ตอนที่ 163 หยูหมิงซีขอความช่วยเหลือ
“ดีเลยค่ะ” กู้หนิงตอบอย่างไม่ลังเล เห็นด้วยกับยูนา หลังจากกินข้าวเสร็จพวกเธอกล่าวคำอาลาต่อกัน
กู้ม่านและกู้ชิงกลับไปที่ร้านเสริมความงามเพื่อทำความคุ้นเคย แน่นอนว่ากู้หนิงตามไปร้านด้วย
ยูนาบอกกู้หนิงและแม่กับป้าของเธอ ว่าพนักงานส่วนใหญ่ที่ทำงานในกาเม่ยบิวตี้ซาลอนเป็นคนดี มีไม่กี่คนที่หัวแข็ง ยูนาไม่แน่ใจว่าพวกเขาจะปฏิบัติตามกฎดังนั้นเธอจึงเตือนกู้หนิงให้ใส่ใจกับพวกเขามากขึ้น
กาเม่ยบิ่วตี้ซาลอนเป็นของกู้ม่านและกู้ชิงแล้ว ดังนั้นพวกเธอจำเป็นต้องจัดการเรื่องนี้เอง
กู้ม่านอ่อนโยนและใจดีเกินไป กู้หนิงกังวลว่าเธอจะไม่กล้าว่ากล่าวตักเตือนพนักงานหากพวกเขาทำอะไรผิดพลาด ดังนั้นกู้หนิงจึงบอกแม่ของเธอให้เข้มงวดเมื่อจำเป็น ถ้าพนักงานของเธอไม่กลัวเธอเลย ทีมก็ทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ
กู้หนิงยังบอกแม่ว่า ถ้ามีปัญหาให้มาถามเธอเลยไม่ต้องลังเล
กู้หนิง แม่และป้าออกจากร้านกาเม่ย แต่พวกเธอไม่ได้ตรงกลับบ้านทันที พวกเธอพากันไปช้อปปิ้งแทน
กู้ม่านและกู้ชิงมีธุรกิจเป็นของตัวเองแล้ว พวกเธอไม่สามารถแต่งตัวสบายๆได้ กู้หนิงจึงวางแผนที่จะซื้อชุดที่เป็นทางการหลายๆชุดให้พวกเธอ
แต่ละคนซื้อชุดสูทและกระโปรงเข้ากับชุด รองเท้าส้นสูงและกระเป๋าถือ
พวกเธอหมดเงินไปราวๆหนึ่งแสนหยวน
กู้ม่านและกู้ชิงไม่ยินดีที่จะใช้เงินเยอะไปกับเสื้อผ้า แต่มันจำเป็นสำหรับการทำงาน ดังนั้นพวกเธอจึงได้แต่เลยตามเลย
นาทีที่กู้หนิง กู้ม่านและกู้ชิงกลับมาถึงบ้าน โทรศัพท์กู้หนิงดังขึ้น คนที่โทรเข้ามาคือหยูหมิงซี
“ว่าไง หมิงซี” กู้หนิงทัก
หยูหมิงซีร้องไห้ “หนิงหนิง ช่วยฉันด้วย! แม่ของฉันหมดสติ มีเนื้องอกในสมองของแม่ พวกเขาบอกว่าต้องได้รับการผ่าตัดด่วน แต่ค่าผ่าตัดเกือบสองแสน ครอบครัวฉันไม่มีเงินมากขนาดนั้น เธอพอจะให้ฉันยืมเงินก่อนได้ไหม?”
