ตอนที่ 71: เธอได้ชดใช้แน่
“โทษทีนะ ผมมีเรื่องต้องจัดการ คุณไปกับเพื่อนเถอะ” ฉินอี้ฟานบอกปัด มันเป็นวิธีที่เขามักใช้อยู่เสมอ
“ทุกครั้งที่ฉันชวนคุณไปดูหนัง คุณก็ยุ่งตลอด” ถึงแม้ลี่เจินเจินจะรู้อยู่แล้วว่ามันต้องลงเอยแบบนี้ ทว่าเธอก็รู้สึกเจ็บทุกครั้งที่ได้ยิน
เธออ่อนข้อให้เขาที่สุดเท่าที่เธอจะทำได้ แต่ทำไมเขาถึงเอาแต่เย็นชากับเธอ?
ลี่เจินเจินเป็นคนสวย เซ็กซี่และมีการศึกษาที่ดี และยังมาจากครอบครัวคนรวย เธอมีทุกอย่างเท่าที่ผู้ชายคนหนึ่งต้องการจากผู้หญิง เธอมีคนมาชื่นชอบมากมาย แต่เห็นได้ชัดว่าฉินอี้ฟานไม่ใช่หนึ่งในนั้น
เธอไม่อยากเป็นน้องสาวของเขาหรือแฟนสาว เธอต้องการเป็นภรรยาของเขา
“อี้ฟาน...” ลี่เจินเจินกำลังจะพูด แต่เสียงมือถือดังขัดขึ้นก่อน
มือถือของลี่เจินเจินวางอยู่บนโต๊ะกินข้าว คนที่โทรเข้ามาชื่อ ‘หลิว’ ลี่เจิ่นเจินรู้สึกตระหนกประมาณเสี้ยววินาที จากนั้นเธอก็ดีใจ
“เอ่อ ฉันขอตัวรับสายนี้ก่อนนะคะ” ลี่เจินเจินหยิบมือถือขึ้นมาและลุกขึ้นจากเก้าอี้เดินออกไป เธอไม่อยากให้ฉินอี้ฟานได้ยินบทสนทนา
ลี่เจินเจินเดินออกไปข้างนอก เธอรับโทรศัพท์และพูดโดยไม่รอให้อีกฝ่ายพูดก่อน
“หลิว นี่นายทำสำเร็จรึเปล่า? ฉันจะได้โอนเงินที่เหลือห้าหมื่นหยวนเข้าบัญชีของนาย”
“โอ้ คุณลี่ ศักดิ์ศรีลูกผู้หญิงของฉันมีค่าแค่หนึ่งแสนหยวนในสายตาคุณเหรอคะ?” กู้หนิงถากถาง
“เธอ...” เมื่อได้ยินเสียงกู้หนิง ลี่เจินเจินก็ตกใจ เธอเกือบขว้างมือถือทิ้ง ทำไม? เป็นไปได้ยังไง?
เกิดอะไรขึ้น? ทำไมพวกเขารับเงินไปแล้วแต่ทำพลาด?
“คุณลี่ เรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้ฉันจะจดจำให้ขึ้นใจและคุณต้องได้ชดใช้คืนแน่ ระตัวด้วย!” กู้หนิงเตือน
“เธอกล้าขู่ฉันเหรอ?” ถึงแม้ลี่เจินเจินจะรู้สึกกลัว แต่เธอไม่พอใจคำพูดข่มขู่ของกู้หนิง ใบหน้าเธอเปลี่ยนเป็นบึ้งตึง
“ใช่ ฉันขู่คุณอยู่” กู้หนิงยอมรับอย่างไม่ลังเล ลี่เจินเจินทั้งโกรธทั้งกลัว
กู้หนิงพูดเสริมขึ้นอีกว่า “คุณลี่ ในเมื่อคุณกล้าทำแบบนั้น คุณก็ต้องกล้ารับกับผลที่ตามมา” จากนั้นกู้หนิงก็ตัดสายไปก่อนที่ลี่เจินเจินจะมีโอกาสได้พูด
ลี่เจินโมโหจนเกือบจะทำลายมือถือทิ้ง เธอยังไม่รู้เบื้องหลังของกู้หนิงจริงๆ แต่เมื่อกู้หนิงใช้มือถือของนายหลิวโทรหาเธอได้ แสดงว่ากู้หนิงก็ไม่ใช่คนธรรมดา
ดังนั้นลี่เจินเจินจึงรู้สึกไม่สบายใจกับคำขู่ของกู้หนิง
ตอนนี้ลี่เจินเจินไม่มีอารมณ์จะดูหนัง เธอบังคับตัวเองกินข้าวกับฉินอี้ฟานให้จบ จากนั้นก็ขอให้เขาพาเธอกลับบ้านทันที เธอกังวลว่าจะมีเรื่องร้ายเกิดขึ้นระหว่างทางกลับบ้าน
