Your Wishlist

มู่หลันฮวา (อย่าได้คิดที่จะลองดีกับข้า)

Author: ชาเขียวuมสด

ลูกไก่ ที่กำลังเดินข้ามถนนอยู่ดีๆก็โดนรถชนจนได้ไปเกิดใหม่ในร่างเด็กน้อย อายุสิบขวบปีแถมยังมีครอบครัวที่น่ารักอีก ใครจะไปคิดว่าจะได้ย้อนยุค

จำนวนตอน : ตอนที่ 1

อย่าได้คิดที่จะลองดีกับข้า

  • 23/04/2564

วันรุ่งขึ้น

แสงแดดอ่อนๆ สาดส่องผ่านหน้าต่างเข้ามายังห้องนอน ร่างบางยังคงนอนอุดอู้อยู่ภายในผ้าห่มอย่างมีความสุข เส้นผมยาวดำขลับดุจไหมเนื้อดีได้แผ่สยายโผล่พ้นออกมา ไม่นานบานประตูห้องนอนของมู่หลันฮวาก็ได้เปิดออกอย่างช้าๆ ร่างบางผอมเพรียวในชุดสีฟ้าอ่อนก็เดินเข้ามานั่งอยู่ขอบเตียง เมื่อเห็นว่าคนที่นางเข้ามาหานั้นยังไม่มีท่าทีว่าจะตื่นขึ้นมาก็ได้ใช้ขนนกปัดป่ายลงบนใบหน้า ด้วยความรำคาญที่มีคนมากวนเวลานอนของนางจึงได้ประเคนฝ่าเท้าไปยังผู้บุกรุกจนกลิ้งตกจากเตียง

“โอ๊ยยย!!” เมื่อได้ยินเสียงร้องดังลั่นมู่หลันฮวาที่เริ่มรู้สึกตัวก็ลืมตาขึ้นมากะพริบตาปริบๆ เพื่อปรับสายตาและหาที่มาของเสียง

“อ้าว…เม่ยอิง เป็นเจ้าเองหรอกหรือ”

“ก็ใช่นะสิ…ถีบมาได้ไม่ออมแรงแม้แต่นิดเดียว” โอ๊ย…สะโพกข้าจะระบมไหมนี่

“โถ่…เม่ยอิงข้าขอโทษก็เจ้ามาไม่ให้สุ้มให้เสียงนี่แล้วยังจะมาแกล้งข้าอีก แต่…ช่างเถอะว่าแต่เจ้ามาหาข้ามีเรื่องอะไรอย่างนั้นหรือเม่ยอิง”

“เปล่าหรอก ข้าเพียงอยากจะชวนเจ้าออกไปเดินเล่นแค่นั้นเอง”

“อืม…เอาสิ”

จากนั้นร่างบางของมู่หลันฮวาและหลี่เม่ยอิงก็ได้เดินทอดน่องอย่างสบายใจไปเรื่อยๆ จนมาหยุดที่สวนดอกไม้ใกล้ๆ บริเวณน้ำตกหลังพรรคทมิฬ ทั้งสองจึงได้ทิ้งตัวลงนั่งบนพื้นหญ้า

“อ่าาา…สดชื่นจังเลย ข้าไม่คิดเลยว่าจะมีสถานที่แบบนี้อยู่ด้วย” มู่หลันฮวาได้สูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ สายตาทอดมองไปยังผืนฟ้ากว้างใหญ่ที่มีฝูกนกบินผ่านไปมาอย่างสบายอารมณ์

“ใช่ไหมล่ะ…บรรยากาศดีมากเวลาข้ามีเรื่องไม่สบายใจข้ามักจะหลบอยู่ที่นี่บ่อยๆ มันทำให้ข้ารู้สึกดีทุกครั้งที่มา” หลี่เม่ยอิงทอดสายตามองออกไปยังเบื้องหน้าด้วยแววตาที่บ่งบอกความเศร้าใจ มู่หลันฮวาที่เห็นว่าหลี่เม่ยอิงเงียบๆ ไปก็นึกเป็นห่วง

“เม่ยอิง…เม่ยอิง”

“หะ…ห๊ะ เจ้าจะตะโกนทำไมหลันเอ๋อร์อยู่ใกล้กันแค่นี้”

“ก็ข้าเรียกเจ้าหลายครั้งแล้วนี่แต่เจ้าไม่ได้ยิน ว่าแต่เจ้าไม่ได้เป็นอะไรใช่หรือไม่เม่ยอิง”

“อืม…ข้าไม่ได้เป็นอะไรเจ้าคงคิดมากไปเอง”

“เฮ้อ…ดูก็รู้แล้วว่าเจ้ามีเรื่องไม่สบายใจอยู่นะเม่ยอิง แต่ในเมื่อเจ้ายังไม่พร้อมที่จะบอกข้าก็จะไม่คาดคั้นอะไรเจ้า แต่เจ้าอย่าได้ลืมว่าข้าน่ะเป็นเพื่อนเจ้านะ” เมื่อได้ยินสิ่งที่มู่หลันฮวาพูดออกมาหลี่เม่ยอิงถึงกับน้ำตาร่วงโผเข้ากอดนางทันที

