Your Wishlist

กำเนิดใหม่สาวนักเรียนเซียนธุรกิจ (ตอนที่ 75 - 76: รับรู้เฉียบไว, เสียงปืนในร้านอาหาร)

Author: BuaElla แปล

เธอเปรียบดั่งหุ่นเชิดของตระกูล เป็นสายลับและนักฆ่า เธอถูกหักหลังและตกลงไปในทะเล เมื่อเธอลืมตาขึ้นมา เธอกลายเป็นเด็กสาวมัธยมธรรมดาๆ เนื่องจากเกิดมาไม่มีพ่อ เธอจึงถูกญาติของเธอถากถางมาตั้งแต่เด็กจนโต และถูกรังแกจากเพื่อนร่วมชั้นเรียน แต่ตอนนี้เธอไม่ใช่คนขี้ขลาดตาขาวอีกแล้ว ใครกล้าทำร้ายเธอ เธอจะหักกระดูกพวกมัน !

จำนวนตอน : ยังไม่จบ

ตอนที่ 75 - 76: รับรู้เฉียบไว, เสียงปืนในร้านอาหาร

  • 05/04/2564

ตอนที่ 75: รับรู้เฉียบไว

 

เมื่อบริกรเปิดประตูเข้ามา กู้หนิงเห็นกลุ่มผู้ชายเดินผ่าน เธอรู้สึกคุ้นๆกับรูปร่างผู้ชายที่เดินนำหน้า

 

เมื่อเธอหันกลับไปมองอีกครั้ง พวกเขาก็เดินไปแล้ว

 

กู้หนิงไม่รู้จักกลุ่มผู้ชายเหล่านั้น และส่วนน้อยที่สามารถทำให้เธอประทับใจไม่รู้ลืม ดังนั้นเธอจึงรู้ทันทีว่าเขาเป็นใคร

 

ผู้ชายคนนั้นต้องเป็นคนเดียวกับที่ให้หยกจักรพรรดิกับเธอ ช่างบังเอิญอะไรเช่นนี้ เขาอยู่ที่นี่ด้วย

 

กู้หนิงไม่อยากจะคิดอะไรอีก เธอเอนหลังพิงเบาะและเลือกดูเมนู เธอสั่งสองอย่างจากนั้นก็ส่งเมนูให้โจวเจิ้งหง

 

“ลุงโจว ลุงสั่งอาหารที่ลุงชอบด้วยสิคะ”

 

โจวเจิ้งหงรับเมนูมา เขาสั่งอีกสองอย่าง จากนั้นก็ส่งเมนูคืนบริกร เมื่อบริการเดินออกไป โจวเจิ้งหงก็หยิบเอากระเป๋าใส่กระดาษออกมา แล้วยื่นให้กู้หนิง

 

“บอส ผมร่างสัญญาแล้ว รบกวนตรวจดูด้วยครับ ถ้าหากมีอะไรไม่ถูกต้อง ผมจะได้แก้ไขมัน”

 

“ดีค่ะ” กู้หนิงรับมันมา เธอเปิดกระเป๋าเอกสารและเริ่มอ่านเนื้อหาของเอกสารด้วยพลังตาทิพย์ มันง่ายมากสำหรับกู้หนิงที่จะอ่านสัญญาได้รวดเร็ว แต่อยู่ต่อหน้าโจวเจิ้งหง กู้หนิงต้องแกล้งทำเป็นว่าใช้เวลาในการอ่านเอกสารให้นานขึ้นเพื่อให้ดูเป็นธรรมชาติ

 

สัญญามีเพียงสองหน้ากระดาษ ดังนั้นถึงแม้กู้หนิงจะตั้งใจอ่านให้ช้าลง เธอก็ยังใช้เวลาแค่สองนาทีในการอ่าน

 

สัญญาการจ้างงานระหว่างกู้หนิงและโจวเจิ้งหงระบุว่า โจวเจิ้งหงเป็นผู้บริหารบริษัทหยกบิวตี้จิวเวอรี่ เขามีสิทธิ์ในการดำเนินการ ทุนจดทะเบียนอยู่ที่หนึ่งร้อยล้านหยวน เงื่อนไขเงินเดือนเพิ่มเติม โจวเจิ้งหงเป็นเจ้าของหุ้นจำนวนยี่สิบเปอร์เซ็นต์ของบริษัท

 

“ดีค่ะ ฉันคิดว่ามันดีแล้ว” กู้หนิงเอ่ย เธอเซ็นสัญญาจากนั้นก็ยื่นให้โจวเจิ้งหง โจวเจิ้งหงก็เซ็นสัญญา