ลี่เจินเจินไม่ได้พูดเรื่องขอให้เขาไปดูหนังเป็นเพื่อนอีกซึ่งนั่นทำให้เขามีความสุขมาก
แต่ถ้าเขารู้เหตุผลที่ซ่อนไว้เบื้องหลัง เขาคงไม่นิ่งสงบแบบนี้แน่
อีกด้านกู้หนิงวางสาย จากนั้นก็เขวี้ยงกลับไปยังพวกอันธพาล เธอหันหลังเดินจากไป
กู้หนิงไม่รู้ว่าพวกมันจะกลับมาล้างแค้นเธอตอนไหน ทั้งหมดที่เธอทำได้คือปกป้องตัวเองให้ดีที่สุด
กู้หนิงเดินไปที่รถ เธอดึงคนขับรถที่หมดสติออกมาและเข้าไปนั่งแทนที่คนขับ
กู้หนิงสตาร์ทรถและขับออกไป
หลังจากที่กู้หนิงจากไปแล้ว ตรอกถนนเล็กๆฝั่งตรงข้ามมีรถมาเซอราติสีดำจอดอยู่ กระจกเลื่องลงช้าๆ
มีผู้ชายสองคนนั่งในรถกำลังมองกู้หนิงขับรถจากไป
ที่นั่งคนขับมีชายหนุ่มอายุประมาณยี่สิบห้าปีสวมชุดลำลอง ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความประหลาดใจระคนตื่นเต้น
“ว้าว ไม่คิดว่าเด็กสาวคนนั้นจะแรงเยอะขนาดนี้และยังเก่งอีกด้วย! ฉันอยากสู้กับเธอจริงๆ!”
“แน่นอนว่านายแพ้” น้ำเสียงเย็นชาดังออกมาจากเบาะผู้โดยสารด้านหลัง อยู่ๆชายหนุ่มก็อารมณ์เสียขึ้นมา
ผู้ชายที่นั่งเบาะผู้โดยสารด้านหลังอายุประมาณสามสิบปี เขามีใบหน้าหล่อเหลาและมีไออำนาจแผ่ซ่านออกมาจากตัวของเขา
เมื่อได้ยินอย่างนั้น ชายหนุ่มที่เป็นคนขับรถก็ไม่พอใจขึ้นมา เขาบ่นว่า “หัวหน้า อย่าหงุดหงิดกับเพื่อนเก่าสิ”
“นายสามารถล้มพวกมันภายในหนึ่งนาทีรึเปล่าล่ะ?”
“เอ่อ...” ชายอ่อนกว่ารู้สึกกระดากอาย ความจริงแล้วเขาทำไม่ได้ แม้ว่าเขาจะสามารถล้มพวกนั้นได้ภายในไม่กี่นาที แต่เขาก็ไม่สามารถทำได้แบบเดียวกันกับเด็กสาว
“ซวนเฟิง หามาว่าใครเป็นหัวหน้าพวกมัน ใครกล้ารับเงินลูกค้าโดยไม่ได้รับอนุญาตจากฉันก่อน!” เขาพูดเสียงเย็น เขากำลังหงุดหงิดไม่สบอารมณ์
ผู้ชายคนนี้คือหัวหน้าใหญ่แก๊งฉิง
ถึงแม้ว่าแก๊งฉิงจะได้ชื่อว่าเป็นแก๊งนักเลง พวกเขาก็มีนโยบายในการบริหารและกฎ การรับเงินลูกค้าและคิดค่าธรรมเนียมการปกป้องโดยไม่ได้รับอนุญาตเป็นการกระทำที่ไร้ศีลธรรม
แน่นอนว่าถึงจะมีกฎภายในแก๊งค์ แต่ก็จะมีบางคนชอบแหกกฏเหมือนกับพวกนั้น
แม้แต่ในประเทศนี้ก็มีการคอร์รับชั่นมากมาย ตราบใดที่พวกเขาไม่ถูกจับ พวกเขาก็ยังทำเรื่องไร้ศีลธรรมนี้ต่อไป
“ครับ หัวหน้า!” ฉู่ซวนเฟิงตอบ
กู้หนิงจอดรถข้างทางหลังจากขับออกมาไม่ไกล ไม่ใช่เพราะเธอหลงทางแต่เพราะเธอต้องหาคนขับรถตัวจริง
ตอนนี้เธอกึ่งกังวลกึ่งสงสัยคนละครึ่งเกี่ยวกับคนขับรถ ถ้าหากคนขับรถเป็นหนึ่งในพวกอันธพาลล่ะ? และถ้าหากเขาเกิดเรื่องจริงๆล่ะ?
