ตอนที่ 179: กู้หนิงไม่ธรรมดา?
อย่างไรก็ตามพวกเธอหวังว่าจะเป็นเรื่องจริง ถ้าเป็นจริงชื่อเสียงของกู้หนิงคงถูกทำลายย่อยยับไม่มีชิ้นดี
“แต่ค่าเทอมก็สูงเอาเรื่อง ต่อให้ครอบครัวพวกเขารวยแค่ไหนก็ไม่ใช่เงินของพวกเขาอยู่ดี ใครจะให้เงินคนอื่นง่ายๆโดยไม่ได้ผลประโยชน์?” จ้าวเฟยเฟยโต้กลับ แม้ว่าเสียงส่วนใหญ่จะสนับสนุนกู้หนิง
ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น เพื่อนร่วมห้องส่วนใหญ่เลือกเชื่อกู้หนิง
“คนจนก็สามารถเป็นคนรวยได้ คนที่อ้างตนว่าเป็นคนรวยก็เคยยากจนมาก่อน ทวดหรือปู่ของเธอก็เคยเป็นคนจนมาก่อนนี่? ไม่ลำบากก็ไม่รวย ตราบใดที่ขยันทำงานและมีความสามารถก็สามารถรวยได้ แทนที่จะเป็นทายาทที่ไร้ประโยชน์” กู้หนิงหัวเราะเยาะ
ได้ยินแบบนั้นหลายคนก็เห็นด้วยกับกู้หนิง ในชั้นเรียนของพวกเขามีเด็กรวยจริงๆ ไม่กี่คน และความมั่งคั่งของพวกเขาก็สืบทอดมาจากคนรุ่นก่อนที่ทำงานหนัก แม้แต่จ้าวเฟยเฟยเองก็เคยมีมีชีวิตที่น่าสงสารเมื่อเธอยังเป็นเด็กหญิงตัวเล็กๆครอบครัวของเธอเพิ่งร่ำรวยขึ้นเมื่อ 10 ปีที่แล้ว
“กู้หนิง ออกมาข้างนอกเดี๋ยวนี้”
ในตอนนั้นเอง อาจารย์ประจำชั้นบอกให้กู้หนิงออกไปข้างนอกห้องเรียน เธอดูหัวเสียที่เห็นข่าว
จางฉิวฮวาไม่เชื่อว่าเป็นเรื่องจริง แต่เธอต้องสืบสาวราวเรื่อง ไม่เช่นนั้นจะทำให้กู้หนิงและชื่อเสียงของโรงเรียนเสียหายอย่างมาก
เมื่อกู้หนิงเดินออกไปนอกห้อง ฉู่เพ่ยหานและมู่เค่อวิ่งมาหาเธอ ทั้งสองวิ่งตรงเข้ามาไม่สนใจจางฉิวฮวา “บอส เธอเห็นโพสข่าวรึยัง?”
“เห็นแล้ว ไม่ต้องห่วง ฉันจัดการได้” กู้หนิงตอบ
ทั้งที่กู้หนิงเป็นคนที่ตกเป็นข่าว เธอกลับใจเย็น แต่เพื่อนๆของเธอเป็นกังวลแทนเธอซะอย่างนั้น เพื่อนที่คอยช่วยเหลือคือเพื่อนที่แท้จริง
“เธออยากให้พี่ฉันช่วยสืบให้ไหมว่าใครอยู่เบื้องหลัง? พวกเราต้องตีมันให้ตายไปเลยครั้งนี้!” ฉู่เพ่ยหานพูดด้วยความโกรธ ทั้งที่จางฉิวฮวายืนอยู่ข้างเธอ
แต่ถึงอย่างนั้นจางฉิวฮวาไม่ได้พูดอะไร ไม่ใช่เพราะเธอกลัวครอบครัวของฉู่เพ่ยหาน แต่เพราะข่าวลือนั้นน่ารังเกียจ ไม่ว่าใครก็ตามที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ คนนั้นควรถูกลงโทษ
“ไม่ต้อง ขอบใจนะ ฉันว่าจะเช็คจากกล้องหน้ารถดู” กู้หนิงตอบ
“ดี” ฉู่เพ่ยหานและมู่เค่อโล่งอก พวกเขาจะไม่มีวันปล่อยคนชั่วลอยนวลแน่นอน
จากนั้นกู้หนิงก็เดินตามจางฉิวฮวาไป
