ตอนที่ 208
นางเฒ่าอสูรมรณะแห่งชมพูทวีป
ดึกสงัดสายลมพัดดังหวีดหวิว นอกหน้าต่างโรงเตี๊ยมหลิวโอนเอนเต้นระบำไปตามสายลม กลิ่นบุปผาโชยอ่อนผสมผสานม่านหมอกวิกาล จักจั่นเรไรกรีดร้องประสานเสียงกับจิ้งหรีดกรีดโสต จ่านจือกลับมาอยู่ในคราบของทารกน้อยหยางปู้ชุยชิวอีกครั้ง หลังจากออกจากสุสานร้าง
เสียงสัญญาณพลันเคาะดังแผ่วเบาจากห้องข้าง เป็นสัญญาณบ่งบอกว่าให้ออกทางหน้าต่างไปพบกันในที่ลับเบื้องนอก หยางปู้ชุยชิวรีบลุกจากเตียงเก็บสัมภาระแง้มบานหน้าต่างพุ่งร่างออกไปคล้ายหมอกควันเบาบางสายหนึ่ง
เมื่อพลิ้วร่างอำพรางด้วยความมืดมิด ห่างจากโรงเตี๊ยมราวร้อยกว่าวา ใต้ต้นไม้ใหญ่ไร้แสงไฟสาดส่อง เยี่ยนผิงนางเก็บสัมภาระยืนรออยู่ก่อนแล้ว เมื่อเหลียวซ้ายแลขวาโสตสัมผัสไม่รับรู้ความเคลื่อนไหวใดใกล้เคียง หยางปู้ชุยชิวส่งเสียงกล่าวถามเจ้เจ๊มันว่า
“เกิดเรื่องราวใดขึ้น มีลางร้ายบอกเหตุเภทภัยอันใดกระนั้นหรือ? ข้าพเจ้าใช้หมอนข้างวางบนตั่งเตียง คลุมผ้าห่มเอาไว้คล้ายดั่งมีคนนอน เจ้เจ๊ส่งสัญญาณให้ออกทางหน้าต่าง ดังนั้นข้าพเจ้าคาดเดามีคนติดตามเรามาถูกต้องหรือไม่?”
เยี่ยนผิงพยักหน้าคราหนึ่ง ส่งเสียงกล่าวตอบว่า
“แปลกประหลาดนัก นี่ยังไม่เกินหกชั่วยาม พวกมันทั้งสามไฉนคลายจุดออกได้ เราได้กลิ่นผงแป้งหอมหมื่นลี้อยู่ภายในโรงเตี๊ยม หลวงจีนชั่วถู่ฝูมันไปที่นั่น หากมันไปที่นั่นบิดามารดามัน ยายเฒ่าหมื่นพิษเนี๊ยะซิ้วกับตาเฒ่าเข็มวิเศษฝ่านอี้เฉิน มันทั้งสองย่อมต้องไปด้วยเช่นกัน เราเพียงแต่สงสัยพวกมันคลายจุดออกได้อย่างไร?”
