ร้านหยกอี้ซุยเป็นร้านที่มีชื่อเสียงโด่งดัง มีประวัตินับร้อยปี ขายเครื่องประดับจากหยกระดับกลางขึ้นไป ลี่จิวเวอรี่จึงได้อานิสงค์จากร้านอี้ซุยบ้างเป็นบางครั้ง
โจวฝูจิวเวอรี่มีมูลค่าในตลาดน้อยกว่าลี่จิวเวอรี่ แต่มีความนิยมไม่น้อยหน้ากัน ดังนั้นตระกูลลี่และโจวเจิ้งหงจึงเป็นคู่แข่งทางธุรกิจ ลี่จื่อหยงเห็นได้ชัดว่าเขาไม่มีทางไปร่วมงานเปิดตัวร้านหยกบิวตี้จิวเวอรี่แน่นอน แต่เขาสงสัยในเรื่องนี้ ถึงแม้ลี่จิวเวอรี่จะเทียบไม่ได้เรื่องคุณภาพของหยกกับหยกบิวตี้จิวเวอรี่ เขาตัดสินใจที่จะหาข้อมูลของหยกบิวตี้จิวเวอรี่ให้มากขึ้น ดังนั้นลี่จื่อหยงจึงขอให้ลี่เจินหยูไปร่วมงานเปิดตัวร้านหยกบิวตี้จิวเวอรี่ในวันพรุ่งนี้
ฉินอี้ฟานมาที่เมือง G เพราะหยกบิวตี้จิวเวอรี่ ดังนั้นเขาจึงไปร่วมงานพรุ่งนี้อยู่แล้ว และลี่เจินเจินไปร่วมงานเพราะฉินอี้ฟาน
แม้ว่าฉินอี้ฟานจะปฏิเสธเธอและหักอกเธอหลายครั้ง เธอยังคงไม่ลืมเขา เธออยากจะลองดูอีกครั้ง ความสัมพันธ์ของเธอและฉินอี้ฟานแย่มาก แย่กว่านี้ก็คงไม่เป็นไรหรอก
หลังจากข่าวเย็นหกโมงครึ่งออกอากาศ ก็เกิดเสียงกระหึ่มทั่วเมือง G คนหลายคนที่รู้จักโจวเจิ้งหงต่างตกใจที่เขาเป็นถึงประธานบริษัทร้านหยกที่กำลังเปิดตัว ถึงแม้พวกเขาจะมีความคิดเช่นเดียวกับลี่จื่อหยง แต่ไม่มีใครได้คำตอบ
ส่วนคนที่มีความสัมพันธ์ที่ดีกับโจวเจิ้งหง เมื่อรู้ข่าวก็โทรหาเขาเพื่อแสดงความยินดีและเต็มใจที่จะได้กลับฟื้นฟูความสัมพันธ์กับเขาอีกครั้ง
โจวเจิ้งหงปฏิบัติต่อพวกเขาด้วยความสุภาพ เขาไม่ได้จงเกลียดจงชังเพราะถูกคนเหล่านั้นหันหน้าหนี ธุรกิจก็คือธุรกิจ โจวเจิ้งหงเข้าใจว่าทำไมพวกเขาถึงได้กลับมาติดต่อกับเขาอีกครั้ง และเขาเองก็จะใช้ประโยชน์จากตรงนี้ด้วยเช่นกัน ตราบใดที่คนเหล่านั้นไม่มีเจตนาทำร้ายเขา เขาก็จะปล่อยไป
กู้หนิงมีมื้อค่ำที่แสนวิเศษกับซื่อตู้เย่ เขาเสนอตัวไปส่งเธอหลังจากทานข้าวเสร็จ ในตอนแรกกู้หนิงปฏิเสธ แต่ซื่อตู้เย่ยืนกรานจะไปส่งเธอให้ได้ ท้ายที่สุดเธอจึงตอบตกลงให้เขาไปส่งเธอที่โรงงาน
งานเปิดตัวจะมีขึ้นในวันพรุ่งนี้ แต่พวกเธอยังไม่ได้ลำเลียงเอาเครื่องประดับต่างๆไปไว้ที่ร้าน พวกเธอต้องขนให้เสร็จภายในเที่ยงคืนและจัดวางในตู้โชว์
