ตอนที่ 325 ซู่จินเฉินท้าสู้กู้หนิง
ซีหมิงหน้ามุ่ย โต้กลับไปว่า “ซู่จินเฉิน นายพูดแบบนั้นได้ยังไง? นายต้องรู้จักฉันสิ เราเป็นเพื่อนกันมาตั้งนานot!”
“ก็ใช่ไง เพราะฉันรู้จักนายดีไง ฉันรับปากไม่ได้หรอกว่านายจะไม่ทำแบบนั้น” ซู่จินเฉินจงใจยั่วโมโหซีหมิงแล้วหันไปหาคนอื่น “เอาล่ะ ตอนนี้สี่โมงครึ่งแล้ว ไปที่เฟิงหลินกันได้แล้ว มันค่อนข้างอยู่ไกล ออกช้ากว่านี้เดี๋ยวรถติดแล้วจะเสียเวลากว่าเดิม”
“ซู่จินเฉิน!” ซีหมิงโมโห แต่ไม่มีใครปลอบเขา
กู้หนิงและเลิ่งเชาถิงไปรถคันเดียวกัน ซีหมิงและเฉินเมิ่งไปด้วยกัน ซู่จินเฉินไปกับซู่ฉินหยินและฉิวอี้ซิน
เมื่อขึ้นรถ เลิ่งเชาถิงก็พูดด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า “หนิงหนิง ผมสัญญาว่าผมจะไม่มีวันนอกใจคุณหรือทิ้งคุณแน่นอน”
กู้หนิงนิ่งไป พวกเขาแค่พูดจาหยอกล้อกันเท่านั้นแต่เลิ่งเชาถิงกลับถือเป็นจริงเป็นจัง กู้หนิงอยากจะเอ่ยปลอบใจเขาแต่อยู่ๆก็เปลี่ยนใจ “ใครจะรู้! เมื่อก่อนคุณก็ไม่ได้สนใจใครเป็นพิเศษ แต่ตอนนี้คุณมีฉันเป็นแฟนแล้ว” กู้หนิงพูดสิ่งที่ซู่จินเฉินไม่กล้าพูด
เลิ่งเชาถิงรีบอธิบายว่า “นั่นเป็นเพราะคุณคือผู้หญิงที่ผมต้องการ”
“บางทีคุณอาจพูดแบบนี้กับผู้หญิงคนอื่นก็ได้”
“ผมไม่มีทางทำแบบนั้น”
“คุณจะรู้ได้ยังไง? คุณไม่รู้อนาคตสักหน่อย”
“ผมไม่ทำแบบนั้น!”
กู้หนิงไม่อยากทำร้ายใจเขาและไม่อยากให้เขาเจ็บปวด
“ได้ ตอนนี้ฉันเชื่อใจคุณ แต่ถ้าคุณกล้าทำแบบนั้นในอนาคต ฉันไม่ปล่อยคุณไปแน่” กู้หนิงแกล้งขู่เขา
“ผมจะพิสูจน์ให้คุณเห็นเอง” ถึงแม้กู้หนิงพูดว่าเธอเชื่อใจเขาในตอนนี้ แต่เขายังต้องพิสูจน์ตัวเอง
เฟิงหลินเมาน์เท็นวิลล่าอยู่ไกลจากตัวเมืองนิดหน่อย ปกติใช้เวลาขับรถประหมาณครึ่งชั่วโมงถ้ารถติด โชคดีที่พวกเขาออกมาเร็วจึงเลี่ยงรถติดมาได้ แต่ก็ติดไฟแดงหลายที่ ดังนั้นจึงใช้เวลาเกือบๆสี่สิบนาที