กู้หนิงเป็นความหวังเดียวของหยูหมิงซี ครอบครัวของเธอมีเงินเก็บอยู่ไม่กี่หมื่นหยวนเป็นอย่างมาก แน่นอนว่ามันไม่พอ
“อะไรนะ? ตอนนี้เธออยู่โรงพยาบาลไหน?” กู้หนิงถามออกไปด้วยความเป็นห่วง
“โรงพยาบาลอันดับสาม พวกเราอยู่ห้องหมายเลข 510 ที่ตึกผู้ป่วย” หยูหมิงซีตอบ
“ไม่ต้องกังวลนะ ฉันจะไปเดี๋ยวนี้” กู้หนิงตอบ จากนั้นวางสายแล้วออกไปทันที
กู้หนิงโชคดีที่เรียกรถแท็กซี่ได้หลังจากที่เธอออกมาจากเฟิ่งหัวแมนชั่น แต่โรงพยาบาลอันดับสามค่อนข้างไกล ใช้เวลาอย่างน้อยสามสิบนาทีถึงจะถึง กู้หนิงกลัวว่าจะไปไม่ทัน ดังนั้นเธอจึงโทรหาเพื่อนเพื่อของความช่วยเหลือ
กู้หนิงหยิบโทรศัพท์ออกมาโทรหาฉู่เพ่ยหาน
“สวัสดี กู้หนิง” คนที่รับสายไม่ใช่ฉู่เพ่ยหานแต่เป็นฉู่ซวนเฟิง “เพ่ยหานไม่…”
ฉู่ซวนเฟิงยังพูดไม่จบประโยค เขาถูกกู้หนิงพูดแทรกขึ้นมาก่อนว่า “ฉันโทรมาหาคุณ”
“หา?” ฉู่ซวนเฟิงประหลาดใจ “คุณรู้จักใครที่ทำงานในโรงพยาบาลอันดับสามไหมคะ? แม่ของหมิงซีหมดสติ มีเนื้องอกในสมองของเธอ และเธอจำเป็นต้องได้รับการผ่าตัดด่วนเดี๋ยวนี้ ครอบครัวของหมิงซีมีเงินไม่มาก พวกเขาเลยจ่ายค่าผ่าตัดไม่ได้ ฉันกำลังไปโรงพยาบาล แต่กว่าจะไปถึงอย่างน้อยสามสิบนาที ฉันไม่ต้องการให้แม่ของหมิงซีรอฉันเพื่อผ่าตัด คุณช่วยจัดการให้แม่ของหมิงซีเข้ารับผ่าตัดก่อนได้ไหมคะ? ฉันจะจ่ายเงินคืนทันทีที่ไปถึง”
“ได้สิ แม่ของหยูหมิงซีชื่อว่าอะไร?” ฉู่ซวนเฟิงถาม
“ฉันไม่รู้ แต่พวกเขาอยู่ห้อง 510 ตึกผู้ป่วย หมิงซีก็อยู่ที่นั่นด้วย” กู้หนิงตอบ
“ได้ ปล่อยให้เป็นหน้าที่ฉันเอง” ฉู่ซวนเฟิงบอกก่อนที่จะวางสาย จากนั้นใช้โทรศัพท์ของเขาโทรตรงไปที่ผู้อำนวยการโรงพยาบาลอันดับสาม
แม้ว่าฉู่ซวนเฟิงจะทำงานให้กับแก๊งฉิง แต่เขามีเส้นสายและรู้จักคนหลายคน มีคนที่อยู่ในแก๊งฉิงทำงานให้กับรัฐบาลด้วย แต่พวกเขาไม่ได้ก่ออาชญากรรมใดๆ
ขณะนั้นผู้อำนวยการโรงพยาบาลอันดับสามเพิ่งเลิกงาน ก่อนที่เขาจะออกจากโรงพยาบาล ฉู่ซวนเฟิงโทรเข้ามาพอดี
ผู้อำนวยการเคารพฉู่ซวนเฟิงมาก เมื่อเขาได้ฟังคำร้องขอ เขาจึงรีบไปจัดการให้ทันที
วินาทีที่ฉู่ซวนเฟิงวางสาย ฉู่เพ่ยหานก็กลับมาถึงบ้าน ฉู่ซวนเฟิงเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นกับหยูหมิงซีให้น้องสาวฟัง ฉู่เพ่ยหานเป็นห่วงหยูหมิงซี เธอจึงออกจากบ้านอีกครั้งและตรงไปที่โรงพยาบาลโดยที่ยังไม่ได้กินอะไร
ฉู่ซวนเฟิงอยากจะไปกับน้องสาว แต่คงไม่เหมาะที่จะปล่อยให้ซื่อตู้เย่อยู่ที่บ้านเพียงลำพัง ไม่คาดคิดว่าซื่อตู้เย่จะขอไปกับพวกเขาด้วย