“ขอบใจเจ้ามากนะหลันเอ๋อร์”

“ไม่เป็นไร ก็ข้าเป็นเพื่อนของเจ้านี่” แต่เหมือน่วาหลี่เม่ยอิงจะนึกบางอย่างได้ก็ผุดลุกขึ้นทันที

“อ๊ะ…ตายแล้วข้าลืมยกของไปให้ท่านอาวุโสสาม ข้าไปก่อนนะหลันเอ๋อร์” พูดจบหลี่เม่ยอิงก็รีบวิ่งออกไปอย่างรวดเร็ว

 

 

แต่คล้อยหลังไม่นานก็ได้มีมารผจญมาทำลายความสงบสุขของนางด้วยเสียงที่แหลมสูง มู่หลันฮวาได้แต่ถอนหายใจอย่างนึกรำคาญ

“ต๊ายยย! …ดูสิใครมานอนอยู่แถวนี้”

“เหอะ…ข้าก็นึกว่าใครที่แท้ก็ยัยหน้าวอกนี่เอง”

“จะ…เจ้า…ว่าใครหน้าวอกนะมู่หลันฮวา”

“แล้วเจ้าเห็นว่าข้ายืนอยู่กับผู้ใดล่ะแม่นางซูหนี่ว์” นางพูดด้วยน้ำเสียงยียวนอย่างจงใจ

“หึ…เจ้าชูคอให้พอเถอะมู่หลันฮวา เจ้าอย่าคิดว่าจะได้แต่งงานกับท่านประมุขจริงๆ เพราะคนที่จะได้แต่งกับท่านประมุขก็คือข้าผู้นี้”

“เฮ้อ…เสียบรรยากาศจริงๆ”

ซูหนี่ว์ที่ได้ยินเช่นนั้นมือทั้งสองข้างก็กำแน่นพร้อมทั้งจ้องมองหญิงสาวตรงหน้าอย่างกับจะฆ่าให้ตายเสียตรงนี้ แต่มู่หลันฮวากลับนอนหลับตาพริ้มเพราะนางไม่อยากให้ใครบางคนมาทำให้นางเสียบรรยากาศและเสียอารมณ์ในยามเช้าเช่นนี้

“นี่…ข้าพูดกับเจ้าอยู่นะ ไม่ได้ยินที่ข้าพูดหรือไง”

“แล้วไง…ได้ยินแต่ข้าไม่อยากตอบ เจ้ามีปัญหาอะไรมั้ย” มู่หลันฮวาเอ่ยถามทั้งที่ยังหลับตาอยู่

“จะ…เจ้า” ซูหนี่ว์เม้มปากแน่นก่อนจะเชิดหน้าขึ้นอย่างเย่อหยิ่ง

“หึ…ข้าลืมไปว่าคนอย่างเจ้าคงไม่ได้การสั่งสอนจากบิดามารดาสินะ ถึงได้ทำตัวหยาบคายเช่นนี้” ไม่นานเส้นความอดทนของมู่หลันฮวาก็ได้ขาดสะบั้น

พลั่กกก!

ร่างผอมเพรียวของซูหนี่ว์ได้กระเด็นไปหลายก้าวเมื่อถูกมู่หลันฮวายกเท้าถีบเข้าไปที่ท้องน้อยและรวดเร็วจนแทบมองไม่เห็น ความเจ็บปวดโลดแล่นไปทั่วร่างกาย ดวงตาของซูหนี่ว์เบิกกว้างด้วยความตกใจ เมื่อเห็นคนตรงเปลี่ยนไปราวกับคนละคนดั่งเช่นก่อนหน้านี้บรรยากาศรอบๆ ตัวมู่หลันฮวาตอนนี้เต็มไปด้วยไอสังหารและแรงกดดันจำนวนมากทำให้ซูหนี่ว์ถึงกับเข่าทรุดทิ้งตัวลงพื้น มู่หลันฮวาค่อยๆ เดินเข้ามาหาซูหนี่ว์อย่างช้าๆ

“อย่าได้คิดมาดูถูกหรือพูดจาเหยียดหยามบิดามารดาของข้าหากเจ้ายังไม่อยากตายเร็วๆ ไม่เช่นนั้นข้าจะทรมานเจ้าจนเจ้าต้องร้องขอความตายจากข้า” มู่หลันฮวาพูดด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยือกดุดันพร้อมทั้งปลดปล่อยจิตสังหารออกมาจึงทำให้นางนั้นดูมีอำนาจและน่าหวาดกลัวในคราเดียวกัน ซูหนี่ว์เมื่อเห็นเช่นนั้นก็รู้สึกกลัวจนแทบจะหยุดหายใจก่อนจะรีบลุกขึ้นและวิ่งหายออกไปอย่างคนไม่คิดชีวิต