เฟิงหลินเมาน์เท็นวิลล่าสร้างตรงทางขึ้นบนภูเขาในสไตล์โบราณ และมีลำธารกว้างหนึ่งหรือสองเมตรรอบด้านนอกของวิลล่าเป็นภูเขา ลำธารไหลลงมาจากยอดเขาผ่านวิลล่า ในวิลล่ายังมีน้ำตกสูง 10 เมตรอีกด้วย ที่ด้านล่างของน้ำตกมีแอ่งน้ำขนาดประมาณ 10 ตารางเมตร และมีกังหันน้ำหมุนอยู่อยู่ข้างๆ ให้ความรู้สึกเหมือนได้ย้อนไปในสมัยโบราณขณะที่พวกเขาเดินเข้าไปในเฟิงหลินเมาน์เท็นวิลล่า
เฟิงหลินเมาน์เท็นวิลล่ามีชื่อเสียงมากในเมืองหลวงด้านทัศนียภาพที่สวยงามและอาหารอร่อย เศรษฐีและเจ้าหน้าที่รัฐหลายคนมักมาเยี่ยมเยียนที่นี่ แต่มันไม่ได้มีชนาดใหญ่มาก มีเพียง 18 ห้องอาหารส่วนตัวและไม่มีห้องอาหารรวม ผู้เข้าพักจึงต้องทำการจองล่วงหน้า เฟิงหลินเมาน์เท็นวิลล่าเป็นที่นิยมเสมอ แต่เจ้าของไม่มีความตั้งใจที่จะขยาย เพราะเขาชอบที่จะรักษาสิ่งที่หายากไว้ สิ่งที่คนรวยส่วนใหญ่ชอบคือของหายาก
กู้หนิงและคนอื่นๆตัดสินใจเดินชมรอบๆเฟิงหลินก่อน เพราะพวกเขามาก่อนเวลาจอง
“กู้หนิง คุณจะว่าอะไรไหมถ้าเราแข่งกังฟูกันสนุกๆ?” เมื่อพวกเขาเดินมายังลานโล่งกว้าง ซู่จินเฉินก็เสนอท้าประลอง เขาอยากรู้ระดับกังฟูของกู้หนิง เด็กสาวธรรมดาไม่มีทางขโมยปืนจากโจรได้ด้วยมือเปล่าแน่ อย่างไรก็ตามซู่จินเฉินไม่เชื่อว่ากู้หนิงจะฝีมือดีกว่าเขาเพราะเขาฝึกฝนในกองทัพเป็นเวลาหลายปี และสู้กับผู้ก่อการร้ายในสนามรบก็เคยมาแล้ว
พูดอีกอย่างคือ กู้หนิงเป็นแค่เด็กนักเรียนธรรมดาๆ เธออาจมีทักษะการต่อสู้ที่ใช้ได้ แต่จะให้เทียบกับผู้เชี่ยวชาญคงยาก ซู่จินเฉินไม่ได้คิดจะต่อสู้จนทำให้เธอบาดเจ็บ เขาแค่อยากรู้ระดับฝีมือของเธอเท่านั้น
กู้หนิงยังไม่ทันตอบ ซีหมิงและซู่ฉินหยินก็ตำหนิซู่จินเฉิน “ซู่จินเฉิน นี่แกคิดเอาเปรียบผู้หญิงเรอะ? ไม่กลัวเชาถิงจับแกฉีกเป็นชิ้นๆรึไง?”
“ใช่ๆ จินเฉิน นายเป็นผู้ชายนะ! คิดไงไปสู้กับผู้หญิง!”