ทั้งฉู่ซวนเฟิงและฉู่เพ่ยหานทำหน้าประหลาดใจ ทำไมคนอย่างซื่อตู้เย่ที่เป็นถึงหัวหน้าใหญ่ของแก๊งฉิงถึงอยากไปโรงพยาบาลกับพวกเขาด้วย? ถึงอย่างนั้นพวกเขาก็ไม่มีเวลามากที่จะมาขบคิดเรื่องนี้ ทั้งสามคนจึงขับรถมุ่งไปที่โรงพยาบาลด้วยความรีบร้อน
ซื่อตู้เย่ไปที่โรงพยาบาลเพราะกู้หนิงอย่างไม่ต้องสงสัย มันเป็นโอกาสดีของเขา
ระหว่างทาง ฉู่ซวนเฟิงบอกให้น้องสาวโทรหากู้หนิงและบอกเธอว่าเขาได้จัดการเรื่องที่ขอให้เธอแล้ว
“หนูคิดว่าพวกเราโทรหาหมิงซีก่อนดีกว่า เธอต้องสะเทือนใจมากแน่ๆ” ฉู่เพ่ยหานกล่าว เธอโทรหาหยูหมิงซีโดยไม่ลังเล เมื่อรู้ว่าแม่ของตัวเองจะได้รับการผ่าตัดเดี๋ยวนี้ หยูหมิงซีกล่าวขอบคุณฉู่เพ่ยหานด้วยความดีใจ หยูหมิงซีบอกพ่อของเธอถึงข่าวดี
จากนั้นพ่อของหยูหมิงซีก็พบว่าลูกสาวของเขาหันไปขอความช่วยเหลือจากเพื่อนๆ เขารู้สึกขอบคุณมากที่หยูหมิงซีมีเพื่อนที่ร่ำรวยและใจดีมากมายที่เต็มใจช่วยเหลือครอบครัวของเขา
แม้ว่าเขาจะไม่ต้องการให้ลูกสาวยืมเงินจากเพื่อนของเธอ แต่เขาไม่มีทางเลือกอื่น ครอบครัวของเขายากจนเกินกว่าจะจ่ายค่าผ่าตัดได้ และญาติของเขาไม่มีใครเต็มใจที่จะให้พวกเขายืมเงิน
เขาไม่ต้องการสูญเสียภรรยาของเขาไป และไม่อยากให้ลูกสาวไม่มีแม่ เขารู้สึกละอายที่ลูกสาวต้องยืมเงินจากเพื่อน แต่เขาดีใจมากกว่าที่ภรรยาของเขาได้รับการผ่าตัด
เมื่อแม่ของหยูหมิงซีฟื้นขึ้นมา เขาจะทำงานหนักขึ้นเพื่อตอบแทนเพื่อนของเธอ
ฉู่เพ่ยหานโทรหากู้หนิงทีหลัง บอกเธอว่าแม่ของหยูหมิงซีจะได้รับการผ่าตัดและหยูหมิงซีรู้เรื่องนี้แล้ว
ไม่กี่นาทีถัดมา มีหมอสองสามคนมาที่ห้องผู้ป่วยหมายเลข 510 ผู้อำนวยการเป็นคนเดินนำ
“ไม่ทราบว่าใครคืออยูหมิงซีครับ?” ผู้อำนวยการสอบถาม
“หนูเองค่ะ” หยูหมิงซีลุกขึ้นทันใด พ่อของเธอตื่นเต้นที่เห็นหมอ
“ยินดีที่ได้รู้จัก ผมเป็นผู้อำนวยการโรงพยาบาลนี้ ผมได้รับสายจากคุณฉู่ พวกเราจะพาแม่ของคุณไปผ่าตัดเดี๋ยวนี้”
ทั้งหยูหมิงซีและพ่อของเธอต่างประหลาดใจที่ผู้อำนวยการโรงพยาบาลมาด้วยตัวเอง โดยเฉพาะพ่อของหยูหมิงซี เขาไม่คาดคิดว่าเพื่อนของลูกสาวจะมีอิทธิพลมากขนาดนี้
“ขอบคุณมากๆค่ะ!” หยูหมิงซีก้มลงคำนับผู้อำนวยการทันที จากนั้นแม่ของหยูหมิงซีก็ถูกพาไปยังห้องผ่าตัด
หยูหมิงซีและพ่อรออยู่ด้านนอก พวกเขายังไม่คลายความกังวลเพราะยังไม่รู้ว่าผลจะออกมาเป็นอย่างไร
สามสิบนาทีต่อมา กู้หนิงก็เจอกับฉู่ซวนเฟิงและคนอื่นที่ประตูทางเข้าโรงพยาบาล พวกเขาจึงไปห้องผ่าตัดด้วยกัน