‘อ่าาา…ทำไมนางถึงรู้สึกได้ถึงพลังที่พลุ่งพล่านอยู่ในตัว’

นางคิดพลางทรุดตัวนั่งลงกับพื้น เหงื่อไหลย้อยลงมาจากใบหน้าราวกับเพิ่งเสร็จจากการออกกำลังกายอย่างหนักหน่วงมันเกิดอะไรขึ้นกับนางกันแน่ จากนั้นนางก็ได้หายเข้าไปในมิติพร้อมทั้งพาร่างกายอันเหนื่อยล้าลงไปแช่ตัวที่น้ำตกสวรรค์พร้อมกับยื่นมือไปเก็บผลท้อสวรรค์มากินในระหว่างที่แช่ตัว เพียงแค่ไม่นานเมื่อความเหนื่อยล้าหายไปนางก็ได้ออกมาจากมิติทันทีทั้งยังเก็บผลท้อสวรรค์ออกมาจำนวนหนึ่งเข้าไปเก็บไว้ภายในแหวนมิติ

 

 

หานซือเยว่ที่กำลังเดินผ่านมา เมื่อได้เห็นคนที่เขาตามหา

“อยู่นี่เอง…ว่าที่ฮูหยินของข้า”

“มีอะไร…มีธุระอะไรกับข้า” นางถามเสียงห้วนโดยที่ไม่หันมามองแม้แต่นิดเดียว ด้วยน้ำเสียงดุดันที่เจือไปด้วยความหงุดหงิด

“เจ้าเป็นอะไรหรือเปล่าหลันหลัน” เขาเอ่ยถามเสียงนุ่มด้วยความเป็นห่วงเมื่อเห็นว่านางแปลกๆ ไป

“ไม่มีอะไร…แค่อากาศมันร้อนนิดหน่อย” นางไม่อยากให้หานซือเยว่ต้องมาโดนพายุอารมณ์ของนางจึงได้แต่ตอบส่งๆ ไป

 

 

เพล้งงงง!

“ว้าย…ใจเย็นๆ สิเจ้าคะคุณหนู” เสียงของบ่าวรับใช้คนสนิทดังขึ้น พร้อมทั้งกระวีกระวาดเก็บเศษแจกันที่ตกแตกด้วยน้ำมือของซูหนี่ว์

“เจ้าก็ลองมาเป็นข้าดูสิ ข้าอยู่มาเป็นสิบๆ ปี ท่านประมุขไม่เคยที่จะหมางเมินข้าขนาดนี้เลยจนกระทั่งนางเข้ามาอยู่ที่นี่ท่านประมุขก็เปลี่ยนไป แค่หน้าของข้าท่านประมุขก็แทบยังจะไม่มอง” ซูหนี่ว์พูดด้วยน้ำเสียงที่เกรี้ยวกราดพร้อมกับทิ้งตัวนั่งลงบนเตียง

“ทำไมความรักของข้าถึงไม่สมปรารถนาเสียที”

“เราก็ทำให้มันหายไปสิเจ้าคะคุณหนู”

“นังโง่!” ซูหนี่ว์ตบไปที่ใบหน้าของบ่าวรับใช้คนสนิทอย่างแรง

“เจ้าก็เห็นความน่ากลัวของมันแล้วไม่ใช่หรือไงทำไมพูดอะไรออกมาไม่คิด” นางพูดด้วยน้ำเสียงที่เกรี้ยวกราดอีกครั้ง

“ถึงจะแข็งแกร่งและนะกลัวก็ใช่ว่าจะไม่มีจุดอ่อนนะเจ้าคะคุณหนู ทำไมเราถึงไม่ลองลงมือทำอะไรดูบ้างล่ะเจ้าคะ” บ่าวรับใช้คนสนิทข้างกายพูดจาหว่านล้อมอย่างใจเย็น

“อืม…มันก็จริงของเจ้า” เมื่อคิดได้ดังนั้นร่างผอมเพรียวก็เดินลงไปนั่งที่โต๊ะเขียนหนังสือพร้อมทั้งเขียนจดหมายฉบับหนึ่งขึ้นมา เมื่อได้ข้อความที่นางพึงพอใจแล้วก็ยื่นให้บ่าวรับใช้คนสนิท

“เอาจดหมายนี่ส่งให้ท่านพ่อของข้าโดยเร็วที่สุด” บ่าวรับใช้คนสนิทรีบรับมาแลัวพับเก็บไว้ในหน้าอก

“เจ้าค่ะ คุณหนู”

‘ข้าอยากจะรู้จริงๆ ว่าเจ้าจะแน่สักแค่ไหน…’ คิดได้เช่นนั้นนางก็เผยรอยยิ้มเย็นออกมา

 

 

………………………………………………..ฉับ ฉับ ฉับ

17/4/64
กลับหน้าหลัก ตอนก่อนหน้า