 

กู้หนิงอดไม่ได้ที่จะใช้ตาทิพย์ส่องดูห้องส่วนตัวที่อยู่ถัดไป เธอเห็นผู้ชายห้าคนที่เธอพบในลิฟต์นั่งอยู่ที่โต๊ะ มีกล่องสองกล่องวางไว้บนโต๊ะต่อหน้าคนสองกลุ่ม

 

พวกเธออยู่ในร้านอาหารสุดหรูและผนังเก็บเสียงได้อย่างดีเยี่ยม ดังนั้นเธอจึงไม่ได้ยินอะไรเพราะพวกเขาพูดคุยกันเสียงเบา เธอเห็นเพียงว่าพวกเขากำลังทำอะไรเท่านั้น

 

พวกเขาเปิดกล่องออก กล่องใบแรกเต็มไปด้วยถุงแป้งสีขาว ในขณะที่อีกกล่องเต็มไปด้วยธนบัตรและแท่งทอง

 

เห็นได้ชัดว่าพวกเขากำลังตกลงเจรจาซื้อขาย

 

ถึงแม้กู้หนิงจะรู้ว่าพวกเขากำลังทำสิ่งผิดกฎหมาย แต่เธอรู้ว่ามันไม่ใช่เรื่องของเธอ ยิ่งไปกว่านั้นมีผู้ชายอย่างน้อยสิบคนที่มีปืน กู้หนิงไม่แข่งแกร่งพอจะสู้พวกเขาได้ทั้งหมด

 

กู้หนิงถอนหายใจ ยกถ้วยน้ำชาขึ้นจิบ

 

อย่างไรก็ตาม ในห้องส่วนตัวที่อยู่ติดกับห้องถัดจากห้องกู้หนิง มีชายสามคน หนึ่งในนั้นคือเลิ่งเชาถิง

 

เลิ่งเชาถิงสวมชุดสีดำ เขาตัวสูงและยากจะอธิบายอารมณ์ในขณะนี้ได้ เขาสวมหูฟังกำลังฟังเสียงจากห้องที่ติดกันและพยายามฟังบทสนทนา

 

ในระหว่างนั้นก็มีชายหนุ่มคนหนึ่งเดินเข้ามาพูดกับเลิ่งเชาถิง “กัปตัน นอกจากพวกเราและเป้าหมายแล้ว มีคนอยู่ในห้องส่วนตัวหมายเลขสามอยู่ในชั้นนี้ด้วย ห้องหมายเลขสามอยู่ถัดจากห้องเป้าหมาย  ผมแจ้งให้ผู้จัดการเชิญพวกเขาให้ออกไปแล้วครับ”

 

“ดี” เลิ่งเชาถิงตอบสั้นๆและไม่พูดอะไรอีก

 

เพราะพวกเขาไม่รู้สถานที่นัดหมายล่วงหน้า พวกเขาจึงไม่ได้จัดเตรียมไว้ก่อน พวกเขาทำได้เพียงตรวจสอบสถานการณ์รอบๆหลังจากได้รับการยืนยันสถานที่นัดหมาย แม้แต่แมลงเล็กๆก็ถูกจัดฉากโดยเลิ่งเชาถิง เขาส่งคนปลอมตัวเป็นบริกร

 

น๊อค น๊อค

 

ในขณะนั้นประตูห้องส่วนตัวของกูหนิงก็มีเสียงเคาะประตูและจากนั้นก็ถูกผลักออกกู้หนิงคิดว่าเป็นพนักงานเสิร์ฟ แต่เธอก็แปลกใจ มีผู้ชายอายุสามสิบเดินเข้ามา ทั้งกู้หนิงและโจวเจิ้งหงต่างพากันขมวดคิ้วด้วยความฉงน

 

หนึ่งในนั้นเอ่ยขอโทษขอโพย “ยินดีต้อนรับคุณผู้ชายคุณผู้หญิง ผมเป็นผู้จัดการโรงแรม ผมต้องขอโทษด้วยที่เข้ามารบกวนท่านทั้งสอง”

 

ผู้ชายที่มากับผู้จัดการก้าวเข้ามายืนอยู่หน้ากู้หนิง เขาดึงเอกสารออกมาและยื่นให้เธอ “ยินดีที่ได้รู้จักครับ นี่คือบัตรประจำตัวทหารของผม กองกำลังของเรากำลังตรวจสอบชั้นนี้ เพื่อความปลอดภัยของคุณเอง ผมหวังว่าคุณจะย้ายลงไปยังห้องทานอาหารส่วนตัวชั้นล่าง ขอโทษในความไม่สะดวกด้วยครับ”

