ความรักหลากอารมณ์ที่ดอมดมอยู่กลางดงโรคระบาดโควิด-19 เพื่อนที่ไม่ใช่เพื่อน แฟนที่ไม่ใช่แฟน งานนี้ไม่มี "กามเทพ" มีแต่ "กามรมณ์" ในกมลสันดาน
ความรักหลากอารมณ์ที่ดอมดมอยู่กลางดงโรคระบาดโควิด-19 เพื่อนที่ไม่ใช่เพื่อน แฟนที่ไม่ใช่แฟน งานนี้ไม่มี "กามเทพ" มีแต่ "กามรมณ์" ในกมลสันดาน
"แหวนเธอเป็นไงบ้างโบ๊ท ยังใช้งานได้อีกไหม!?"
เสียงตะโกนจากเจนิสพุ่งแหวกอากาศ แทยงสวนขึ้นไปบนแนวกำแพงวิลเลจ
.
"ไม่ได้แล้วพี่.. ลำพังใช้ดึงดาวเทียมให้ตกลงมาสู่ชั้นบรรยากาศ นิ้วผมก็แทบจะขาดอยู่แล้ว!"
โบ๊ทป้องปากตะโกนตอบลงมา จากนั้นจึงพาดฝ่ามือลงกับสันกำแพง เขามองเห็นลอยห้อเลือดปูดบวมและเส้นเลือดฝอยมากมายที่บ่งบอกได้ถึงอาฟเตอร์เอฟเฟคหลังการใช้แหวน
.
เย็นย่ำอาทิตย์อัสดงใกล้ค่ำ วันนี้ก็เหมือนวันวานเมื่อวานก็เหมือนวันก่อน ที่วิลเลจสุพรรณบุรีย่อมต้องถูกโจมตีเป็นเรื่องปกติ! จะต่างจากเดิมหน่อยก็แค่หนนี้แทบจะไม่มีใครเหลืออยู่ที่นี่เลย แพรวไม่อยู่หัวหน้าหน่วยทั้งคู่ก็ไม่อยู่ กระทั่งเจนิสต้องลงไปไฟว้กับสัมภเวสีไวรัสข้างล่างด้วยตัวเอง เธอถึงกับต้องเกณฑ์คุณลุงคุณป้ากับทหารรับจ้างคลาสต่ำที่ถูกหัวหน้าหน่วยทิ้งไว้ให้มาเป็นสหายร่วมรบ!
.
เด็ก 9 ขวบอย่างโบ๊ทกลายเป็นคนคุมสถานการณ์จากบนกำแพง แต่ก่อนข้างบนนี้จะมีทหารรับจ้างยืนสลับเวรยามคุ้มกันตลอด 24 ชั่วโมง แต่ปัจจุบันกลับเหลือแค่โบ๊ทเพียงคนเดียว! อาญาสิทธิ์เด็ดขาดทั้งหมดจึงตกเป็นของเขา! ชี้นกเป็นนกชี้ไม้เป็นไม้โบ๊ทใช้แหวนเวอร์ชั่น 2 ที่สร้างขึ้นจากเศษเหล็ก ย้ายผีดิบผู้ติดเชื้อไปทิ้งไว้ตรงโน้นตรงนี้ตามใจชอบ ไม่ว่าจะเป็นช่องแคบของภูเขา , บ่อขยะหลังหมู่บ้าน , กองไฟที่เจนิสจุดไว้ในป่า หรือถ้ามีผู้ติดเชื้อรายไหนดูท่าทางน่ากลัวหน่อย เขาก็จะวาร์ปเจ้านั่นไปปล่อยทิ้งลงในแม่น้ำท่าจีนที่อยู่ด้านข้างวิลเลจ!
.
นี่จึงเป็นยุทธวิธี Protect tower ที่ค่อนข้างจะทรงพลัง! เป็นกลยุทธ์ที่เน้นหนักไปทางป้องกันไม่ได้ออกไปรุกรานคนอื่น แต่ก็น่าเสียดายที่ตอนนี้ก็เป็นอย่างที่เจนิสได้รับคำตอบ! มือของโบ๊ทแม่งพังไปหมดแล้ว! เขาหมดสิทธิ์ที่จะใช้สกิลของแหวนเคลื่อนย้ายสิ่งของได้อีกต่อไป และเพื่อไม่ให้เป็นการเสียฟอร์ม เด็กชายก็เลยเลือกที่จะตะโกนสวนกลับลงไปอีกครั้ง
.