กู้หนิงหยิบมือถือออกมา เธอโทรหาคนขับรถ
ไม่มีใครรับสาย
ขณะนั้นกู้หนิงกำลังจะโทรหาตำรวจก็มีเสียงมาจากกระโปรงรถ ความคิดก็พุ่งเข้าใส่กู้หนิงทันที เธอปลดล็อคประตูแล้วก้าวออกจากรถเดินไปยังกระโปรงท้ายรถ
เป็นเขาจริงด้วย! คนขับรถตัวจริงที่ควรจะไปรับเธอ ตอนนี้เขาถูกมัดและถูกผ้ายัดใส่ปาก
เมื่อเห็นกู้หนิง ประกายแววตาของเขาก็วาบขึ้น เขารู้ว่ากู้หนิงมาช่วยเขา เขาทำเสียงอู้อี้อย่างตื่นเต้น
กู้หนิงถอนหายใจโล่งอกที่เห็นว่าคนขับรถปลอดภัย เธอช่วยเขาคลายเชือก
ผ้าที่ถูกยัดในปากเขาถูกดึงออก คนขับรถเป็นอิสระ เขาเอ่ยขอโทษเธอ “คุณกู้ ผมต้องขอโทษจริงๆ ผมไม่รู้เลยว่าทำไมพวกเขาถึงทำอย่างนี้กับผม ขอบคุณมากที่ช่วยผมเอาไว้ครับ!”
ตอนที่ 72: ช้อปปิ้งในศูนย์การค้า
เมื่อนึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้น คนขับรถก็ตัวสั่นด้วยความกลัว
“ฉันต่างหากที่ต้องขอโทษ มันเป็นความผิดของฉันเอง เป้าหมายของพวกมันคือฉัน” กู้หนิงบอก จากนั้นเธอก็เล่าทุกอย่างให้เขาฟัง
“อะไรนะครับ?” คนขับรถตกใจ แต่เขาไม่ได้โทษกู้หนิงเพราะเธอก็เป็นเหยื่อ
วันนี้เกิดเรื่องราวต่างๆมากมาย เมื่อกู้หนิงมาถึงโรงแรมก็เป็นสองทุ่มแล้ว กู้หนิงหิวไส้แทบขาด ดังนั้นเธอจึงโทรเรียกรูมเซอร์วิส
เธอวางแผนจะซื้อเสื้อผ้าชุดใหม่ในเมืองบ่ายวันนี้ แต่ตอนนี้เธอไม่มีเวลาแล้วแม้ว่าย่านการค้าจะยังเปิดอยู่ กู้หนิงไม่ได้จะซื้อให้เธอคนเดียว เธอจะซื้อให้กู้ม่านและครอบครัวป้ากู้ชิงด้วย ดังนั้นเวลาเพียงชั่วโมงเดียวไม่พอจะช้อปให้หลายคน
กู้หนิงไม่มีชุดอื่นเปลี่ยน เธอต้องซักชุดเธอคืนนี้ และหวังว่ามันจะแห้งทันพรุ่งนี้เธอมีชุดนักเรียนในกระเป๋าเป้ แต่เธอไม่อยากสวมมันเพราะมันสะดุดตาคนเกินไป
อาหารค่ำเธอยังไม่มา กู้หนิงจึงโทรหากู้ม่านสอบถามอาการนิดหน่อย จากนั้นเธอก็คุยกับฉู่เพ่ยหานและคนอื่นๆในวีแชทสักพัก
ลมในตอนเย็นนั้นเย็นสบาย มันพัดผ่านใส่ผู้คนที่กำลังเดินกันขวักไขว่บนท้องถนน บางครั้งก็หอบเอาลมเย็นๆพัดสร้างความหนาวสั่นเล็กน้อยให้กับผู้คน
ในย่านตัวเมือง G มีสถานบันเทิงที่ใหญ่ที่สุด ‘คิงคลับ’
ภายในคลับนั้นเสียงดัง ไฟหลายสีสาดไปยังผู้ชายและผู้หญิงที่กำลังเต้นยักย้ายส่ายสะโพก บรรยากาศข้างในเต็มไปด้วยความหรูหรา แต่ภายในห้องส่วนตัวที่อยู่จากห้องโถงใหญ่ของคลับ ในนั้นมีเพียงเสียงเพลงบรรเลงเบาๆและบทสนทนาเบาๆ