เมื่อกู้หนิงกลับไปที่โรงงานก็เป็นเวลาสองทุ่ม คนของเธอบรรจุเครื่องประดับลงในกล่องพร้อมเคลื่อนย้าย รอเพียงแต่กู้หนิงกลับมาเท่านั้น ทุกคนรวมถึงกู้หนิงช่วยกันขนเครื่องประดับไปไว้ในรถและขับไปที่ร้านหลังจากนั้น
พนักงานที่ร้านทำความสะอาดไว้รอแล้ว พวกเขาเริ่มจัดวางสินค้าหลังจากที่กู้หนิงมาถึง
สี่ทุ่ม กู้หนิงได้รับข้อความจากเลิ่งเชาถิง
เลิ่งเชาถิง: เธอทำอะไรอยู่?
กู้หนิง: กำลังจัดวางเครื่องประดับในร้าน นายล่ะ?
เลิ่งเชาถิง: อยู่ที่สนามบินกำลังไปสะสางงานบางอย่าง
กู้หนิง: ดูแลตัวเองด้วย!
พวกเขายังจัดวางไม่เสร็จจนกระทั่งเวลาเลยเที่ยงคืน จากนั้นพวกเขาก็ไปที่ห้องประชุม
นอกจากโจวเจิ้งหง ชางชิงชวน หวังจื่อหยงและเจาหรง ไม่มีใครู้ว่ากู้หนิงคือเจ้าของร้านที่แท้จริง กู้หนิงปล่อยให้โจวเจิ้งหงเริ่มการประชุม เธออยู่ในฐานะหุ้นส่วน เธอยังบอกให้พนักงานเก็บเป็นความลับเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหา
ทุกคนคิดว่ากู้หนิงไม่อยากให้คนอื่นรู้เพราะอายุของเธอ จึงรับปากเก็บเป็นความลับ
ยิ่งไปกว่านั้นพนักงานทุกคนเป็นคนมีน้ำใจและซื่อสัตย์ พวกเขาจึงไม่ได้มองว่ากู้หนิงและโจวเจิ้งหงอาจมีความสัมพันธ์ที่ผิดศีลธรรม เพราะการที่กู้หนิงกลายมาเป็นหุ้นส่วนได้ทั้งที่อายุยังไม่มากนั้นไม่น่าเป็นไปได้
ทันใดนั้นกู้หนิงได้ยินเสียงบางอย่างจากด้านนอก เธอขอให้หยุดการประชุมไว้ชั่วคราว ทุกคนทำหน้าสงสัยมองไปที่กู้หนิง กู้หนิงพูดกับพนักงานชายที่อยู่ข้างเธอด้วยเสียงทุ้มต่ำว่า “ไปตรวจกล้องวงจรปิดข้างนอกทีค่ะ”
พนักงานชายพลันตระหนักได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ เขารีบวิ่งไปที่ห้องวงจรปิดเพื่อตรวจสอบดู
กู้หนิงมีตาทิพย์ เธอสามารถเห็นว่ามีอะไรเกิดขึ้นข้างนอก แต่เธอไม่อยากให้คนอื่นรู้เรื่องนี้ ดังนั้นเธอเลยส่งพนักงานไปตรวจสอบกล้องวงจรปิดก่อน และค่อยบอกทุกคนหลังจากนั้น
ไม่นานพนักงานชายก็กลับมาที่ห้องประชุมด้วยสีหน้าไม่สู้ดี “มีรถ MPV หนึ่งคันจอดที่ด้านนอกครับ มีผู้ชายกว่าสิบคนออกมาจากร้านพร้อมกับไม้เหล็กในมือและพวกเขากำลังมองมาที่ร้านของเราตอนนี้ครับ!”