พวกฮ่าวหรันมาสมทบกับฉู่เพ่ยหานและมู่เค่อทีหลัง พวกเขาไม่สามารถใจเย็นได้ทันทีที่เห็นข่าว ดังนั้นเลยวิ่งมาที่นี่
“บอสอยู่ไหน?” พวกเขาถาม
“ตามอาจารย์ประจำชั้นไปที่ห้องพักครูแล้ว ใจเย็น บอสจัดการเรื่องนี้ได้” ฉู่เพ่ยหานเป็นคนตอบ
“บ้าเอ๊ย ใครกันวะที่เป็นคนทำ ฉันจะอัดมันให้ตายเลย!” ฮ่าวหรันกัดฟันกรอด
“ใช่ บอสของเราไม่มีเสี่ยเลี้ยงบ้าบออะไรทั้งนั้น!” ฉินซีหุนพูดขึ้น
ห้องอาจารย์อยู่ชั้นสี่ของอาคารสอน แต่ละห้องมีอาจารย์อยู่สี่คน ภายในห้องอาจารย์ของจางฉิวฮวามีอาจารยืประจำชั้นห้องหนึ่ง ห้องสองและสามอยู่ด้วย
เจียงหยวนเป็นอาจารย์ประจำชั้นห้องสอง ฟ่างฉินเป็นอาจารย์ประจำชั้นห้องสาม เธอมีชื่อเสียงในเรื่องความไม่ค่อยมีมารยาท
ทันทีที่จางฉิวฮวาและกู้หนิงเดินเข้ามาในห้อง เธอพูดว่า “โอ้ อาจารย์จาง ช่วงนี้ห้องเรียนของคุณรู้สึกจะโด่งดังนะคะ โดยเฉพาะนักเรียนคนนี้ เธอทะเลาะกับเพื่อนที่โรงอาหาร จากนั้นก็มีเรื่องชกต่อยกับแก๊งฉิง มาตอนนี้กลับมีเสี่ยเลี้ยง ว้าว เธอนี่ไม่ธรรมดาเลยจริงๆ!”
นับตั้งแต่ห้องเรียนของจางฉิวฮวามีนักเรียนได้คะแนนท็อป ฟ่างฉิวก็อิจฉาเธอมาตั้งแต่ตอนนั้น
แม้ว่าทั้งสองห้องจะเป็นห้องเรียนธรรมดาไม่โดดเด่น แต่นักเรียนในห้องเรียนสามมักเรียนดีกว่านักเรียนในห้องเรียนสี่เสมอ อย่างไรก็ตามกู้หนิงได้คะแนนสูงสุดในทุกวิชา ฟ่างฉินไม่พอใจมาก
นอกเหนือจากห้องเรียนหนึ่งซึ่งเป็นห้องเรียนอันดับท็อปสุดและห้องเรียนสองซึ่งเป็นห้องเรียนที่ยอดเยี่ยม ส่วนที่เหลือทั้งหมดเป็นห้องเรียนทั่วไป ดังนั้นฟ่างฉินจะไม่แข่งขันกับห้องเรียนหนึ่งหรือสอง แต่ชอบที่จะแข่งขันกับห้องเรียนทั่วไปอื่นๆ
เจียงหยวนไม่พูดอะไร เขาไม่เชื่อเรื่องกู้หนิงมีเสี่ยเลี้ยง ครอบครัวกู้หนิงยากจน แต่ฉู่เพ่ยหายคงช่วยเธอแน่นอนถ้าเธอต้องการ
เจียงหยวนคิดว่าคนที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ตกอยู่ในปัญหาใหญ่แล้ว
กู้หนิงไม่ใช่คนขี้ขลาด ไม่มีใครสามารถรังแกหรือเอาเปรียบเธอได้ง่ายๆ
“เรื่องทั้งหมดนั้นเป็นเพราะคนอื่น กู้หนิงแค่ปกป้องตัวเองเท่านั้น” จางฉิวฮวาโต้กลับ ถ้าเป็นความผิดกู้หนิง เธอคงไม่เข้าข้าง แต่ในเมื่อกู้หนิงเป็นเหยื่อ เธอต้องปกป้อง
“ถ้าเธอไม่ไปทำให้คนอื่นรำคาญ เธอคงไม่มีเรื่องยุ่งยากมากมายตามมาขนาดนี้” ฟ่างฉินพูด เธอคิดว่าเป็นความผิดของกู้หนิง