ในห้องส่วนตัวขนาดใหญ่มีเพียงผู้ชายห้าคนปราศจากสาวเชียร์แขก
“แม่ง พวกเราโคตรโชคดีเลยว่ะครั้งนี้ ปะทะกับกัปตันทีมในตำนานอย่างเรดเฟรม ‘หมาป่าแดง’ คนที่ฆ่าคนของเราไปเจ็ดคน กองกำลังของเราถูกกวาดซะเรียบ โชคดีที่พวกเราวิ่งเร็ว ไม่อย่างนั้นพวกเราเสร็จแน่!” ชายหนุ่มคนหนึ่งร้องครวญครางแล้วกระแทกก้นบุหรี่ลงบนพื้นดูเหมือนจะระบายความโกรธในใจของเขา
“ฉันได้ยินมาว่าหมาป่าแดงแข่งแกร่งมากแต่ฉันเคยไม่สนใจ ครั้งนี้ได้เห็นกับตาว่าเขาแข่งแกร่งจริงๆ สามารถต่อกรกับคนเป็นสิบๆคน และฆ่าไปเจ็ด เขาถูกยิงแค่สองครั้ง” ชายกล้ามโตที่เปลือยอกท่อนบนพูดขึ้น
ถึงแม้เขาจะเกลียดที่ลูกน้องตัวเองตาย เขาก็อดชื่นชมไม่ได้
“โชคดีที่มันถูกยิงเลยตามเรามาไม่ได้ ไม่อย่างนั้นเราคงถูกพบไปแล้ว” ชายร่างเตี้ยแววตาอาฆาตเอ่ยขึ้น
“แต่พวกเราจะประมาทไม่ได้ มันอาจจะส่งคนติดตามพวกเรา! ดังนั้นพวกเราต้องสลายหายตัวทันทีที่การซื้อขายจบลงพรุ่งนี้”
“ว่าแต่ทำไมพวกมันต้องเลือกศูนย์การค้าเป็นที่นัดหมายด้วย! มีคนเยอะแยะที่นั่น พวกมันไม่กลัวถูกพบรึไงกัน?”
“ห่าเอ้ย! พวกมันคงกลัวว่าเราจะเชิดเงินหนีไปโดยไม่ให้ของ สถานที่ที่ปลอดภัยที่สุดคือที่ที่มีคนพลุกพล่าน ถ้าพวกเราไม่ส่งของให้มัน มันคงโทรเรียกตำรวจทันที ในกรณีนี้พวกเราอาจหนีไม่รอด”
“นี่ไม่ใช่ครั้งแรกซะหน่อย พวกมันไม่ไว้ใจพวกเราเลยเหรอ?”
“ครั้งนี้ของมีมูลค่าหนึ่งร้อยล้านหยวน ก็มีเหตุผลที่ต้องระวัง”
ภายในห้องส่วนตัวอีกห้อง มีแล็ปท็อปวางบนโต๊ะ ภาพหน้าจอฉายภาพเหนือผู้ชายห้าคนในห้อง
ผู้ชายที่นั่งข้างหน้าแล็ปท็อปสวมหูฟัง เขาได้ยินบทสนทนาที่พวกนั้นคุยกันทั้งหมด
ผู้ชายคนนี้ก็คือเลิ่งเชาถิง
เขามีใบหน้าหล่อเหลาได้สัดส่วนแต่แฝงด้วยความเย็นชา ดวงตาสีเข้มดังท้องทะเล ไอแห่งอำนาจแผ่ซ่านออกมาทำให้เขาดูเหมือนจักรพรรดิ
ด้านหลังเลิ่งเชาถิงมีผู้ชายสองคนยืนอยู่ ทั้งสองต่างจ้องมาที่หน้าจอแล็ปท็อปด้วย แต่ไม่ได้ยินชายห้าคนสนทนากัน
“บอส การเคลื่อนไหวต่อไปคืออะไร?” เมื่อเห็นเลิ่งเชาถิงถอดหูฟังออก ชายด้านหลังก็ถามขึ้น
“พวกมันจะทำการซื้อขายในเมือง จับตาดูสถานที่ของพวกมันไว้” เลิ่งเชาถิงเอ่ยเสียงเย็นด้วยใบหน้าเคร่งขรึม
เลิ่งเชาถิงยังไม่ลงมือฆ่าพวกมันตอนนี้ เขาจำเป็นต้องใช้พวกมันเป็นเหยื่อล่อ