"เฮ้!!!"
"ข้างล่างเป็นไงบ้างพี่เจนิส! , ผมอยู่บนนี้มองไม่เห็นพวกมันแล้วอ่ะ! อยากให้ผมลงไปช่วยไหมพี่?!"
.
ที่ต้องถามก็เพราะพวกผู้ติดเชื้อที่เคยโถมบุกอย่างบ้าระห่ำนั้น ตอนนี้กลับขาดช่วงการโจมตีลงไปดื้อๆ! พลังของพวกมันดูดร็อปลงไปอย่างเห็นได้ชัด จากแต่ก่อนที่เคยวิ่งโทงๆออกมาจากแนวป่ากันเป็นโขยง นาทีนี้กลับเงียบกริบอย่างกับป่าช้า! โบ๊ทพยายามฉายไฟสปอร์ตไลท์ดวงใหญ่ที่ต้องแลกกับการดับไฟทั้งหมู่บ้านลงไปดู แต่เขาก็ไม่เห็นร่องรอยของพวกมันเลย
.
"ไม่ต้องลงมาหรอกโบ๊ทพวกเรายังไหวอยู่! ที่พี่ถามเรื่องแหวนก็เพราะต้องการให้เธอวาร์ปศพพวกมันออกไปให้พ้นทางมากกว่า.. มันจะได้ไม่รกหูรกตา!"
.
ต้องยอมรับความจริงว่าวันนี้เป็นการต่อสู้ป้องกันวิลเลจที่ง่ายที่สุดแล้วเท่าที่เคยมีมา กล่าวคือเจนิสและหน่วยทหารรับจ้างแค่แตะตัวพวกมันเบาๆ ไม่ได้ยิง , ไม่ได้ฟัน , ไม่ได้แทง แต่แค่ต่อยด้วยกำปั้นนุ่มๆของหนุ่มสาว พวกผีติดเชื้อก็ล้มลงแดดิ้นสิ้นใจตายไปอย่างหน้าตาเฉย แม่บ้านคนหนึ่งที่อาสาออกมารบเป็นครั้งแรกถึงกับออกปากว่า "ถ้าที่ผ่านมาตายง่ายขนาดนี้ ฉันควรจะอาสามาอยู่หน่วยลาดตระเวนแทนการทำความสะอาดเรือนนอนเป็นไหนๆ"
.
เจนิสได้ยินเข้าก็เลยต้องรีบโพล่งคำขึ้นมาเบรค!
.
"ไม่หรอกค่ะป้า.. นี่ไม่ใช่เรื่องปกติ.. ปกติพวกมันไม่อ่อนเปรี้ยเพลียแรงขนาดนี้..!"
"ป้าดูสิ! ที่เล็บของพวกมัน! มันไม่ได้กางกงเล็บออกมาทำร้ายเราด้วยซ้ำ!"
.
เด็กสาวมัธยมพูดพลางใช้เท้าสะกิดไปยังร่างของผู้ติดเชื้อรายหนึ่งที่อยู่ใกล้ๆ มันยังคงนอนนิ่งเป็นศพใหม่ๆซิงๆที่หมดพิษสง ฉับพลันเรดี้ทั้งสองนางก็เริ่มเกลี่ยสายตามองไปรอบๆบริเวณ อันเป็นลานปะทะด้านหน้ากำแพงวิลเลจ
.
ก่อนจะเห็นเป็นสายตาเดียวกันว่าบนพื้นดินที่ยืนอยู่นั้น แม่งมีแต่ศพของผู้ติดเชื้อที่ต่างก็ล้มหัวคะมำปักทิ่มพื้นราวกับโดนถอดปลั๊ก! ทีมของเจนิสมีกันอยู่ราว 25 -30 ชีวิต ที่เหลือกว่า 200 แม่งคือศพของพวกผู้ติดเชื้อแทบทั้งสิ้น!
.