หยางปู้ชุยชิวแสดงสีหน้าตระหนกตกใจ ส่งเสียงกล่าววาจาว่า
“เป็นไปมิได้เด็ดขาด วิชาจี้สกัดจุดนี้พวกมันไม่มีทางคลายออกเองได้แน่นอน อีกทั้งผู้เยี่ยมยุทธ์ในยุทธจักรยังไม่แน่นักว่าจะสามารถคลายจุดอันพิสดารนี้ให้กับพวกมันได้ ทอดตาทั่วแผ่นดินมีเพียงท่านย่าเซียว กับอาวุโสแห่งอารามอเทวตาชิ้วโส่วเท่านั้น พวกท่านยังนับว่าพอจะมีความสามารถระดับนี้ได้”
หยางปู้ชุยชิวหยุดกล่าววาจาใช้ความคิดชั่วขณะ จากนั้นส่งเสียงกล่าวต่อว่า
“อาวุโสชิ้วโส่วฉายานางชีเทวราชแห่งอารามอเทวตา ท่านคงมิเดินทางมาที่นี่ ท่านย่าเซียวย่อมเป็นไปมิได้เช่นกัน ดังนั้นยังมียอดยุทธ์ท่านใด? ถึงกับมีความสามารถคลายจุดอันแยบคายนี้ของข้าพเจ้าได้”
เยี่ยนผิงส่งเสียงแสดงความคิดเห็นว่า
“หากมียอดยุทธ์เช่นที่เจ้าว่า แสดงว่าวรยุทธ์และพลังวัตรของคนผู้นี้มีความก้าวหน้าล้ำเลิศจนน่ากลัวแล้ว กลิ่นฝุ่นแป้งหอมหมื่นลี้ปรากฏขึ้นในโรงเตี๊ยม แสดงว่าพวกมันติดตามเราทั้งสองไปที่นั่น โชคดีที่เจ้เจ๊โรยผงหอมนี้ไว้ในเศษผมของสองเฒ่าพิษ ซึ่งหลวงจีนชั่วถู่ฝูมันยังคงพกพาติดตัวไว้ มิเช่นนั้นหากพวกเราเผลอไผลหลับใหลในวิกาล พวกมันย่องเข้ามาถึงหน้าประตูนับว่าอันตรายแล้ว”
หยางปู้ชุยชิวพยักหน้าเห็นด้วย ส่งเสียงกล่าวตอบว่า
“เจ้เจ๊ ข้าพเจ้าคิดว่าพวกเราต้องย้อนกลับไปในโรงเตี๊ยม พวกเราต้องสืบสาวให้ได้ความกระจ่างแจ้ง มิเช่นนั้นข้าพเจ้าคล้ายมิสบายใจได้เด็ดขาด พวกเรากลับไปใช้เคล็ดวิชาจำศีลปิดบังอำพราง ต่อให้พวกมันมียอดฝีมืออยู่ด้วยยังไม่อาจรู้ตัว”
ยามนั้น หยางปู้ชุยชิวท่องเคล็ดวิชาจำศีล ซึ่งวิชานี้แท้จริงเป็นของเส้าหลิน เขาเรียนรู้จากใต้ผาเทพนิรันดร์ ปรมาจารย์เกี๊ยบฉิกไต้ซือจารึกไว้บนผนังศิลา เยี่ยนผิงท่องจำได้แม่นยำจนขึ้นใจ ทบทวนเคลื่อนย้ายลมปราณส่งเสียงกล่าวว่า
“พวกเรารีบไปกันเถิด หากพวกมันบุกเข้าไปในห้องนอนของพวกเรา หากความแตกแท้จริงบนที่นอนเป็นหมอนมิใช่คน พวกมันพลันรู้ตัวจะทำให้พวกเราขาดเบาะแสเรื่องราวสำคัญ”
ชั่วครู่ให้หลัง คนทั้งสองย้อนกลับมายังโรงเตี๊ยม พอเหยียบย่างเข้าสู่บริเวณโรงเตี๊ยม พลันสัมผัสรับรู้ได้ถึงพลังร้อนเย็นขุมหนึ่งรุนแรงยิ่ง อีกทั้งยังได้กลิ่นเหม็นไหม้คละคลุ้งกระทบนาสิก คนทั้งสองย่องอ้อมไปทางด้านหลัง ใช้นิ้วจุ่มน้ำลายจ่อใส่กระดาษสาฝาผนัง มองเข้าไปภายในโรงเตี๊ยมต้องแทบตระหนก บนพื้นนอนเรียงรายอยู่ด้วยแขกที่เข้าพัก เสี่ยวเอ้อรวมทั้งเถ้าแก่โรงเตี๊ยม คนทั้งหมดนอนทอดร่างเป็นซากศพหมดสิ้น
