ความรักหลากอารมณ์ที่ดอมดมอยู่กลางดงโรคระบาดโควิด-19 เพื่อนที่ไม่ใช่เพื่อน แฟนที่ไม่ใช่แฟน งานนี้ไม่มี "กามเทพ" มีแต่ "กามรมณ์" ในกมลสันดาน
ความรักหลากอารมณ์ที่ดอมดมอยู่กลางดงโรคระบาดโควิด-19 เพื่อนที่ไม่ใช่เพื่อน แฟนที่ไม่ใช่แฟน งานนี้ไม่มี "กามเทพ" มีแต่ "กามรมณ์" ในกมลสันดาน
นับศพทหารตั้งแต่สงครามยังไม่จบ! กองไฟที่อยู่ห่างไปราว 400 เมตรมีแต่จะถ่างวงกว้างขยายรัศมี! ป่าไม้อันแห้งผากกลายเป็นเชื้อไฟโหมทวี ย่างศพเหล่าผู้ติดเชื้อให้ได้ไปผุดไปเกิดในภพภูมิที่สูงขึ้น จะได้ไม่ต้องมาทนทุกข์กลายเป็นหุ่นเชิดให้ใครได้เชิดเล่นอีก! นี่คือความจริงที่มีแต่ผู้อ่านอย่างเราเท่านั้นที่รู้! บนยอดสันกำแพงไม่ว่าจะเป็นเจนิส , หัวหน้าหน่วย , หรือแม้แต่ชาววิลเลจที่รอดชีวิต ต่างก็ไม่มีใครทราบว่า "เปรม" เป็นผู้ที่อยู่เบื้องหลังกองทัพผู้ติดเชื้อทั้งหมด!
.
ตัดภาพข้ามฟากไปไกลกว่า 102 กิโลเมตร ณ ใจกลางเมืองหลวง ร่างหนาที่ละม้ายคล้ายปีศาจของเปรมถึงกับสะดุ้ง! เขาโก่งตัวขึ้นจากพนักพิงโซฟา ก่อนจะยกฝ่ามือขึ้นมากุมใบหน้าขยี้ลูกตา พลางกัดฟันกรอดดดด้วยความเจ็บปวด!!!
.
"กรอออออออดดดด...ด...ด...ด..ด , หนอยแน่!!!!"
"แสบตาจริงวุ๊ยยยย!!!!"
"ไม่เห็นเคยรู้ว่ามีแบบนี้ด้วย! ไอ้พวกบ้านนอกหลังกำแพง!!!"
.
"กรอออดดดดดดดดด!!!"
.
สบถคำหยาบตามออกมาอีกหลายคำ เปรมนั่งอยู่ในห้องสูทสุดหรูบนตึกสำนักงานใหญ่ของ AP ตามเดิม ความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นกับเขาจำกัดวงอยู่ตรงบริเวณลูกตาทั้ง 2 ข้าง ที่ทั้งแดงก่ำแล้วก็มีน้ำตาไหลเจิ่งนองออกมาตลอด มันไม่ถึงกับเลือดตกยางออกและเขาก็ยังทนไหว แต่ความเจ็บใจนี่สิ! ที่ทำให้รู้สึกเสียหน้ายังไงก็ไม่รู้! เมื่อคราวสู้กับกองทัพ Riot โดรนของโบ๊ทเขายังไม่เจ็บขนาดนี้เลย
.
เปรมหันรีหันขวางสะบัดคอพรึบพรึบ!
.
"ชิ!...หลุดการเชื่อมต่อไปแล้ว!? ต้องเป็นเพราะแสงไฟเจิดจ้านั่นแน่ๆ"
.
"กรรรรรรรร , โคร่งงงงงงงง , เจ็บใจวุ๊ยยยยย , เจ็บตาด้วยยยย!!! , โคร่งงงงงงง!!!!ๆๆ , โคร่งงงง!!!!"
.
กระทืบเท้าโครมๆ สลับกับการใช้ฝ่ามือถูไถใบหน้า อาจจะเป็เพราะอยู่คนเดียวด้วยล่ะมั้งถึงดิ้นพร่านได้เต็มที่ แต่ความจริงของเรื่องนี้ก็คือเปรมที่เปรียบเสมือนองค์จักรพรรดิ ได้สูญเสียการเชื่อมต่อกับฝูงผู้ติดเชื้อที่สุพรรณฯ ไปตั้งแต่เมื่อครั้งที่พวกมันหันไปหาแสงไฟ! ความเข้มของแสงบวกกับความร้อนจากสปอร์ตไลท์ ดึงดูดให้ทุกสายตาหันมาพร้อมกัน!