ไม่มีวี่แวว , ไม่มีร่องรอย , โบ๊ทเลือกที่จะสาดแสงไฟหันลงมาด้านล่างตรงจุดดังกล่าว ทำให้ความจริงยิ่งชัดเจนขึ้นไปอีกว่าศพของพวกมันมีปริมาณมากมายขนาดไหน มันเป็นไปได้ยังไง? พวกผู้ติดเชื้อที่ทั้งถึกทั้งเร็วทัั้งแข็งแรงแต่ทำไมล่ะ? ทำไมวันนี้ถึงได้อ่อนปวกเปียกชนิดที่แม่บ้านตัวอ้วนๆ ดำๆ ใช้แค่ด้ามไม้กวาดง่อยๆตีก็ยังสยบพวกมันลงได้!?
.
เจนิสก็เลยอยากจะพิสูจน์อะไรบางอย่างเพื่อความสบายใจ เธอตัดสินใจตะโกนสวนขึ้นไปบนกำแพงอีกที
.
"ส่องไฟไปรอบๆก่อนโบ๊ท ช่วยดูให้ละเอียดทีว่าพวกมันเปลี่ยนทิศทางการบุกใหม่รึเปล่า? เผื่อนี่จะเป็นกับดัก!"
.
"พรึบ! , พรึบ! , พรึบ!"
.
เด็กน้อยบนกำแพงทำตามโดยพลัน ซึ่งจนแล้วจนรอดไม่ว่าจะหันไฟสปอร์ตไลน์ดวงยักษ์ไปทางไหน ที่เห็นก็มีแต่ศพของบรรดาผู้ติดเชื้อที่กลายร่างเป็นซอมบี้ มีแต่ลมเย็นเยือกที่พัดมาอ้อยอิ่ง โบ๊ทเห็นกองไฟในป่าที่เจนิสจุดไว้ค่อยๆมอดดับลงเพราะไม่มีการวาร์ปพวกมันลงไปเพิ่มเชื้อไฟ ในแนวป่าตรงช่องว่างระหว่างต้นไม้ก็มีแต่ศพผู้ติดเชื้อที่ล้มพับคอหักคอห้อยพาดคาอยู่ตรงโคนต้น มันเหมือนกับหุ่นยนต์ที่ถูกชักปลั๊กออกก็มิปาน! เหมือนเน็ตที่โดนตัดสัญญาณ เพราะลำพังการโจมตีแบบกากๆของเจนิสกับอาสาสมัคร ก็ไม่น่าจะทำให้ศัตรูตกอยู่ในสภาพนี้ได้
.
นี่จึงเป็นการตายหมู่อย่างมีเงื่อนงำ เสียดายที่นิยายเรื่องนี้ไม่มีเจ้าหนูโคนัน ความจริงที่มีเพียงหนึ่งเดียวจึงยังคงเป็นปริศนาต่อไป! ส่วนโบ๊ทกับเจนิสเองก็หาได้รับเครดิตใดๆไม่ เพราะศึกป้องกันวิลเลจหนนี้ไม่ใช่ฝีมือของพวกเขาแต่เป็นโชคที่เข้าข้างเองมากกว่า
.
.
ณ อาคารสำนักงานใหญ่บริษัท AP , เมืองหลวง , เวลา 20.15 น. ตอนกลางคืน
.
นานเหลือเกินที่ภาพเหตุการณ์ไม่ได้ถูกจับมาที่นี่ เรามัวแต่เพ่งความสนใจไปที่ความสัมพันธ์ของสองสาวเพื่อนซี้แพรวกับมิวท์ แล้วเปรมล่ะ? คิดว่าตอนนี้เขาจะเป็นยังไง? สาบานได้ว่าเขาไม่ได้ไปไหนไกลจากอาคารสูงระฟ้าแห่งนี้เลย นี่คือตึกที่เปรมยึดครองมาจากทรัพย์มรดกของมิวท์ หลังการกลายร่างอย่างสมบูรณ์แบบของเขาบรรดาพนักงานที่เป็นคนก็ต่างหนีหายเอาตัวรอดกันหมด เชื้อไวรัสสายพันธุ์ New hell จึงกระจายตัวออกมาแทนที่ มันกัดกินทุกสรรพสิ่งบวกกับท้องฟ้าที่ขมุกขมัวช้ำเลือดช้ำหนอง ตึกที่เคยเป็นหน้าเป็นตาขององค์กรยักษ์ใหญ่บัดนี้จึงมีรูปร่างไม่ต่างจาก "รัง"
.