ฉิวอี้ซินไม่เห็นด้วยกับซู่จินเฉิน แต่เธอคิดว่าซู่จินเฉินคงมีเหตุผลของตัวเอง
“ไม่เอาน่า พวกเธอไม่รู้อะไรเกี่ยวกับกู้หนิงเลย เธอเก่งกังฟูมากและพวกเราก็แค่แข่งกันสนุกๆ อีกอย่างเชาถิงก็ไม่เห็นพูดอะไร ทำไมพวกเธอต้องเดือดร้อนด้วย?” ซู่จินเฉินโต้กลับ
ได้ยินเช่นนั้น ทั้งซีหมิงและซู่ฉินหยินก็มองไปที่กู้หนิงด้วยสายตาประหลาดใจ จากนั้นก็มองเลิ่งเชาถิงคนที่ควนเป็นคนห้ามซู่จินเฉินมากที่สุด
กู้หนิงยิ้มและกล่าวว่า “ฉันเองก็ไม่สู้กับใครมานานแล้ว ชักจะคิดถึงแล้วเหมือนกัน เริ่มกันเลยเถอะ” ในเมื่อกู้หนิงเห็นด้วย เลิ่งเชาถิงก็ไม่ห้ามเธอ ซีหมิงและซู่ฉินหยินยังคงเงียบ ในขณะที่เฉินเมิ่งเต็มไปด้วยควาดหวัง เขาอยากจะเห็นซู่จินเฉินแพ้
ซู่จินเฉินและกู้หนิงถอดเสื้อคลุมออก
“คุณอยากให้ผมออมแรงให้ไหม?” ซู่จินเฉินถามกู้หนิง เผื่อกรณีเขาทำเธอบาดเจ็บโดยไม่ตั้งใจ
“ไม่ต้อง ขอบคุณ” กู้หนิงปฏิเสธ “ใส่มาเต็มแรงเลยค่ะ เดี๋ยวเกิดแพ้ขึ้นมาไม่รู้ด้วยนะ”
ทุกคนยกเว้นเลิ่งเชาถิงและเฉินเมิ่งต่างตกตะลึง
“ไม่กลัวว่าผมจะทำคุณเจ็บเหรอ?” ซู่จินเฉินถาม บางทีกู้หนิงอาจเก่งกว่าที่เขาคิด
“ฮ่า ฮ่า ก็ลองดูค่ะ” กู้หนิงหัวเราะ
“งั้นก็ดี!” ซู่จินเฉินตอบ “เริ่มกันเลย” หลังจากนั้นการแข่งขันก็เริ่มต้นขึ้น ในตอนแรกยังไม่มีใครออกแรงเต็มที่เพราะพวกเขาแค่แข่งกันสนุกๆไม่ต้องการให้อีกฝ่ายเจ็บตัว
ซู่จินเฉินคิดว่าตัวเองจะควบคุมอีกฝ่ายได้ง่ายๆ
ตอนที่ 326 ชิงช้าสวรรค์
อย่างไรก็ตาม เมื่อกู้หนิงเริ่มเคลื่อนไหวและโจมตีเขา เขารู้สึกถึงความแข็งแกร่งของเธอ และดูเหมือนว่าเธอได้รับการฝึกฝนอย่างมืออาชีพ ในตอนนี้ซู่จินเฉินไม่กล้าดูถูกความสามารถของกู้หนิง
เมื่อเวลาผ่านไป ซู่จินเฉินเริ่มเหนื่อย ดังนั้นเขาจึงปฏิบัติต่อกู้หนิงเหมือนเด็กสาว แต่เป็นคู่ต่อสู้ที่สมน้ำสมเนื้อ
กู้หนิงฝึกฝนร่างกายและทักษะของเธอขึ้นมาก เธอไม่กลัวการจู่โจมที่เต็มไปด้วยความดุดันของซู่จินเฉิน เธอใช้พละกำลังของเธอเองโดยไม่ยืมพลังจากตาทิพย์
เป็นเรื่องน่าตื่นเต้นสำหรับซู่จินเฉินที่ได้ต่อสู้กับกู้หนิง เหมือนกับที่เขาสู้กับสมาชิกคนอื่นในทีมเรดเฟลม
ผู้คนที่อยู่รอบๆแถวนั้นต่างก็ตื่นเต้นและสนุกกับการต่อสู้ของพวกเขา หลายคนประหลาดใจกับความสามารถของกู้หนิงและการโจมตีที่ทรงพลังของเธอ
“พระเจ้า เธอสุดยอดไปเลย!”