ตอนที่ 164 สร้างความประทับใจแก่กู้หนิง
“หนิงหนิง เธอมาแล้ว” เมื่อเห็นกู้หนิง หยูหมิงซีก็วิ่งมาหาเธอพลางร้องไห้
เธอเก็บความรู้สึกสะเทือนใจเอาไว้อยู่นาน ไม่กล้าแสดงออกมาก เธอไม่อยากให้พ่อเสียใจมากขึ้นกว่าเดิม ดังนั้นเธอจึงแสร้งทำเป็นเข้มแข็ง แต่เมื่อกู้หนิงโผล่มา ความอดกลั้นที่เธอแกล้งทำพลังทลายลงไปหมดสิ้น
“ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร เดี๋ยวทุกอย่างจะดีขึ้นเอง!” กู้หนิงปลอบโยนเพื่อนสาวและแอบถ่ายทอดพลังให้หยูหมิงซี เผื่อเธอเป็นลมล้มพับไป
พ่อของหยูหมิงซีไม่รู้จะทำตัวยังไงเมื่อเห็นกู้หนิงและเพื่อนๆของเธอ เพราะเขาไม่รู้ว่าคนไหนเป็นคนช่วยครอบครัวของเขา หยูหมิงซีก็เอาแต่ร้องไห้จนลืมที่จะแนะนำเพื่อนให้พ่อรู้จัก
พ่อของหยูหมิงซีเข้าใจว่าลูกสาวกำลังเศร้าและต้องการระบายความเสียใจ ดังนั้นเขาจึงไม่ห้ามเธอ
หยูหมิงซีสะอึกสะอื้นอยู่แปบเดียวก็สงบสติอารมณ์ลงได้ เป็นเพราะพลังของกู้หนิง
“ไปจ่ายค่าผ่าตัดกันเถอะ” กู้หนิงพูด
“เรื่องนี้ปล่อยให้ฉันจัดการเองเถอะ” ฉู่ซวนเฟิงพูดขัดขึ้น สองแสนหยวนไม่ใช่เรื่องใหญ่สำหรับเขา
ที่สำคัญที่สุดคือหยูหมิงซีเป็นเพื่อนของฉู่เพ่ยหานด้วยเหมือนกัน แม้ว่าเขาจะไม่เห็นแก่ผู้อื่นมากนัก แต่เขาเต็มใจที่จะช่วยเหลือเพื่อนน้องสาวของเขา
“ใช่ ให้พวกเราจัดการเถอะ” ฉู่เพ่ยหานสำทับขึ้นมา
“ไม่ได้ ครั้งนี้ฉันต้องจ่ายเอง” กู้หนิงพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ให้ใครปฏิเสธไม่ได้
หยูหมิงซีเป็นฝ่ายหันหน้ามาหาเธอตั้งแต่แรก เหตุผลเพราะเธอทั้งคู่เป็นเพื่อนสนิทกัน และคงกระอักกระอ่วนใจน้อยสุดที่จะขอความช่วยเหลือจากกู้หนิง อีกอย่างหยูยังหมิงซีคุ้นเคยกับการพึ่งพากู้หนิง ดังนั้นกู้หนิงตัดสินใจที่จะเป็นหลักพึ่งพิงแก่หยูหมิงซี
เมื่อเห็นความตั้งใจของกู้หนิง ทุกคนรู้ได้ทันทีว่าเธอไม่เปิดช่องว่างให้โต้เถียง ดังนั้นพวกเขาจึงยอมอยู่เฉยๆ
“ขอบคุณมาก!” พ่อของหยูหมิงซีเกือบร้องไห้ออกมา น้ำตาคลออยู่ที่เบ้าตาของเขา เขากำลังจะคุกเข่าลงต่อหน้ากู้หนิง แต่กู้หนิงหยุดเขาไว้ได้ทัน “อย่าทำอย่างนั้นเลยค่ะ”
“ลุงไม่รู้ว่าจะขอบคุณหนูยังไงที่ให้พวกเรายืมเงิน ลุง ลุงสัญญาว่าลุงจะพยายามให้ดีที่สุดเพื่อหาเงินมาคืนหนู” พ่อของหยูหมิงซีกล่าว ภรรยาของเขาอยู่ในขั้นวิกฤต เขาไม่สนใจว่าจะน่าอายแค่ไหนที่ต้องยืมเงินจากเด็กสาววัยรุ่น
“อย่าห่วงเรื่องนี้เลยค่ะ ตราบใดที่แม่ของหมิงซีหายดี หนูรอได้” กู้หนิงไม่มีความตั้งใจจะให้พวกเขาคืนเงินเธอแต่แรก แต่เธอไม่อยากทำลายความตั้งใจของพ่อหยูหมิงซี