จางฉิวฮวากำลังจะโต้คืน กู้หนิงอ้าปากพูดขึ้นก่อนว่า “อาจารย์ฟ่าง ในเมื่ออาจารย์รู้เรื่องพวกนี้ก็ควรที่จะรู้สาเหตุของเรื่องด้วยเหมือนกันนะคะ สำหรับเรื่องที่เกิดขึ้นที่โรงอาหาร เป็นเพราะมีคนเอาเรื่องแม่ของหนูมาพูดล้อเลียนสนุกปากต่อหน้าคนอื่นก่อน ถ้ามีใครมาสบประมาทแม่ของอาจารย์ต่อหน้าคนอื่นบ้าง หนูคิดว่าอาจารย์ก็คงไม่อยู่เฉยใช่ไหมคะ? ถ้าอาจารย์ทนอยู่เฉยๆได้ หนูก็นับถือในความอดกลั้นของอาจารย์ค่ะ” กู้หนิงพูดประชดประชันโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเธอพูดคำว่า "อดกลั้น" ด้วยความรังเกียจอย่างเห็นได้ชัด
ถ้าเธอสามารถปล่อยให้แม่และตัวเธอถูกล้อเลียนต่อหน้าสาธาณชนได้ เธอต้องเป็นคนอ่อนแอหรือไม่ก็ขี้ขลาดตาขาว
“เธอ...” ฟ่างฉินโกรธ กู้หนิงพูดต่อไปว่า “สำหรับเรื่องชกต่อย นั่นเป็นเพราะมีคนมาท้าต่อยกับหนู และตอนนี้หนูก็เป็นหัวหน้าพวกเขา”
“ส่วนเรื่องแก๊งฉิง กู้เซียวเซียวเป็นคนทำเรื่องนี้ เธอไม่ยอมหยุดหาเรื่องหนูง่ายๆ อาจารย์ยังคิดว่าเรื่องพวกนี้เป็นความผิดหนูอยู่ไหมคะ? อาจารย์เป็นอาจารยืที่พิเศษมาก นักเรียนในห้องอาจารย์ก็มีความคิดแบบเดียวกับอาจารย์ไหมคะ?”
“พิเศษ” ในบริบทนี้คือ ‘ไม่ปกติ’ การที่มีอาจารย์แบบฟ่างฉิน บางทีนักเรียนของเธออาจเป็นคนประเภทเดียวกัน
ฟ่างฉินหายใจขัดเพราะเธอกำลังโกรธจัด เธอไม่สามารถพูดเถียงกู้หนิงได้ ได้แต่จ้องกู้หนิงอย่างกับจะกินเลือดกินเนื้อ
ตอนที่ 180 โพสข่าวถูกลบ
สำหรับอาจารย์ที่ถูกสงสัยแบบนั้นช่างน่าละอายใจจริงๆ เธอไม่คิดว่ากู้หนิงจะกล้าต่อว่าเธอ กู้หนิงยังพูดไม่จบ เธอจึงไม่เปิดช่องว่างให้ฟ่างฉินโต้กลับ “ส่วนเรื่องข่าวลือนี้ ไร้สาระ!”
“ผู้หญิงคนหนึ่งถูกมองทำผิดศีลธรรมเพียงแค่ลงมาจากรถหรู? ไม่คิดกันหน่อยหรือคะว่าคนขับอาจจะเป็นญาติหรือเพื่อนของเธอ? คนจนมีญาติหรือเพื่อนรวยไม่ได้เหรอคะ? อีกอย่างในรูปก็ไม่เห็นตัวคนขับ ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเป็นผู้ชายหรือผู้หญิง แล้วด่วนสรุปว่าหนูทำผิดศีลธรรมแล้วเหรอคะ? อาจารย์ยังไม่รู้ความจริงแล้วทำไมถึงเชื่อไปแล้วว่าหนูทำผิด? ในฐานะเป็นอาจารย์การด่วนตัดสินโดยไม่มีหลักฐานที่เชื่อถือได้ไม่ค่อยน่าฉลาดเท่าไหร่เลยนะคะ”
ฟ่างฉินโกรธจัดด้วยความอับอาย เธอกล้าวิจารณ์อาจารย์ซึ่งๆหน้า “จางฉิวฮวา นักเรียนของคุณไม่มีความเคารพต่อครูบาอาจารย์เลยสักนิด!”