“ใช่ๆ”
ทุกคนล้วนชื่นชมกู้หนิง ผู้หญิงมักคิดว่าตนอ่อนแอกว่าเมื่อเทียบกับผู้ชาย แต่เด็กสาวคนนี้สามารถสู้ได้อย่างยอดเยี่ยมกับผู้ชายตัวโตซึ่งนั่นทำให้ทุกคนชื่นชมกู้หนิง
“เอาล่ะ ฉันคิดว่าควรพอได้แล้ว” เมื่อการต่อสู้ดำเนินมาได้สักพัก เลิ่งเชาถิงก็เตือนพวกเขาให้หยุด แม้ว่าไม่มีผู้แพ้หรือผู้ชนะ พวกเขาก็สนุกกับการต่อสู้ในครั้งนี้
กู้หนิงและซู่จินเฉินหยุดสู้กันในทันที เลิ่งเชาถิงหยิบกระดาษเช็ดหน้าเช็ดเหงื่อที่หน้าให้กู้หนิง การกระทำเล็กๆน้อยๆของเขาทำให้เพื่อนๆมองเขาเหมือนตัวประหลาด
เมื่อการต่อสู้จบลง เสียงปรบมือก็ดังขึ้น
“พระเจ้า! กู้หนิง ฉันไม่คิดว่าเธอจะยอดเยี่ยมขนาดนี้!” ซู่ฉินหยินกระโดดมาตรงหน้ากู้หนิงด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความชื่นชม
ซู่จินเฉินรู้สึกปวดใจเมื่อเขาไม่สามารถเอาชนะกู้หนิงได้ และตอนนี้ลูกพี่ลูกน้องของเขาก็แสดงความชื่นชมกู้หนิงต่อหน้าต่อตาเขา “ฉันก็ไม่ได้แย่เหมือนกัน! ทำไมเธอไม่ชมฉันบ้างล่ะ” ซู่จินเฉินกล่าว
“ไม่เอาน่า นายเป็นทหารนะ แต่ก็ยังเอาชนะผู้หญิงไม่ได้!” ซู่ฉินหยินตอบ
“นี่เธอ...” ซู่จินเฉินหงุดหงิด แต่ก็รู้สึกขายหน้าอยู่บ้างเหมือนกัน
ซีหมิงยังคงเงียบเช่นเคย เขาไม่ได้ล้อเลียนซู่จินเฉินเพราะเขารู้ว่าเขาคงไม่ต่างกันถ้าได้สู้กับกู้หนิง พวกเขาอยู่ในหน่วยกองกำลังพิเศษแห่งชาติ แต่พวกเขาไม่สามารถเอาชนะเด็กสาวคนหนึ่งได้ซึ่งค่อนข้างน่าอาย
“เอาล่ะ เอาล่ะ ถึงเวลากินข้าวแล้ว ไปกันเถอะ” เฉินเมิ่งไม่อยากเปิดเผยความจริงว่าเขาเองก็ไม่สามารถเอาชนะกู้หนิงได้เช่นกัน ดังนั้นเขาจึงรีบเปลี่ยนเรื่องคุย หลังจากนั้นทุกคนก็พากันเคลื่อนย้ายไปยังห้องทานอาหารส่วนตัว
ก่อนทานข้าว กู้หนิงโทรหาอ้ายกวงเหยาเพื่อถามถึงความคืบหน้า ทุกอย่างเป็นไปได้ด้วยดี ท้องฟ้าเริ่มมืดเมื่อเวลาประมาณ 18.00 น. ในฤดูหนาว ดังนั้นพวกเขาจึงไม่สามารถทำงานต่อไปได้หากไม่มีแสงและจะกลับมาในวันพรุ่งนี้ นักออกแบบและนักสำรวจจะอยู่จนกว่าพวกเขาจะทำงานเสร็จ แต่อ้ายกวงเหยาต้องกลับวันพรุ่งนี้ เพราะเขายังมีบริษัทที่ต้องจัดการในเมือง G
หลังจากทานข้าวเสร็จ ซู่จินเฉินเสนอให้ไปเที่ยวคลับต่อ แต่เลิ่งเชาถิงปฏิเสธเพราะกู้หนิงมีประจำเดือนและเธอจำเป็นต้องการการพักผ่อน
“อืม ตอนนี้คุณไม่สบาย ผมกลัวว่าคุณจะเบื่อ ก็เลยปฏิเสธจินเฉิน” เลิ่งเชาถิงอธิบาย เมื่อพวกเขาอยู่ในรถ