หัวหน้าพวกมันไม่อยู่ ของอยู่ในมือหัวหน้า ถ้าหากเขาสังหารพวกมันตอนนี้ ตัวหัวหน้าอาจจะรู้ตัวก่อน
พวกเขาไม่รู้ว่าคนที่เป็นหัวหน้าของพวกมันอยู่ที่ไหน ถ้าพวกเขารู้ พวกเขาจะไปตามล่ามันและสังหารมันทันที
วันต่อมา กู้หนิงไม่ยอมตื่นจนกระทั่งแปดโมงเช้า
จริงๆแล้วกู้หนิงตื่นมาแล้วรอบหนึ่งแต่เธอไม่มีอะไรทำ ร้านค้าเปิดกันตอนแปดโมงเช้า เธอเลยยังไม่อยากลุกจากเตียงอุ่นๆ รอจนถึงเวลาค่อยลุก
กู้หนิงจะบินกลับเมือง F ตอนบ่ายสอง เธอมีเวลาตลอดช่วงเช้าซื้อของในศูนย์การค้า เธอจึงไม่จำเป็นต้องรีบ
วันนี้เธอยังมีนัดเซ็นสัญญากับโจวเจิ้งหงที่ศูนย์การค้าอีกด้วย เวลานัดหมายคือสิบเอ็ดโมงเช้าซึ่งเป็นเวลาที่ดีเหมาะแก่การทานมื้อเที่ยงพอดี
กู้หนิงลงไปชั้นล่าง เช็คเอาท์โรงแรม
ศูนย์การค้าอยู่ไม่ไกล ใช้เวลาเดินเพียงยี่สิบนาที ดังนั้นกู้หนิงจึงไม่เรียกแท็กซี่ เธอเดินเอา
เธอกินข้าวเช้าระหว่างเดินไปด้วย เมื่อเธอมาถึงศูนย์การค้าก็เป็นเวลาเกือบเก้าโมงแล้ว
วันนี้คือวันอาทิตย์ มีผู้คนมากมายเดินขวักไขว่ในศูนย์การค้าตั้งแต่เก้าโมง
ร้านขายเสื้อผ้าผู้หญิงอยู่ชั้นสอง ดังนั้นกู้หนิงจึงเดินตรงขึ้นไปยังชั้นสองศูนย์การค้าแห้งนี้มีขนาดใหญ่ ทางเดินยาวสุดลูกหูลูกตา กู้หนิงไม่ว่าจะเริ่มจากตรงไหนก่อน
เธอเดินสุ่มๆดูเสื้อผ้าสองฟากทางเดิน ถ้าเธอชอบสไตล์ไหนเธอก็จะเดินไปเข้าดู
ใช้เวลาสักพัก กู้หนิงก็เจอเสื้อผ้าแบรนด์นอกแบรนด์หนึ่ง มันดูราคาแพงสุดๆ แต่ไม่ว่าจะแพงแค่ไหนก็ไม่สำคัญกับกู้หนิงในตอนนี้
“ยินดีต้อนรับ สวัสดีค่ะ” พนักงานขายผู้หญิงเดินตรงเข้ามากู้หนิงทันทีที่เธอย่างเท้าเข้าไป
“คุณหนู มีอะไรให้ดิฉันช่วยไหมคะ?”
“ขอดูเสื้อผ้าสำหรับผู้หญิงวัยสี่สิบหน่อยค่ะ?” กู้หนิงเอ่ยถาม
“ได้ค่ะ คุณหนู ทางนี้ค่ะ” พนักงานขายหญิงผายมือเชิญกู้หนิงไปยังเสื้อผ้าที่แขวนอยู่ กู้หนิงมองดู ไม่มีแบบที่เธอชอบ
“คุณหนูช่วยบอกขนาดรูปร่างของญาติคุณหนูได้ไหมคะ?” พนักงานขายหญิงถามขึ้น
“เธอมีรูปร่างเหมือนฉัน ถ้าฉันใส่ได้ เธอก็น่าจะใส่ได้” กู้หนิงตอบ
กู้หนิงสูง 167 เซนติเมตร และผอมบาง จากนั้นพนักงานหญิงก็เลือกหยิบชุดหนึ่งส่งให้กู้หนิงดู
“คุณหนู ชุดนี้ล่ะคะ?”
“ดีค่ะ มันดูดีมาก” กู้หนิงจ้องมันและเกิดชอบ มันน่าจะพอดีตัวกับกู้ม่าน เธอรับมันมาและดูใกล้ๆ