รังผึ้ง , รังมด , รังปลวก ฯลฯ เราเคยเห็น แต่รังโควิด New hell นั้นเป็นยังไง? ใครเล่าจะกล้าจินตนาการไปถึง! ตัวอาคารภายนอกรกร้างล้อไปกับบริเวณอื่นๆ สวนหย่อม , ลานน้ำพุ , ประติมากรรมประดับ , หักโค่นมิอาจต้านทานการกัดแทะจากตัวเชื้อได้ ถัดเข้ามาถึงด้านหน้าอาคารใหญ่บริเวณบันไดและจุดที่เคยเป็นช็อปสำหรับขายยา จากวัสดุที่เป็นถึงหินอ่อนขาวจากออสเตรียบัดนี้กลับดำปิ๊ดปี๋ราวกับผงถ่านชาโค! สันนิษฐานว่ามันน่าจะเป็นเศษธุลีที่่ตัวเชื้อทิ้งร่องรอยเอาไว้!
.
นี่จึงไม่ใช่ที่อยู่อาศัยของผู้คน ตึกสุดไฮโซบดจะโลโซนี่ซอมซ่อลงจนน่าขนลุก พื้นแตกระแหง ความเหม็นสาปรุกโชนอันประกอบไปด้วยกลิ่นศพเป็นส่วนผสมหลัก ระบบฟอกอากาศเป็นศูนย์ คนทำความสะอาดก็ตายห่าไปนานแล้ว
.
สิ่งเดียวที่เหลืออยู่ของอาคารสำนักงานใหญ่ AP จึงมีแค่ความสูงตั้งตระหง่านของมัน เปรียบเปรยไปก็เหมือนกับแท่งควยที่เสร่อแข็งสูงชัน ทั้งๆที่ดงหมอยด้านข้างแม่งทั้งหงอกทั้งห่อเหี่ยว ดูทรงแล้วเปรมน่าจะอยู่ที่นี่เพียงคนเดียว เขาน่าจะยังคงอยูู่ในห้องทำงานของเขา ณ จุดบนสุดของตึก โดยเป็นห้องที่เขาเคยคิดจะปี้กับมิวท์แต่ฝ่ายหญิงหนีออกมาได้
.
ซึ่งก็ผิดถนัด!
.
ประตูห้องสวีทซ์ที่ถูกพังหักสองท่อนไปแล้วเมื่อหลายตอนก่อนยังคงกองอยู่ที่พื้น ร่องรอยความเสียหายจากฝ้าเพดานที่ถล่มลงมาตรงหน้าลิฟท์ก็ยังคงอยู่ และเปรมในร่างอสูรกึ่งสัตว์ประหลาดก็ก้าวเดินออกมาตามทางเดินดังกล่าว เขาใช้มืออังที่เบ้าตาตัวเองพลางสืบเท้าช้าๆเนิบๆ ตามสเตปของตัวร้ายที่คิดอะไรต่อมิอะไรอยู่ในหัว
.
"กรรรรรร! , กรรรรรรร! , ฮืดดดฮาาดด! , ฟุดฟิดๆๆ!"
เผยอจมูกฟุดฟิดแม้แต่ภาษาคนก็แทบจะพูดไม่ได้
.
นั่นก็เพราะในตัวเขานั้นได้มีโควิดระดับจักรพรรดิที่คอนโทรลร่างกายอยู่อีกชั้นหนึ่ง มันคือผู้ที่อยู่เบื้องหลังสิ่งนั้นสิ่งนี้ และเปรมก็เป็นแค่ร่างพาหะเขาเป็นเพียงภาชนะที่ถูกชักใยอยู่เบื้องหลัง ส่วนพฤติกรรมที่ว่าด้วยการจับเบ้าตา แท้ที่จริงแล้วมันก็คือการ "ตัดสัญญาณการเชื่อมต่อ" ในรูปแบบหนึ่ง!