“หนูพูดผิดหรอคะ?” กู้หนิงถาม
กู้หนิงรู้ว่าเธอควรเคารพอาจารย์ แต่อาจารย์ก็ควรเคารพเธอก่อน เห็นได้ชัดว่าฟ่างฉินไม่ใช่อาจารย์ที่ดี ดังนั้นเธอจึงไม่สมควรได้รับการเคารพจากกู้หนิง
“ผมไม่คิดว่ากู้หนิงพูดผิดตรงไหน อาจารย์ฟ่าง พวกเรายังไม่รู้ความจริง ไม่ดีมั้งครับที่จะตัดสินเธอตอนนี้” เจียงหยวนพูด เขาไม่ได้ปกป้องกู้หนิง แค่พูดตามจริง
“คุณ....” ฟ่างฉินตอนนี้ยิ่งกว่าคำว่าโกรธ แต่ไม่รู้จะโต้เถียงพวกเขายังไง ฟ่างฉินรู้ว่ามันเป็นแค่ข่าวลือ แต่เธอเคยวิจารณ์คนอื่นเพียงเพราะเธอไม่ชอบพวกเขา ฟ่างฉินเสียหน้า เธอรู้สึกอับอายเกินไปที่จะนั่งอยู่ในห้องทำงาน รีบออกไปอย่างรวดเร็ว
ไม่มีการรบกวนจากฟ่างฉิน จางฉิวฮวาจึงมีเวลาพูดกับกู้หนิง “เธอบอกความจริงกับครูได้ไหม?”
“เพื่อนคนหนึ่งที่พักอยู่บริเวณเดียวกับหนูขับรถมาส่งค่ะ ไม่มีอะไรเกี่ยวกับโพสนั้นเลย ให้หนูจัดการเรื่องนี้เองเถอะค่ะ” กู้หนิงตอบ
“เธอแน่ใจนะว่าสามารถจัดการได้?” จางฉิวฮวาถาม “ค่ะ” กู้หนิงตอบ
“ตามนั้น ครูไม่อยากให้มีผลกระทบกับห้องเรียนของเราหรือโรงเรียนของเรา ถ้าเป็นแบบนั้นเธอจะถูกไล่ออก ถึงตอนนี้ครูก็ช่วยเธอไม่ได้” จางฉิวฮวาเตือนกู้หนิง
ข่าวลือไม่ใช่เรื่องใหญ่ แต่มีผลกระทบมาก ถ้าถูกแก้ไขได้เร็ว ทุกอย่างจะดีต่อทุกฝ่าย แต่ถ้าถูกลือออกไปข้างนอกจะต้องมีคนถูกลงโทษ
“ค่ะ” กู้หนิงตอบ
เมื่อกู้หนิงออกจากห้องทำงานอาจารย์ โทรศัพท์เธอสั่น เธอหยิบขึ้นมาดูพบว่ามีข้อความจากเลิ่งเชาถิง เธอตกใจทันทีที่อ่านข้อความ
เป็นคลิปจากกล้องในรถของเขา คนที่แอบถ่ายรูปกู้หนิงคือเฉินจื่อเหยา! กู้หนิงคิดว่าเฉินจื่อเหยาได้รับบทเรียนไปแล้วจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับกู้เซียวเซียว
อันที่จริงก่อนหน้านี้กู้หนิงไม่ได้ตั้งใจทำให้เฉินจื่อเหยามีปัญหา และยกโทษให้เธอไปแล้วกับสิ่งที่เธอทำ แต่ในเมื่อหลักฐานชี้ไปที่เฉินจื่อเหยา กู้หนิงจะใช้ประโยชน์จากมันเต็มที่
นอกจากคลิปวิดีโอแล้วในข้อความเลิ่งเชาถิงยังถามเธอว่า “ให้ช่วยไหม?”
เขาไม่ต้องการเข้าไปยุ่งในเรื่องส่วนตัวของเธอโดยไม่ได้รับอนุญาต แม้ว่าเขาอยากจะทำอะไรเพื่อเธอ แต่เขาไม่อยากทำให้เธอหงุดหงิดใจ ที่สำคัญที่สุดเขาเชื่อว่าเธอมีความสามารถมากพอที่จะจัดการกับมันได้
กู้หนิงอยากรู้ว่าเลิ่งเชาถิงรู้ข่าวได้ยังไง เธอจึงโทรหาเขาทันที เขารับโทรศัพท์อย่างรวดเร็ว เห็นได้ชัดว่าเขาถือมันไว้ในมือ
“หนิงหนิง” เลิ่งเชาถิงรับสาย มีร่องรอยความห่วงใยและรู้สึกผิดในน้ำเสียงของเขา ถ้าเขาไม่ขับรถไปส่งเธอที่โรงเรียนก็คงไม่เกิดเรื่อง
นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเรียกชื่อเธอ หัวใจของเธอเต้นผิดจังหวะ
เธอถามว่า “คุณรู้เรื่องนี้ได้ยังไง?”