เพียงแต่ที่น่าตระหนกและแปลกประหลาดใจ ศพบางศพไหม้เกรียมส่งกลิ่นฉุนคล้ายดั่งเนื้อแกะย่างมิปาน บางศพร่างแข็งทื่อขาวโพลนราวน้ำแข็ง เป็นยอดฝีมือจากสารทิศใดกันแน่ ถึงได้มีพลังฝีมืออันร้ายกาจน่ากลัวเพียงนี้
ถัดจากบริเวณที่ซากศพนอนตายกลาดเกลื่อน บนม้านั่งนั่งอยู่ด้วยผู้คนจำนวนสี่คน สามคนหันหน้ามาทางด้านที่คนทั้งสองหลบซ่อนซุ่มดูอยู่ ย่อมเป็นสองเฒ่าพิษกับหลวงจีนชั่วถู่ฝู ส่วนอีกผู้หนึ่งนั่งหันหลังให้กับคนทั้งสอง คนผู้นี้ร่างไม่บางไม่หนาผมยาวสยายประบ่าจรดแผ่นหลัง ทั้งศีรษะเส้นผมสีขาวโพลนราวเส้นไหมเงิน อยู่ในชุดอาภรณ์คล้ายนักพรตชราผู้หนึ่ง ผู้ที่นั่งหันหลังให้ส่งเสียงแหบแห้งระคายหูยิ่ง ซึ่งเป็นน้ำเสียงอิสตรีกล่าววาจากับสองเฒ่าพิษว่า
“นี่ก็ผ่านไปครู่ใหญ่แล้ว พวกท่านจะว่าอย่างไร? ทารกทั้งสองยังอยู่ภายในห้องนอนนั่น พวกมันไม่ตื่นขึ้นมาดั่งที่วาจาพวกท่านกล่าว เช่นนั้นจะมัวรีรอชักช้ากระไร รีบไปนำสิ่งของที่พวกเจ้าบอกจะให้แก่เรามาเดี๋ยวนี้”
เฒ่าพิษทั้งสองคล้ายรับปากตกลงกระไรไว้กับคนผู้นั้น พลันยายเฒ่าหมื่นพิษเนี๊ยะซิ้วส่งเสียงกล่าววาจาว่า
“นางเฒ่าอสูรอย่าได้รีบร้อน ท่านจากจงหยวนไปสามสิบปี ยังมีนิสัยใจร้อนเหมือนเดิม นึกมิถึงว่าท่านยังมีโอกาสได้กลับมาจงหยวนอีก คิดว่าจะถูกจองจำเอาไว้ที่ชมพูทวีปตลอดชีวิต ในอดีตท่านเป็นศิษย์นอกรีตของบู๊ตึ๊ง ลอบฝึกลมปราณมรณะไฟน้ำแข็ง กระทั่งถูกขับพ้นสำนักอีกทั้งยังสมัครรักใคร่กับจอมมารวชิระโลกันตร์ ต่อมาเป็นที่ทราบว่าเกิดเรื่องราวใดขึ้น ชื่อเสียงของพวกท่านจึงถูกลบออกไปจากยุทธจักรบู๊ลิ้ม”
ตาเฒ่าเข็มวิเศษฝ่านอี้เฉินส่งเสียงกล่าวสืบต่อว่า
“สิ่งวิเศษล้ำค่ามิใช่มีเพียงภาพวาด ซึ่งซุกซ่อนความลับที่ซ่อนกระบี่คู่วิเศษ แต่ที่ตัวทารกน้อยแซ่หยางปู้ ยังมีไม้เท้าหยกเขียวของพรรคกระยาจก นอกจากนั้นเรายังคิดว่า มันผู้นี้สามารถบังคับร่างกายได้ดั่งใจปรารถนา ที่ตัวมันอาจยังมีบัญชาเทพอสูร อีกทั้งเคล็ดวิชาวานร รวมทั้งคัมภีร์ยุทธ์สุริยันจันทรา นางเฒ่าอสูรโปรดวางใจ พวกเรารมควันด้วยยาสะกดวิญญาณหลับใหล อีกทั้งขอบหน้าต่างยังปักเข็มร้อยพิษเงามฤตยูเอาไว้ พวกมันไม่อาจบินหนีไปจากโรงเตี๊ยมนี้ได้เด็ดขาด”