ข่าวที่ได้ฟังสร้างความตกตะลึง พนักงานรู้ได้ทันทีว่าร้านของพวกเขาจะต้องมีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้นแน่ ถึงแม้ร้านของพวกเขาจะมีระบบรักษาความปลอดภัยทำให้ไม่สามารถถูกปล้นได้ง่ายๆ แต่มันมีผลกระทบต่องานเปิดตัววันพรุ่งนี้อย่างไม่ต้องสงสัย หากร้านด้านนอกถูกทุบทำลาย
“ฉันจัดการเองค่ะ” กู้หนิงยืนขึ้น
“อะไรนะ?!”
ทุกคนอ้าปากค้างมองไปที่กู้หนิง พวกเขาไม่อยากเชื่อหูตัวเอง เธอจะจัดการเรื่องนี้เอง? เธอเป็นแค่เด็กสาววัยรุ่นเองนะ!
“เธอแน่ใจเหรอว่าจะจัดการเองได้?” โจงเจิ้งหงเป็นคนเดียวที่รู้ว่ากู้หนิงไม่ได้พูดเล่น แต่เขายังกังวล
“แน่นอนค่ะ!” กู้หนิงตอบอย่างมั่นใจ
ทุกคนรู้สึกเซอร์ไพรส์อีกครั้ง เธอจะออกไปสู้กับคนพวกนั้น?
“ผมจะออกไปด้วย!”
ยามสองคนลุกขึ้นพร้อมกัน ในฐานะเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย พวกเขาควรปกป้องร้านหากมีอุบัติเหตุเกิดขึ้น เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยทั้งสองคนเป็นคนหนุ่มแข็งแรงอายุประมาณ 27 ปี คนหนึ่งชื่อเค่อยิงและอีกคนคือเฉาฮัว
“ดีค่ะ ระตัวด้วย” กู้หนิงพูดกับพวกเขา
เธอสามารถจัดการเรื่องนี้ด้วยตัวเองได้ แต่ในเมื่อจ้างพวกเขามาแล้วก็ลองปล่อยให้พวกเขาทำหน้าที่ตัวเอง ในความหมายหนึ่งกู้หนิงต้องการทดสอบความสามารถพวกเขา
“ผมก็จะออกไปด้วย!”
ชางชิงชวนรู้ว่ากู้หนิงต่อสู้เก่ง แต่ไม่รู้ว่าเธอเก่งแค่ไหน พวกเขาไม่อย่างปล่อยให้เด็กสาววัยรุ่นจัดการเรื่องนี้ตามลำพังได้
“ไม่เป็นไรค่ะ อยู่ในนี้เถอะ” กู้หนิงสั่ง
นี่เป็นเรื่องฉุกเฉิน พวกเขาไม่อยากซ่อนตัวอยู่ในนี้
ชางชิงชวนและคนอื่นกำลังจะอ้าปากเถียง แต่ถูกโจวเจิ้งหงหยุดไว้ก่อน โจวเจิ้งหงบอกพวกเขาว่ากู้หนิงเก่งกังฟู และพวกเขาอาจกลายเป็นภาระของเธอได้หากออกไปข้างนอกด้วย
ในเมื่อโจวเจิ้งหงเป็นคนพูดเอง พวกเขาจึงยอมฟัง ไม่มีใครต้องการสร้างปัญหาเพิ่ม
ความจริงกู้หนิงดีใจที่รู้ว่าทุกคนต่างยืนหยัดอยู่ข้างเธอยามเผชิญเรื่องอันตราย พวกเขามีความภักดีต่อเธออย่างแท้จริงและพวกเขาทั้งหมดเป็นคนที่เชื่อถือได้