.
และด้วยความที่การเชื่อมต่อนั้นต้องใช้การมองเห็นเป็นหลัก ผู้ติดเชื้อเห็นแบบใดเปรมเห็นแบบนั้น พอพวกมันเป็นร้อยเป็นพันหันเข้าหาแสงสว่างจ้า คนที่คอนโทรลอยู่จากอาคารสูงชั้น 55 จะทนไหวเหรอ? ก็เลยมีอันต้องเจ็บปวดลูกตาน้ำหูน้ำตาไหลอย่างที่เห็น! ซึ่งพอหลุดจากการเชื่อมต่อไป ก็ไม่ต่างอะไรจากการปล่อยจอย...
.
ภาพที่ออกมาจึงเป็นการกระโดดกรูกันเข้าไปในกองไฟที่โหมกระพือแบบโง่ๆ แม้เปรมจะพยายามรั้งแล้วและเขาเองก็เสาะแสวงหากลุ่มผู้ติดเชื้อรายใหม่ในละแวกมาเพิ่มเติมได้ แต่สุดท้ายก็เข้าอีหรอบเดิม! คือทันทีที่บังคับพวกมันให้วิ่งกรูออกมาพ้นแนวชายป่า พอเจอแสงสว่างจากกองไฟที่เจนิสก่อไว้เข้า ทุกการเชื่อมต่อก็หลุดพลั๊วออกอีกเช่นเดิม!
.
การรบหนนี้จึงจบลงด้วยความพ่ายแพ้ของเปรม เขาแพ้ตั้งแต่ศึกแรกที่ออกนอกเขตเมืองหลวง เขาเหนื่อย , เขาเพลีย , และเขาก็ร้องไห้ จึงไม่แปลกใจว่าทำไมก่อนหน้านี้วิลเลจถึงต้านการบุกรุกของผู้ติดเชื้อได้มาตลอด ก็ขนาดมีเปรมคอยกำกับดูแลยังไม่รอด แล้วกับครั้งก่อนๆ ที่ปล่อยผู้ติดเชื้อเดินงุ่นง่านป่ายปีนกำแพงกันเองมันจะไปเหลืออะไร?!
.
เห็นทีคราวหน้าถ้าอยากแก้ตัวใหม่ เปรมคงต้องซื้อแว่นกันแดดให้ลูกสมุนตัวเองใส่กันให้ครบทุกคน แต่ก็อีกนั่นแหละ! เพราะก็ขึ้นอยู่กับว่าเชื้อโควิด- 19 ที่ฝังอยู่ในหัวเขาจะอนุญาตไหม? อย่าลืมสิว่าเปรมไม่ได้วิเศษวิโสอะไร เขาก็แค่ร่างพาหะร่างหนึ่งเช่นกันกับผู้ติดเชื้อทุกคนนั่นแหละ!
.
.
ตัดภาพกลับมาที่ฝั่งวิลเลจ , บนยอดกำแพงสูง , เวลา 22 .03 น.
.
"เสร็จเราแล้วลุง!...เรียบร้อยแล้ว! ทีมเวิร์คเราเยี่ยมมาก! หนูว่าพวกมันคงขึ้นมาบนนี้ไม่ได้อีกเป็นอาทิตย์ นี่คือกองไฟเผาซากที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแล้วเท่าที่หนูเคยเห็นมา!"
เจนิสกอดอกแอ๊คท่า โดยมีฉากหลังเป็นแสงสีส้มเจิดจ้ากับเสียงโหยหวนของกลุ่มผู้ติดเชื้อที่ถูกเผาทั้งเป็น
.
ทว่าหัวหน้ากลับมีท่าทีที่ยังตรึงเครียดอยู่ แกผายมือขอวิทยุคืนจากเจนิส ก่อนจะพูดขึ้น
.
"วันนี้ฉันเสียลูกทีมไปหลายคน.. ขนาดระดมพลจากคลังอาวุธมาช่วยแล้วก็ยังต้านพวกมันไว้ไม่ไหว.. เรื่องนี้มันยากเกินจะรับได้ ฉันพลาด! ฉันน่าจะทำได้ทีกว่านี้! โถ่เอ๊ย!!"