หลังจากนั้นหยูหมิงซีและกู้หนิงก็พากันไปจ่ายเงิน
ด้วยความช่วยเหลือของฉู่ซวนเฟิง ผู้อำนวยการจัดเตรียมหมอที่เก่งที่สุดและห้องผู้ป่วย VIP ให้แม่ของหยูหมิงซี แต่เนื่องจากเขาไม่ใช่เจ้าของโรงพยาบาล ดังนั้นจึงเป็นไปไม่ได้ที่จะรักษาให้ฟรี
พวกเธอยังไม่ได้ใบสรุปค่าใช้จ่ายทั้งหมด ต้องรอให้แม่ของหยูหมิงซีออกจากโรงพยาบาลก่อน กู้หนิงเลยจ่ายล่วงหน้าไปก่อนสองแสนหยวน
“หนิงหนิง ฉันไม่รู้จะขอบคุณเธอยังไง! ฉันสัญญาว่าจะคืนเงินเธอให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้” หยูหมิงซีพูดกับกู้หนิง
“หมิงซี เธอไม่จำเป็นต้องคืนเงินฉันหรอก”
“อะไรนะ? ไม่ได้หรอก!” หยูหมิงซีตกใจ เธอยอมรับไม่ได้ แค่ให้เธอยืมเงินเธอก็ไม่รู้จะขอบคุณยังไงไหว แล้วจะไม่ให้เธอคืนเงินได้ยังไง
เงินตั้งสองแสนหยวน! ไม่ใช่ยี่สิบหรือสองร้อยหยวน
“หมิงซี เธอเคยบอกฉันว่างานในฝันของเธอคือนักบัญชีใช่ไหม?” กู้หนิงถาม
หยูหมิงซีไม่เข้าใจว่าทำไมจู่ๆกู้หนิงถึงเปลี่ยนเรื่องกะทันหัน แต่คำตอบของเธอคือ “ใช่!”
“ดี ฉันกำลังจะเริ่มทำธุรกิจ และฉันจำเป็นต้องมีคนที่ไว้ใจได้ทำบัญชีให้ฉันในอนาคต เธอจะช่วยฉันได้ไหม? ถ้าเธอเต็มใจ เงินสองแสนถือว่าเป็นค่าจ้างล่วงหน้า” กู้หนิงพูดอย่างสบายใจ
นี่ไม่ใช่เหตุผลที่ทำให้หยูหมิงซีไม่ต้องคืนเงิน แต่กู้หนิงมีความคิดที่จะจ้างอยูหมิงซีอยู่ก่อนแล้ว เธอทำไปเพื่อปลอบใจหยูหมิงซี ถ้าหยูหมิงซีเต็มใจช่วยเธอคงจะดีไม่น้อย
หยูหมิงซีเก่งคณิตศาสตร์และการคำนวณ เมื่อเธอได้เรียนเพิ่มเติมเกี่ยวกับการบัญชีแล้ว กู้หนิงเชื่อว่าเธอจะเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงได้อีกทางหนึ่ง
เพื่อให้ได้มาซึ่งความภักดีของคนๆหนึ่ง เราต้องปฏิบัติต่อคนๆนั้นอย่างดีที่สุด แต่วิธีที่ดีที่สุดคือการให้เขาหรือเธอรู้สึกซาบซึ้งใจต่อตัวเราเสมอ เว้นแต่ว่าคนๆนั้นจะเปลี่ยนไปในอนาคต และทรยศต่อผู้ที่เคยช่วยเหลือ
กู้หนิงมั่นใจร้อยเปอร์เซ็นต์ ว่าหยูหมิงซีไม่มีทางเปลี่ยนไปในอนาคต อย่างน้อยเธอก็น่าไว้วางใจกว่าคนอื่น
“อะไรนะ?!” หยูหมิงซีนิ่งอึ้ง
กู้หนิงกำลังจะเริ่มต้นธุรกิจ? ไม่ว่ากู้หนิงจะประสบความสำเร็จหรือไม่ หยูหมิงซีก็เต็มใจที่จะช่วยเหลือเพื่อนของเธอคนนี้
ยิ่งไปกว่านั้น หยูหมิงซีเชื่อโดยไม่ต้องสงสัยเลยว่ากู้หนิงสามารถทำได้ เธอสมบูรณ์แบบมากในทุกๆด้าน ดังนั้นหยูหมิงซีจึงตอบด้วยความมุ่งมั่นว่า “ฉันจะช่วยเธอเอง!”