.
ประหนึ่งการลดทอนสิ่งที่ตัวเองต้องคอนโทรลออกไป จากแต่ก่อนที่เปรมจะเห็นภาพในหัวเป็นหน้าจอนับล้านๆ เขาสามารถมองผ่านมุมมองของผู้ติดเชื้อทุกคนในโลกได้ และสามารถเข้าแทรกแทรงบังคับร่างกายทุกคนได้อย่างอิสระ ราวกับจอยคอนโทรลเลอร์ของเพลย์สเตชั่น
.
ทว่ากับสถานการณ์ในปัจจุบัน ที่ตรงชานเมืองใกล้กับเมืองหลวงกำลังรบของเปรมได้เสียท่าเพลี้ยงพล้ำให้แก่ 2 หัวหน้าหน่วยฝีมือฉมังค์ กับอีกหนึ่งแคลนชาวจีนผู้มีอาวุธเป็นเครื่องกำเนิดความเย็นอย่างหนัก และถ้าปล่อยให้เป็นเช่นนี้ต่อไปตัวเขาเองที่เป็นถึงระดับเฮดของเผ่าพันธุ์ก็จะได้รับความเสี่ยง เปรมปล่อยให้อาณาเขตถูกรุกรานไม่ได้ รังที่อยู่อาศัยกำลังจะกลายเป็นเป้า ก็เลยมีความจำเป็นจะต้องปลดปล่อยพันธนาการบางส่วนออกไป เพื่อนำแรงกายแรงใจมาโฟกัสยังกำลังรบหลักตรงนี้แทน!
.
"กรรรรรรรรรร!!!!"
จักรพรรดิโควิดกัดฟันบีบลูกตาเต็มแรงไปอีกที ขณะกำลังลงไปในลิฟท์
.
นั่นเปรียบเสมือนฟางเส้นสุดท้ายที่เปรมมีกับฝูงผู้ติดเชื้อที่สุพรรณบุรี จึงเป็นสาเหตุให้เจนิสกับโบ๊ทได้สู้กับฝูงผู้ซอมบี้ที่โคตรจะกระจอก พวกมันไม่แกร่งเหมือนเดิมเมื่อไม่มีตัวแม่อย่างเปรมคอยควบคุม
.
.
"ครืดดดดดดด....! , ติ๊ง!!"
.
ตัดภาพกลับมาลิฟท์ที่พุ่งดิ่งลงมาก็หยุดตัวไว้ที่ชั้น 3 เปรมเดินผ่านประตูเลื่อนออกมาและตรงดิ่งไปที่โถงตรงกลางที่มีลักษณะยื่นออกไปด้านหน้า จนสามารถมองเห็นลานกว้างที่อยู่บริเวณชั้นหนึ่งของตึกได้
.
ดวงตาที่เคยแดงก่ำกลับมาเป็นปกติ การตัดสัญญาณที่สุพรรณฯและทุกแห่งทั่วโลกหนนี้ ทำให้เจ้าตัวเห็นมากกว่า 100 ล้านหน้าจอในหัว! หนำซ้ำยังชัดปิ๊งระดับ Full HD ไม่มีคลื่นแทรก! โบราณว่า "ยิ่งใกล้ยิ่งชัด" เมื่อเขาเกณฑ์ผู้ติดเชื้อที่คอนโทรลได้ทั้งหมดมารวมกันไว้ที่เดียว ภาระที่เคยแบกรับก็ลดทอนลงไป
.
.
"กรรรร!!!! , กรรรรร!!! , กรรรรร!!! , โคร่งงงงง!!! , โคร่งงงงง!!!"
"โคร่งงงงงงงงง!!! , โคร่งงงงงง!!!!"
.
สารพัดเสียงร้องก้องดังคำราม ลานชั้นหนึ่งตอนนี้มีพวกมันอัดแน่นกันหลังชนหลัง! , หำชนหำ! , นมชนนม! , หีชนหี! , เบียดกันยั้วเยี้ยราวกับปาร์ตี้เซ็กส์หมู่ของงูอนาคอนด้าในป่าอเมซอนก็มิปาน!!!