หลวงจีนชั่วถู่ฝูส่งเสียงกล่าววาจาบ้างว่า
“อาตมามิเคยได้ยินชื่อเสียงของท่าน แต่ทว่าวิชาคลายจุดของท่านผู้เฒ่ายอดเยี่ยมนัก คิดมิถึงวิชาจี้สกัดจุดของผู้แซ่หยางปู้ปู่หลาน ซึ่งพวกมันอาจเป็นคนเดียวกันนั้นพิสดารนัก หากมิได้ท่านผู้เฒ่าช่วยเหลือรอให้จุดคลี่คลายเอง ป่านนี้พวกเราอาจกลายเป็นอาหารสุนัขป่าไปแล้วก็เป็นไปได้”
คนผู้ที่ถูกเรียกหาว่านางเฒ่าอสูร ส่งเสียงหัวร่อเยือกเย็นกล่าวว่า
“จำเดิมเราไม่เคยช่วยเหลือผู้ใดโดยไม่หวังสิ่งตอบแทน ครั้งนี้หากพวกเจ้าไม่เสนอสิ่งของที่เราต้องการ มีหรือที่เรานางเฒ่าอสูรมรณะแห่งชมพูทวีปจะยอมเปลืองแรงคลายจุดให้กับพวกเจ้า”
ยายเฒ่าหมื่นพิษเนี๊ยะซิ้วกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนข้ออยู่เจ็ดส่วน กล่าววาจาว่า
“พวกเราเมื่อรับปากท่านย่อมไม่อาจบิดพลิ้ว ป่านนี้ทารกทั้งสองคนคงถูกควันสะกดวิญญาณสยบเอาไว้แล้ว เรากับตาเฒ่าจะขึ้นไปหยิบฉวยสิ่งของที่ต้องการมากำนัลแก่ท่านเดี๋ยวนี้”
นางเฒ่าอสูรมรณะแห่งชมพูทวีป ส่งเสียงกล่าวราวมีอำนาจลึกลับกระทั่งผู้ได้ฟังมิอาจขัดขืนไม่ปฏิบัติตามได้ นางกล่าวว่า
“พวกท่านจะมัวรีรอกระไร? รีบไปหยิบฉวยลงมากำนัลแก่เรา ส่วนหลวงจีนผู้นี้เจ้ายังคงนั่งอยู่สนทนากับเราที่นี่”
สองเฒ่าพิษแห่งสำนักอสรพิษดำ พากันพุ่งร่างขึ้นบันไดไปอย่างรวดเร็ว เหลือไว้เพียงแต่หลวงจีนชั่วเส้าหลินถู่ฝู กับนางเฒ่ามรณะแห่งชมพูทวีป นางเฒ่าผู้นั้นส่งเสียงกล่าวว่า
“ไต้ซือท่านกล่าวเมื่อครู่ย่อมมิผิด ชาวยุทธจักรบู๊ลิ้มลบชื่อเราออกจากทำเนียบยอดฝีมือ เราเองจากจงหยวนสู่ชมพูทวีปนานถึงสามสิบปี จะมีผู้ใดจดจำได้ว่ายังมีเราอยู่อีก เดิมเราเป็นพรตผู้เดียวของบู๊ตึ๊งที่เป็นสตรี หลังจากรักใคร่กับจอมมารวชิระโลกันตร์นามฮั่นป่อป้อ จึงถอนตัวจากบู๊ตึ๊งมีฉายานางเฒ่าไฟเหมันต์นามชิ้วเชี๊ยะโหล่ว เมื่อถูกกักตัวอยู่ชมพูทวีปจึงเปลี่ยนฉายาเป็นนางเฒ่าอสูรมรณะแห่งชมพูทวีปนามชิ้วเชี๊ยะโหล่ว”
หลวงจีนชั่วถู่ฝูได้ฟังเช่นนั้น มันมีสีหน้าตื่นตระหนกอย่างเห็นได้ชัดเจน ส่งเสียงกล่าววาจาไถ่ถามว่า
“ท่านผู้เฒ่าเดินทางไกลไปถึงชมพูทวีป สามสิบปีเป็นเวลาที่เนิ่นนานปานนั้น มิทราบว่าท่านผู้เฒ่าเดินทางกลับจงหยวนกะทันหัน มิทราบว่าเพื่อเดินทางมาร่วมงานชุมนุมเส้าหลินหรือไม่?”