“ฉันเข้าใจ ขอบคุณมาก” กู้หนิงยิ้ม แน่นอนว่าเธอเข้าใจว่าทำไมเขาถึงปฏิเสธและเธอรู้สึกขอบคุณเขามากที่นึกถึงเธอ
ระหว่างทางกลับบ้าน พวกเขาผ่านสวนสนุกที่มีชิงช้าสวรรค์ติดไฟส่องสว่างสวยงาม อยู่ๆกู้หนิงก็สนใจขึ้นมาและอยากเข้าไปเล่นในสวนสนุก แน่นอนเลิ่งเชาถิงย่อมไม่ปฏิเสธเธอถึงแม้เขาจะคิดว่าสวนสนุกนั้นมีไว้สำหรับเด็ก ไม่ว่าจะชาติที่แล้วหรือชาตินี้ กู้หนิงไม่เคยไปสวนสนุก ดังนั้นเธอจึงอยากจะลองดู
แม้ว่าจะเป็นคืนฤดูหนาว แต่ก็มีผู้คนมากมายอยู่ข้างใน เลิ่งเชาถิงจอดรถในลานจอดรถก่อนไปซื้อตั๋ว ในสวนสนุกมีคู่รักหนุ่มสาวหรือครอบครัวจำนวนมากกำลังสนุกสนานและเต็มไปด้วยเสียงเชียร์ของเด็กๆ
กู้หนิงอยากมาสวนสนุกเพื่อชิงช้าสวรรค์ ทันทีที่พวกเขาเข้ามาข้างใน กู้หนิงก็ดึงเลิ่งเชาถิงเดินตรงไปชิงช้าสวรรค์ทันที
ชิงช้าสวรรค์มีคนยืนต่อแถวยาว กู้หนิงและเลิ่งเชาถิงอยู่เกือบสุดท้ายแถว
“ว่ากันว่าคู่รักที่ขึ้นชิงช้าสวรรค์จะจบลงด้วยการเลิกรา” กู้หนิงกล่าว
เมื่อได้ยินเช่นนั้น เลิ่งเชาถิงก็ดึงกู้หนิงออกไปทันที “งั้นเราจะไม่ขึ้น” เขาไม่อยากเลิกกับเธอ
“ฮ่าฮ่า” กู่หนิงพ่นเสียงหัวเราะ “แต่เมื่อชิงช้าสวรรค์เคลื่อนไปยังจุดสูงสุด และทั้งคู่จูบกัน พวกเขาจะอยู่ด้วยกันตลอดไป”
“จริงเหรอ?” เลิ่งเชาถิงถามด้วยความสงสัย
“ใช่ค่ะ ถ้าคุณไม่เชื่อฉันก็ลองไปถามคนอื่นดูได้” กู้หนิงกลั้นหัวเราะ เขาน่ารักจริงๆและรักเธอมากจริงๆ
เลิ่งเชาถิงเชื่อใจกู้หนิงอยู่แล้ว “รอตรงนี้แปบนะ” เลิ่งเชาถิงพูดกับกู้หนิงจากนั้นเดินไปถามพนักงานที่อยู่ใกล้ๆ
กู้หนิงไม่คิดว่าเลิ่งเชาถิงจะไปถามคนอื่นจริงๆ เธอทั้งประหลาดใจและตลก และสงสัยว่าเขาไม่อายเหรอที่ไปถามคนอื่นเรื่องจูบ
เลิ่งเชาถิงถามพนักงานและคนที่มาเที่ยวอีกสองคน และพวกเขาก็พูดแบบเดียวกัน
“คุณไม่อายเลยหรอ?” กู้หนิงถามตอนที่เขาเดินกลับมา
“ไม่เลย” เลิ่งเชาถิงตอบ ตราบใดที่มันเกี่ยวข้องกับกู้หนิง เขาไม่รู้สึกอายเลย
เมื่อถึงคิวกู้หนิงและเลิ่งเชาถิง ทั้งคู่เข้าไปนั่งในชิงช้าสวรรค์ด้วยกัน ขณะที่ชิงช้าสวรรค์เคลื่อนตัวขึ้นไป เสียงดังบนพื้นดินก็เริ่มจางหายไป ให้ความรู้สึกเหมือนเหลือแค่พวกเขาเพียงสองคนที่อยู่ในโลกใบนี้
กู้หนิงชื่นชมทิวทัศน์เบื้องล่าง ส่วนเลิ่งเชาถิงเอาแต่มองเธอ “อะไร?” กู้หนิงถาม