 

เมื่อรู้แบบนั้นโจวเจิ้งหงก็ตระหนกตกใจในระหว่างที่กู้หนิงแปลกใจเล็กน้อย มันต้องเกี่ยวกับปฏิบัติการจับกลุ่มผู้ชายห้องข้างๆแน่นอน

 

อย่างไรก็ตามแต่พวกเขามาจากกองทัพจริงรึเปล่า? อืม เขาก็ดูเหมือนทหารจริงๆ

 

“ได้สิคะ” กู้หนิงไม่ต้องการเข้าไปยุ่งเกี่ยว จากนั้นก็ออกไปพร้อมกับโจวเจิ้งหง ตามมาด้วยผู้จัดการโรงแรมและเจ้าหน้าที่ทหาร

 

เมื่อพวกเธอออกจากห้อง ผู้ชายสองคนที่ยืนอยู่ข้างนอกห้องหมายเลขสี่ก็หันมาดู ผู้จัดการโรงแรมเกิดตื่นกลัวขึ้นมา ใบหน้าของเขาซีดเผือดเพราะเขารู้ว่าผู้ต้องสงสัยอยู่ในห้องนั้น

 

กู้หนิงและเจ้าหน้าที่ทหารรับรู้ได้ว่าอาจมีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้น ปฏิกิริยาของผู้จัดการโรงแรมเรียกความสนใจจากผู้ชายพวกนั้น ทันใดนั้นเจ้าหน้าที่ทหารก็ก้าวเข้าไปหาผู้จัดการโรงแรมและบังเขาเอาไว้ เขาส่งสายตาเตือนผู้จัดการ

 

อย่างไรก็ตามผู้ชายสองคนที่ยืนอยู่ด้านนอกก็สังเกตเห็นสีหน้าของผู้จัดการ พวกเขาได้กลิ่นไม่ดี พวกเขาจึงพูดว่า

 

“เดี๋ยวก่อน”

 

 

ผู้จัดการตัวสั่นแต่เพราะสายตาเตือนจากเจ้าหน้าที่ เขาบังคับตัวเองให้ใจเย็นลงและยิ้มอย่างฝืนๆ

 

“ยินดีต้อนรับครับ มีอะไรให้ผมรับใช้?” เขาตอบชายที่เรียกเอาไว้

 

ผู้ชายสองคนหันไปสบตากัน จากนั้นก็เดินเข้ามาหาพวกเธอ

 

กู้หนิงและเจ้าหน้าที่ทหารต่างรู้สึกถึงสัญญาณอันตราย พวกเขาคิดว่าอาจมีเรื่องไม่คาดคิดเกิดขึ้นได้ พวกเธอได้แต่ยืนนิ่งอยู่กับที่ ไม่แสดงพิรุธ

 

ผู้ชายสองคนเดินเข้ามาจากนั้นก็เล็งปลายกระบอกปืนมายังพวกเธอ “เข้าไปข้างใน!” พวกขาตะคอกอย่างเงียบๆ

 

ผู้จัดการร้านและโจวเจิ้งหงหน้าถอดสี พวกเขาตัวสั่นเทิ้มด้วยความหวาดกลัวกู้หนิงและเจ้าหน้าที่ทหารยังรักษาความนิ่งไว้ได้ ไม่ทำตัวให้เกิดพิรุธ พวกเขาให้ความร่วมมือและแสดงออกว่าหวาดกลัว

 

พวกเธอถูกบังคับให้กลับเข้าไปในห้องส่วนตัวอีกครั้ง

 

ห้องหมายเลขห้าที่เลิ่งเชาถิงอยู่ เขาติดตั้งกล้องไว้ด้านนอก ดังนั้นเขาจึงสามารถเห็นเหตุการณ์ทั้งหมด

 

“กัปตัน พวกเราควรจะทำยังไงดี? พวกมันรู้ตัวแล้ว!” ชายหนุ่มอีกคนเอ่ยอย่างกังวล

 

“อดทนไว้ก่อน” เลิ่งเชาถิงตอบ

 

เลิ่งเชาถิงจำร่างเล็กๆท่ามกลางกลุ่มผู้ชายที่ทางเดินได้ เขาหงุดหงิดเล็กน้อยและไม่สบายใจ ดูเหมือนว่าเขากังวลความปลอดภัยของเธอ