นางเฒ่าอสูรมรณะแห่งชมพูทวีปชิ้วเชี๊ยะโหล่ว แค่นน้ำเสียงร้องเฮอะคำหนึ่ง ส่งเสียงกล่าวตอบว่า
“ชุมนุมเส้าหลินมีอันใดวิเศษ? ในงานคงชุมนุมอยู่ด้วยนักบวชเหม็น นักพรตจมูกโคที่ชอบคุยโวอวดอ้างพลังฝีมือตน นอกจากนั้นคงมีชาวยุทธ์หน้าโง่อยู่อีกไม่น้อยในงานนี้ มีผู้ใดให้เรานางเฒ่าอสูรมรณะแห่งชมพูทวีปสนใจ พวกมันทั้งหลายคงยังเป็นเพียงชนชั้นปลายแถวหากเทียบกับฝีมือเรา อีกทั้งบู๊ตึ๊งกับเราคล้ายกลับกลายเป็นน้ำบ่อกับน้ำคลองไม่อาจบรรจบพบกันได้ ที่เราเดินทางกลับมาในครานี้ ก็เพื่อทวงถามหนี้แค้นแทนสามีเราต่อเซียนเมฆาล่องลอยลวี้ยู่เฉียน หากในงานชุมนุมเส้าหลินนี้มีมันอยู่ด้วยเราจึงไปร่วมงาน”
หลวงจีนชั่วถู่ฝูแสดงสีหน้างวยงงสงสัย วาจาของนางเฒ่าอสูรมรณะแห่งชมพูทวีปชิ้วเชี๊ยะโหล่ว คล้ายกับนางไม่ทราบเรื่องราวบู๊ลิ้ม นางไม่ทราบว่าเซียนเมฆาล่องลอยลวี้ยู่เฉียนเสียชีวิตไปเนิ่นนานแล้ว พร้อมกับการล่มสลายของสำนักตำหนักหมื่นเทพ ดังนั้นจึงส่งเสียงกล่าววาจาไถ่ถามด้วยความสงสัยว่า
“ท่านผู้เฒ่ามิทราบ? สำนักตำหนักหมื่นเทพล่มสลายไปราวยี่สิบปีก่อน เจ้าสำนักลวี้ยู่เฉียนกระโดดฝังร่างตนเองภายใต้ผาเทพนิรันดร์ ศิษย์ของสำนักต่างเร้นกายหายจากยุทธภพไประยะหนึ่ง เพิ่งจะโผล่หน้าคืนสู่บู๊ลิ้มได้ไม่นาน พร้อมกับศิษย์คนโตนามเจ้าโอสถสายรุ้งเส้าเยี๊ยะเทียนฟื้นฟูสำนักตำหนักหมื่นเทพขึ้นมาใหม่อีกครั้ง”
นางเฒ่าอสูรมรณะแห่งชมพูทวีป โพล่งถามด้วยน้ำเสียงตระหนกว่า
“กระไร? ไต้ซือท่านกล่าววาจาอันใด เป็นไปมิได้ที่เซียนเมฆล่องลอยลวี้ยู่เฉียนจะเสียชีวิตแล้ว มันกับเรามีความแค้นอันลึกล้ำ เพราะมันสามีเราจึงต้องตาย อีกทั้งเรายังถูกจับตัวไปจองจำเอาไว้ที่ชมพูทวีป ในขณะที่ถูกจองจำเราตรากตรำฝึกฝ่ามือไฟน้ำแข็ง จนกระทั่งบรรลุถึงขั้นสุดยอด จึงได้ทะลวงห้องที่จองจำหลบหนีมาที่นี่ ยังมีบุตรเรา...”
นางอสูรมรณะแห่งชมพูทวีปชิ้วเชี๊ยะโหล่ว กล่าวเพียงนี้จึงหยุดคำพูดไว้ นางยังกล่าววาจาไม่จบ สองเฒ่าพิษวิ่งลงบันไดมาด้วยสีหน้าแตกตื่น ยายเฒ่าหมื่นพิษเนี๊ยะซิ้ว ซึ่งอยู่ทางด้านหน้าตาเฒ่าเข็มวิเศษฝ่านอี้เฉิน ส่งเสียงแจ้งด้วยน้ำเสียงตื่นตระหนกว่า
“นางเฒ่าอสูร แย่แล้วพวกเราหลงกลทารกทั้งสองอีกแล้ว พวกมันสองคนไม่อยู่ภายในห้อง บนตั่งเตียงมีเพียงหมอนข้างคลุมผ้าห่มตบตาเท่านั้น พวกมันรู้ตัวหลบหนีไปได้เช่นไร? บนขอบหน้าต่างยังมีเข็มร้อยพิษเงามฤตยูปักอยู่ครบถ้วน บานหน้าต่างยังไม่มีร่องรอยถูกเปิดออก พวกมันทั้งสองมีปีกบินหนีไปจากร่องแตกฝาผนังได้หรือ?”