“ผมเข้าไปดูกระทู้ในโรงเรียนของคุณ ก็เลยเจอ” เลิ่งเชาถิงตอบ
เขาอยากรู้เกี่ยวกับโรงเรียนของเธอ ดังนั้นจึงเข้าไปที่กระทู้โรงเรียน เขาตกใจมากที่มีข่าวลือ เขารู้สึกแย่ที่ไม่รู้ว่าเธอมาจากครอบครัวแม่เลี้ยงเดี่ยวจนกระทั่งอ่านข่าว เขาอยากดูแลเธอมากกว่านี้
“อยากให้ผมทำอะไรไหม?” เลิ่งเชาถิงถาม
“ไม้ต้อง ขอบคุณ ฉันจัดการเองได้” กู้หนิงปฏิเสธ
“อืม ถ้าต้องการอะไร บอกผมได้” เลิ่งเชาถิงผิดหวังนิดหน่อยที่เธอไม่ต้องการความช่วยเหลือจากเขา แต่เขาไม่ค้านเธอ เขาเชื่อใจเธอ จากนั้นก็วางสายไป
เมื่อกู้หนิงกลับมาที่ห้อง ชั่วโมงเรียนเริ่มไปแล้ว เห็นกู้หนิงกลับมาทุกคนอยากจะรู้ว่าเธอไปเจออะไรมา บางคนห่วงใยเธอ บางคนกำลังรอเห็นฉากดราม่า อาจารย์ผู้สอนรู้เหตุผลที่เธอมาสาย จึงไม่ได้พูดอะไร
กู้หนิงกลับมานั่งที่โต๊ะของเธอ เธอปลอบหยูหมิงซีด้วยสายตาอ่อนโยน เธอใช้โทรศัพท์ล้อกอินเข้าไปกระทู้ของโรงเรียนและเขียนกระทู้ว่า “ฉันกู้หนิงจากห้องสี่ ม.6 สำหรับข่าวปลอมที่บอกว่าฉันลงมาจากรถของเสี่ย ฉันโกรธมากและจะไม่ปล่อยให้คนที่ปล่อยข่าวหนีไปจากเรื่องนี้แน่ พวกนายไม่มีหลักฐานว่าฉันจ่ายค่าเทอมไม่ได้ ไม่ควรตัดสินใครจากข่าวที่ไม่มีมูลความจริง ตอนนี้ฉันจนก็จริงแต่ไม่ได้หมายความว่าจะจนตลอดไป และใครที่อ้างว่าตัวเองเกิดมารวย พ่อ ปู่ หรือทวดของพวกนายก็เคยจนมาก่อนไม่ใช่เหรอ? ไม่มีรู้ว่าจะเกิดขึ้นในอนาคต คอยดูเถอะ!”
คนจนมีญาติหรือเพื่อนที่เป็นคนรวยไม่ได้รึไง? เพื่อนของฉันขับรถมาส่งด้วยความมีน้ำใจ ผิดด้วยเหรอ? ถ้าพวกนายทำเรื่องผิดศีลธรรม กล้าทำในที่สาธารณะรึเปล่าล่ะ? ลบข่าวปลอมนี่ออกซะแล้วขอโทษฉัน ไม่อย่างนั้นได้เห็นดีกันแน่!
นอกเหนือจากการลบโพสต์และขอโทษเธอแล้ว เฉินจื่อเหยาก็ยังต้องรับผลการกระทำของเธอ กู้หนิงจะไม่ปล่อยให้เธอหนีไปง่ายๆอย่างนั้น
หลังจากเขียนโพส กู้หนิงก็กดโพส
แม้ว่าจะเป็นเวลาเรียน แต่โพสของกู้หนิงก็ร้อนแรงจนทุกคนจดจ่ออยู่กับโพสของเธอ นาทีที่กู้หนิงโพสกระทู้ มีใครบางคนเห็นโพสเธอแล้ว