 

ภายในห้องหมายเลขสาม

 

“คุณเพิ่งเห็นพวกเราทำไมต้องทำท่าทางหวาดกลัวขนาดนั้น?” ผู้ต้องสงสัยถามผู้จัดการโรงแรม เขาจำผู้จัดการโรงแรมได้ ดังนั้นเขาจึงรู้สึกผิดสังเกต

 

ตอนที่ 76: เสียงปืนในร้านอาหาร

 

“เอ่อ ไม่มีอะไรครับ” ผู้จัดการโรงแรมปฏิเสธ เขาพยายามใจเย็นแต่ไม่ประสบผลสำเร็จ  ผู้ชายสองคนไม่เชื่อเขา

 

“บอกคนในห้องว่าเรามีปัญหาแล้ว” คนร้ายอีกคนพูดขึ้น จากนั้นคนร้ายอีกคนก็หมุนตัวเตรียมจะเดินออกไป

 

กู้หนิงมองไปที่ปืน เขายังไม่ได้ขึ้นลำกล้อง ถ้าหากกู้หนิงเข้าไปแย่งปืนจากเขา เขาก็ไม่มีโอกาสจะยิงเธอได้ พูดอีกนัยหนึ่งมันปลอดภัยสำหรับกู้หนิงที่จะทำอย่างนั้น

 

กู้หนิงมองไปที่เจ้าหน้าที่ทหารส่งสายตาให้เขารับรู้ เขาเข้าใจสัญญาณที่กู้หนิงส่งมาได้ทันที

 

เจ้าหน้าที่ทหารประหลาดใจ เด็กสาวคนนี้ไม่กลัวเลยสักนิด! หนำซ้ำจะเป็นคนลงมือก่อน บอกตามตรงเจ้าหน้าที่ทหารยังไม่เชื่อในความสามารถของกู้หนิง เขาลังเลเล็กน้อย แต่เมื่อเห็นกู้หนิงที่มองมาแบบไม่ให้ปฏิเสธ  เขาจึงรู้สึกมั่นใจขึ้นมา

 

จากนั้นเขาก็พยักหน้ายืนยัน

 

เด็กสาวคนนี้กล้าแย่งปืนตรงๆจากคนร้าย ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเธอทั้งบ้าบิ่นและมีความสามารถ

 

จากนั้นกู้หนิงก็เริ่มแผนการทันที เธอเข้าไปประชิดตัวคนร้ายและบิดข้อมือคนร้ายเสียงดัง ‘กรอบ’ มือของคนร้ายหักทันที

 

ในระหว่างนั้นเจ้าหน้าที่ทหารก็หยิบปืนออกมายิงไปที่คนร้ายอีกคน

 

ก่อนที่คนร้ายจะส่งเสียงร้องออกมา กู้หนิงก็ยัดทิชชู่เข้าไปในปากของเขา จากนั้นเธอก็เงื้อสันมือตบลงไปที่ท้ายทอยของเขา คนร้ายที่ถูกแย่งปืนสลบเหมือดทันที

 

ปืนของเจาหน้าที่ทหารมีที่เก็บเสียง มันจึงไม่ก่อให้เกิดเสียงดัง เขายิงเข้าไปที่หัวคนร้าย คนร้ายร่วงลงไปนอนที่พื้น

 

ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมากจนยากจะสังเกตเห็นทัน

 

ทั้งผู้จัดการโรงแรมและโจวเจิ้งหงตาเบิกกว้างด้วยความตกใจ พวกเขารู้สึกว่ากำลังฝันอยู่

 

เจ้าหน้าที่ทหารก็ประหลาดใจด้วย  เขาคาดไม่ถึงว่าเด็กสาวจะเก่งขนาดนี้ เธอเคลื่อนไหวได้เร็วมาก

 

เขาอยู่ในกองทัพมาไม่ต่ำกว่าสิบปีและเป็นเจ้าหน้าที่บัญชาการอาวุโส และถูกฝึกอย่างทรหดมาไม่น้อยกว่าสิบปี การฝึกแบบไหนที่เด็กสาวคนนี้เคยผ่านมา? เจ้าหน้าที่ทหารคิดในใจ

 

แม้ว่าเขาจะประหลาดใจแค่ไหน เขาก็ไม่ได้ถามเธอ มันไม่ใช่ธุระอะไรของเขายิ่งไปกว่านั้น เขามีปลาตัวใหญ่ให้ตกอยู่ตอนนี้