นางเฒ่าอสูรมรณะแห่งชมพูทวีปชิ้วเชี๊ยะโหล่ว ส่งเสียงหัวร่อดังยาวนาน ลุกขึ้นยืนส่งเสียงกล่าวว่า
“พวกท่านนับว่ายังโง่บัดซบเช่นเดิม พวกมันไม่อยู่ภายในห้องตั้งแต่พวกเราเดินทางมาถึงแล้วกระมัง? ทารกสองคนนี้นับว่ามิธรรมดา เรานางเฒ่าอสูรมรณะแห่งชมพูทวีป ยิ่งสนใจในตัวพวกมันสองคนขึ้นมาแล้ว พวกมันเดินทางไปเส้าหลินใช่หรือไม่? ตกลงเราจะเดินทางไปงานชุมนุมวัดเส้าหลินกับพวกท่าน”
สองเฒ่าพิษรวมทั้งหลวงจีนชั่วถู่ฝูได้ยินเช่นนั้น พากันแสดงสีหน้ายินดีออกมาอย่างเห็นได้ชัดเจน นางเฒ่าอสูรมรณะแห่งชมพูทวีปปลาบปลื้มยินดีเช่นกัน นางเข้าใจว่าพวกมันทั้งสามคนยินดีที่มีนางร่วมทางไปเส้าหลินด้วย แต่ทว่าความจริงหาเป็นเช่นนั้นไม่ พวกมันทั้งสามคนคิดจะเอานางเป็นเกราะปกป้อง เป็นยันต์ป้องกันภยันตรายใกล้ตัว อย่างน้อยใช้ทารกน้อยหยางปู้ชุยชิวเป็นเหยื่อล่อ อีกทั้งยังมีจ้าวไป่ชิงน้องสาวฝาแฝดของจ้าวจ่านจือ เท่ากับทายาทของเซียนเมฆาล่องลอยลวี้ยู่เฉียนยังคงหลงเหลือนาง ดังนั้นสองเฒ่าพิษกับบุตรมันวางแผนการล่อนางเฒ่าอสูรมรณะแห่งชมพูทวีปไปเส้าหลิน แผนการยืมมีดฆ่าคนพวกมันถนัดจัดเจนยิ่ง
หยางปู้ชุยชิวกับเยี่ยนผิง คนทั้งสองใช้เคล็ดวิชาจำศีลแอบดูความเคลื่อนไหว ทันใดนั้นนางเฒ่าอสูรมรณะแห่งชมพูทวีปหันหน้ามาทางที่ทั้งสองซุ่มดูอยู่ เมื่อเห็นใบหน้าของนางชัดเจนคนทั้งสองแทบร้องอุทานออกมาอย่างลืมตัว ใบหน้าของนางเฒ่าอสูรผู้นี้น่ากลัวยิ่ง ใบหน้าซีกขวาแดงฉานดั่งเปลวไฟ ใบหน้าซีกซ้ายขาวซีดราวน้ำแข็ง ดูจากร่องรอยเหี่ยวย่นคำนวณอายุได้ไม่น้อยกว่าร้อยปี ดวงตาทั้งคู่ดุดันปานอินทรี ท่วงท่าปฏิกิริยาการเคลื่อนไหวรวดเร็วราวกับมิได้เคลื่อนไหว นางส่งเสียงกล่าวราบเรียบว่า
“ค่ำคืนนี้พวกเราจะนอนเป็นเพื่อนซากศพที่นี่ หรือจะออกเดินทางไปจากที่นี่ เราไม่ได้เข้าสู่จงหยวนสามสิบปี สถานที่กลับไม่เหมือนเดิม พวกเจ้าทั้งสามนำทางเราก็แล้วกัน”