ตอนนี้หยูหมิงซีสนใจวิชาเอกบัญชีมากขึ้นกว่าเก่า เธอตัดสินใจที่จะเรียนให้หนักขึ้นเพื่อที่จะสามารถเป็นกำลังให้กู้หนิงได้ในอนาคต
กู้หนิงและหยูหมิงซีเดินกลับไปที่ห้องผ่าตัด กู้หนิงพูดกับฉู่ซวนเฟิงและคนที่เหลือว่า “ยังไม่กลับกันอีกหรอ ปล่อยให้เป็นหน้าที่ฉันเถอะ ฉันดูแลได้”
การผ่าตัดใช้เวลาค่อนข้างนาน คงไม่เหมาะที่จะให้พวกเขารออยู่ที่นี่พร้อมกันทั้งหมด พวกเขาต่างมีธุระของใครของมันให้ต้องจัดการ
“ใช่แล้ว การผ่าตัดคงไม่เสร็จง่ายๆ อย่าเสียเวลาอยู่ที่นี่กันเลย ขอบคุณมากสำหรับความช่วยเหลือของทุกคนวันนี้!” พ่อของหยูหมิงซีพูดเสริม
เขาเป็นคนที่จะรู้สึกผิดที่สุด ถ้าทุกคนรออยู่ที่นี่
“ฉันไม่กลับ” ฉู่เพ่ยหานพูดขึ้น เธอไม่ได้จ่ายเงินและจะไม่กลับ เธอต้องการอยู่เป็นเพื่อนหยูหมิงซี “โอ้ ฉันบอกฮ่าวหรันกับเพื่อนคนอื่นแล้ว ไม่นานพวกเขาจะมาที่นี่”
ในสายตาของฉู่เพ่ยหาน พวกเขาเป็นเพื่อนสนิทกัน ดังนั้นเธอจึงบอกพวกเขา หากเธอไม่บอกแล้วพวกเขามารู้ทีหลัง ได้ระเบิดลงแน่ๆ
กู้หนิงไม่พูดอะไรเพราะไม่ใช่เรื่องเสียหาย แต่หยูหมิงซีอายเล็กน้อยเพราะเธอรู้ว่าพวกเด็กหนุ่มไม่มามือเปล่าแน่
ไหนๆก็จะมาแล้ว จะห้ามพวกเขาไปทำไม ยังไงพวกเขาก็เป็นเพื่อนที่ดีของเธอ
ฉู่ซซวนเฟิงไม่อาจตัดสินใจด้วยตัวเองได้ เขาหันไปมองซื่อตู้เย่
“อยู่ที่นี่สักพักเถอะ!” ซื่อตู้เย่กล่าว ทั้งฉู่ซวนเฟิงและฉู่พานหานพากันประหลาดใจทำหน้าเหรอหรา ตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่ซื่อตู้เย่กลายเป็นคนใจดีและอ่อนโยน?
ความจริงซื่อตู้เย่ตั้งใจใช้เวลาอยู่กับกู้หนิงให้นานๆเพื่อสร้างความประทับใจแก่เธอ
ในเมื่อพวกเขาบอกว่าจะอยู่ต่อ พ่อของหยูหมิงซีก็ไม่ได้ว่าอะไร
สามสิบนาทีผ่านไป การผ่าตัดยังดำเนินต่อ เสียงโทรศัพท์ของฉู่ซวนเฟิงดังขึ้น เขากดรับและคุยกับปลายสายสักครู่ จากนั้นขอตัวออกไปทำธุระ
ฉู่ซวนเฟิงที่กำลังจะกลับ และคงไม่เหมาะสมที่ปล่อยให้ซื่อตู้เย่รั้งอยู่ต่อ ดังนั้นพวกเขาทั้งคู่จึงกลับไปพร้อมกัน ถึงแม่ซื่อตู้เย่จะไม่เต็มใจแต่เขาไม่มีเหตุผลที่จะอยู่ต่อ