 

“พวกคุณทั้งหมดพากันออกไปเดี๋ยวนี้!” เจ้าหน้าที่ทหารเอ่ย

 

“สายไปแล้ว” กู้หนิงเอ่ย เธอเห็นคนกำลังออกมาจากห้องทานอาหารส่วนตัวหมายเลขสี่

 

ทันทีที่เขาออกมา เขาจะเห็นว่าคนที่เฝ้าอยู่ข้างนอกหายไป

 

ขณะนั้นเองกู้หนิงก็วิ่งออกไปโดยไม่พูดอะไร ทุกคนที่เหลือภายในห้องต่างพากันงุนงง พวกเขาไม่รู้ว่าเธอคิดจะทำอะไร

 

โจวเจิ้งหงอยากจะออกไปดูเพราะเขาเป็นห่วงความปลอดภัยกู้หนิง เขาถูกเจ้าหน้าที่ทหารหยุดเอาไว้ก่อน จากนั้นเจ้าหน้าที่ทหารก็ตามเธอออกไป

 

เลิ่งเชาถิงที่อยู่อีกด้านสังเกตเห็นกู้หนิงวิ่งออกมา

 

เมื่อเห็นว่ากู้หนิงออกมา พวกเขาก็รู้ได้ทันทีว่าคนที่อยู่ในห้องหมายเลขสามปลอดภัย แต่ทำไมกู้หนิงถึงวิ่งออกมาล่ะ?

 

ท่ามกลางความสับสนงุนงง กู้หนิงก็รีบไปที่ประตูห้องอาหารส่วนตัวหมายเลข 4 ในเวลาเดียวกันประตูก็ถูกเปิดออกและชายคนหนึ่งเดินออกมา

 

ก่อนที่ชายคนดังกล่าวจะสังเกตเห็นกู้หนิง กู้หนิงก็จู่โจมเขาก่อน เขาหมดสติไปในช่วงเวลาสั้นๆและล้มไปกองที่พื้น จากนั้นกู้หนิงก็ฉวยเอาปืนเขามา

 

เห็นแบบนั้นเลิ่งเชาถิงและคนของเขาที่กำลังจ้องดูในจอ และเจ้าหน้าที่ทหารที่ตามกู้หนิงออกมาก็อ้าปากค้างด้วยความคาดไม่ถึง

 

พวกเขาเข้าใจแล้วว่าทำไมกู้หนิงถึงพูดว่าสายไปแล้ว

 

แต่เธอรู้ได้ยังไงว่ามีผู้ชายเดินออกมา?

 

เมื่อรู้ว่ากู้หนิงปลอดภัย เลิ่งเชาถิงก็โล่งอก ตอนนี้ถึงเวลาพวกเขาออกโรงแล้วผู้ชายสามคนเดินออกมาจากห้องหมายเลขห้าทันที

 

กู้หนิงสบตากับเลิ่งเชาถิงโดยบังเอิญ  ใบหน้าอันหล่อเหลาเย็นชาของทำให้กู้หนิงหัวใจเต้นสะดุด แต่เธอรู้ว่าตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่เหมาะสมที่จะชื่นชมความหล่อของเขา

 

“กลับเข้าไปในห้อง” เลิ่งเชาถิงบอกกู้หนิง

 

“ฉันปกป้องตัวเองได้” กู้หนิงตอบ เธอไม่กลับเข้าไป

 

เลิ่งเชาถิงขมวดคิ้วเล็กน้อย เขาดูไม่พอใจแต่ไม่ได้พูดอะไรออกมา เขามั่นใจว่าตราบใดที่เขาอยู่ที่นี่ เขาจะสามารถปกป้องเด็กสาวคนนี้ได้ จู่ๆหลังจากนั้นเลิ่งเชาถิงและคนของเขาก็วิ่งเข้าไปในห้องทานอาหารหมายเลขสี่  เสียงปืนก็ดังตามมา

 

เมื่อเสียงปืนยิงออกไปนัดแรกและกระหน่ำตามมาอีกหลายนัด ทั่วทั้งตึกต่างเกิดความโกลาหล ผู้คนต่างวิ่งกันหลบหนีพยายามซ่อนตัว

 

โจวเจิ้งหงและผู้จัดการโรงแรมต่างพากันหวาดกลัวและซ่อนใต้โต๊ะ

 

โจวเจิ้งหงห่วงกู้หนิงมาก แต่เขาไม่กล้าเดินออกไป นอกจากนี้กู้หนิงได้เตือนว่าไม่เห็นเขาออกไป