ยังมิทันที่คนทั้งสี่จะก้าวเท้าออกจากโรงเตี๊ยม ไกลออกไปในสายลมหวีดหวิว ริมโสตแว่วได้ยินเสียงดังต๊กต๊ก เสียงนั้นดังใกล้เข้ามาทุกขณะ หยางปู้ชุยชิวกับเยี่ยนผิงหลับตาสดับรับฟังเสียง มีคนสองคนกำลังมุ่งมาทางด้านนี้ เสียงต๊กต๊กเกิดจากเสียงปลายไม้เท้าเหล็ก หรือไม่ก็เป็นพลองเหล็กกระแทกพื้น ทันใดนั้นนางเฒ่าอสูรมรณะแห่งชมพูทวีปชิ้วเชี๊ยะโหล่ว มีสีหน้าแตกตื่นตระหนกตกใจ ราวกับพบพานเรื่องราวอันน่ากลัวส่งเสียงร้องต่อคนทั้งสามว่า
“แย่แล้ว เราต้องหนีไปจากที่นี่ก่อน พวกมันสองคนไฉนติดตามมารวดเร็วเพียงนี้ สามสิบปีที่เราถูกคุมขังยังชมพูทวีป ครานี้จะมิยอมให้ถูกจับกลับไปอีกเด็ดขาด”
กล่าววาจาจบ นางเฒ่าอสูรแห่งชมพูทวีปชิ้วเชี๊ยะโหล่ว พุ่งร่างดั่งวิญญาณผีภูตพรายคล้ายดั่งดาวตกจากฟ้า ทะลวงฝาผนังทะยานร่างลอยข้ามศีรษะของหยางปู้ชุยชิวกับเยี่ยนผิงไปในความมืดมิด กระทั่งไม่รับรู้ได้ถึงความเคลื่อนไหว
ประตูด้านหน้าโรงเตี๊ยมลามะชราสองรูปปรากฏตัวขึ้น ลามะทางด้านขวาถือพลองเหล็กน้ำหนักราวห้าหกร้อยชั่ง ลามะทางซ้ายถือไม้เท้าเหล็กรูปหัวสุนัขป่า น้ำหนักราวห้าหกร้อยชั่งได้เช่นกัน ลามะทั้งสองเมื่อก้าวเท้าเข้ามา เห็นคนทั้งสามอยู่ภายในโรงเตี๊ยม ทอดสายตาคมกล้าภายใต้คิ้วยาวขาวโพลนสำรวจเที่ยวหนึ่ง ลามะทางด้านขวายกมือข้างหนึ่งหนึ่งตั้งฉากเสมออก ปลายนิ้วชิดติดปลายคางส่งเสียงนุ่มนวลถามว่า
“ประสกทั้งสอง ไต้ซือท่านนี้ พวกท่านทั้งสามพบเห็นสตรีเฒ่าในชุดพรตผู้หนึ่งหรือไม่? นางพรตเฒ่าผมขาวโพลนใบหน้าสองสีท่าทีดุร้าย ซากศพเหล่านี้ย่อมเป็นฝีมือนางอสูรเฒ่ามรณะผู้นี้ มิทราบว่านางหลบซ่อนหรือหลบหนีไปที่ใดแล้ว?”
ยายเฒ่าหมื่นพิษเนี๊ยะซิ้ว ตาเฒ่าเข็มวิเศษฝ่านอี้เฉินรวมทั้งหลวงจีนชั่วถู่ฝู พวกมันทั้งสามพลันจดจำได้ ลามะทั้งสองเป็นพระจากชมพูทวีป ลามะทางด้านซ้ายมีนามว่าเส่าเทียนเต็ก ส่วนทางด้านขวามือนามทิเทียนเต็ก ส่วนลามะอีกรูปหนึ่งที่มิได้มาด้วยมีนามว่าคิ้วเทียนเต็ก ซึ่งเป็นอาจารย์ของต๊กม้อเต็กไต้ซือที่เสียชีวิตไปบนดอยตะวัน พระทั้งสามเป็นลามะจากชมพูทวีป นางเฒ่าอสูรมรณะแห่งชมพูทวีปชิ้วเชี๊ยะโหล่ว หลบหนีลามะทั้งสองรูปนี้ด้วยกลัวว่าจะติดตามมาจับตัวนางไปไปยังชมพูทวีปอีกนั้นเอง
หยกเหินลม/ชล ชโลทร
17 เมษายน 2564