 

ไม่นานเสียงปืนก็หยุดลง

 

ในขณะเดียวกันก็มีเสียงไซเรนดังมาจากข้างล่าง ตำรวจได้รับแจ้งล่วงหน้าไว้แล้วและเข้ามาเก็บกวาดพื้นที่

 

แม้ว่ากู้หนิงจะไม่ได้เข้าไปในห้องหมายเลขสี่ เธอก็เห็นเหตุการณ์ที่อยู่ภายในห้องอย่างชัดเจน เธอใช้ตาทิพย์ของเธอส่องดู

 

เลิ่งเชาถิงและคนของเขามีเพียงสามคนเท่านั้น ในขณะที่อีกฝั่งมีเจ็ดถึงแปดคน  การปรากฏตัวของเลิ่งเชาถิงและพวกเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ดังนั้นคนที่อยู่ในห้องจึงไม่ทันระวังตัวและถูกฆ่าตายทั้งหมด

 

เลิ่งเชาถิงและคนของเขาต่างปลอดภัยไม่มีแม้แต่รอยขีดข่วน

 

พวกเขาช่างเก่งกาจจริงๆ

 

ถึงภารกิจจะจบไปแล้ว เลิ่งเชาถิงก็ยังไม่จากไปทันที พวกเขารอตำรวจเขามาสานงานต่อ

 

กู้หนิงหมุนตัวเดินกลับเข้าไปในห้องหมายเลขสาม เธอบอกโจวเจิ้งหงและผู้จัดการโรงแรมว่าทุกอย่างปลอดภัยแล้ว

 

“บอส คุณเป็นอะไรไหม?” โจวเจิ้งหงที่ได้ยินเสียงกู้หนิงก็เอ่ยถามขึ้น เขาขยับตัวออกมาจากใต้โต๊ะพร้อมด้วยผู้จัดการโรงแรม

 

เห็นแบบนั้นกู้หนิงก็รู้สึกอยากหัวเราะ เธอไม่ได้ตั้งใจจะล้อเลียนพวกเขา มันเป็นสงครามสาดกระสุน และเป็นที่เข้าใจได้ว่าคนทั่วไปก็ต้องหวาดกลัวเป็นธรรมดา

 

“ไม่เป็นอะไรค่ะ” กู้หนิงตอบ

 

“ผู้จัดการคะ ฉันว่าคุณควรจะปิดร้านอาหารสักพักก่อนสำหรับเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้น พวกเราจะไม่รบกวนคุณแล้ว” กู้หนิงเอ่ย

 

“ดะ ได้ ผมต้องขอประทานโทษจริงๆครับคุณหนู โอ้ แล้วก็ขอบคุณมากที่ช่วยผมเอาไว้” ผู้จัดการไม่ลืมว่ากู้หนิงได้ช่วยชีวิตเขา

 

“ฉันช่วยชีวิตตัวเองด้วยเหมือนกันค่ะ” กู้หนิงตอบ

 

จากนั้นกู้หนิงและโจวเจิ้งหงที่ยังไม่หายตกใจก็เดินออกไป

 

“เดี๋ยวก่อน”

 

เธอยังเดินไปได้ไม่ไกลเลิ่งเชาถิงก็เรียกเธอไว้ก่อน

 

“คะ มีอะไรคะ?” กู้หนิงหันมา เธอมองเลิ่งเชาถิงที่กำลังเดินเข้ามาหาเธอ ด้วยดวงตาคู่สวยของเธอ น้ำเสียงที่มีเสน่ห์ ทำให้ผู้ชายที่อยู่แถวนั้นแทบจะอ่อนระทวย

 

หัวใจของเลิ่งเชาถิงเต้นผิดจังหวะ เด็กสาวคนนี้สวยมาก!

 

แต่ความรู้สึกที่เพิ่งก่อตัวก็สลายหายไปอย่างรวดเร็ว

 

เลิ่งเชาถิงยื่นมือออกไปหากู้หนิง “บุคคลใดที่ไม่ใช่เจ้าหน้าที่ทหารหรือตำรวจ ไม่ได้รับอนุญาตให้พกปืนได้ หากถูกพบเข้าจะถูกจับฐานทำผิดกฎหมาย”

 

ทุกคนต่างพากันตกใจ

 

อะไรนะ? เด็กคนนี้มีปืน?

 

 

กลับหน้าหลัก ตอนก่อนหน้า ตอนถัดไป