สายตาโคตราจะว่างเปล่า พลางเหลือบมองดูลูกน้องที่น่าจะเหลือรอดอยู่ราว 15 - 20 คน จากที่ขึ้นฮ.มาด้วยกันร่วม 50 กว่าคน แกเห็นคนตายมามาก ฆ่าคนตายมาแล้วก็ไม่รู้กี่ศพต่อกี่ศพ แต่กับครั้งนี้มันต่างออกไป! แกรู้สึกเหมือนตัวเองโดนย่ำหน้าด้วยเด็กมัธยมหมอยโปร่ง แถมยังเป็นแค่เด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ จนทำให้แกถึงกับสูญเสียความมั่นใจในความเป็นชายชาตินักรบไปเลย
.
สบช่องให้เจนิสต้องเข้ามาปลอบ
.
"ลุงเป็นพวก AP ใช่ไหม? , ลุงมากับฮ.คุณมิวท์ใช่ไหมหนูจำพวกลุงได้"
.
"อือ...มีอะไร! จะให้ฉันขอบใจเธอที่สอดเข้ามาช่วยเหรอ?!"
วีนอย่างกับตุ๊ด! ดูแว๊บเดียวก็รู้ว่าหัวหน้าประชด ทหารรับจ้างอีโก้สูงระดับนี้มีหรือจะยอมใครง่ายๆ ทำเอาเจนิสถึงกับเบือนหน้า
.
"หนูชื่อเจนิสเป็นคนดูแลที่นี่แทนพี่แพรว แล้วลุงชื่ออะไร? เกมจบแล้วลุง! เราสู้มาด้วยกันแต่ยังไม่รู้จักชื่อกันเลย???"
.
กลับกลายเป็นผู้ใหญ่เสียอีกที่เลือกที่จะดึงหมวกไอ้โม่งลงปิดบังใบหน้า ความตรึงเครียดจากสนามรบทำให้แกลืมที่จะปิดบังตัวตนไปชั่วขณะ ถ้าไม่ถูกเจนิสทักขึ้น
.
"ในกลุ่มเราไม่มีใครใช้ชื่อจริงหรอกนังหนู! พวกเราไม่มีชื่อ! เราไม่รู้ด้วยซ้ำว่าพรุ่งนี้จะมีชีวิตรอดรึเปล่าของแบบนั้นจึงไม่จำเป็น! "
.
"โห...จริงดิ! จริงจังน่าดู!"
.
"ตกลงมีอะไร! แค่นี้ใช่ไหมที่จะถาม? ฉันยังต้องเคลียร์พื้นที่ช่วยลูกน้องอีก!"
.
"แหม...ก็ไม่ได้มีแต่คนของลุงสักหน่อยที่ต้องเคลียร์ พวกพี่ๆชาววิลเลจก็บาดเจ็บล้มตายไปไม่น้อยเหมือนกัน สิ่งที่หนูจะบอกก็คือลุงอ่ะ! จะมาถือสิทธิ์ยึดครองที่นี่ให้เป็นของตัวเองไม่ได้! พวกเราอยู่มาก่อนแล้วก็มีเทคนิคภูมิปัญญาในการเอาตัวรอดที่เป็นของเราเอง... เราอยู่รอดได้โดยไม่จำเป็นต้องมีกองกำลังทหาร หรืออาวุธยุทโธปกรณ์ที่ลุงขนมาเลยด้วยซ้ำ!"
.
"ฟังเสียงโหยหวนโน่นสิ... มองดูเปลวไฟบรรลัยกัลป์เหล่านั้น ถ้าไม่มีพวกหนูป่านนี้พวกลุงตายไปแล้ว! แล้ววิลเลจก็จะตกอยู่ในอันตราย ลุงยึดคลังอาวุธของหนูไปหนูไม่ว่า..! แต่บทบาทบนกำแพงหนูรับไม่ได้ที่จะให้พวกลุงที่มาจากไหนก็ไม่รู้มาเป็นคนรับผิดชอบ!!! พวกลุงอ่อนแอเกินไป อาศัยอำนาจจากพี่แพรวที่แต่งตั้งให้หนูเป็นคนดูแลที่นี่ หนูไม่อนุญาตให้ลุงคุมที่นี่ค่ะ! "
"เชิญลงไปจากกำแพงได้เลย! ทิ้งปืนกับอาวุธเอาไว้! ที่เหลือเราจะสานต่อเอง!"
.
เจนิสกอดอกร่ายยาวเป็นฉากๆ โดยมีพี่ๆชาววิลเลจออกันเข้ามาประกบเป็นฉากหลัง บรรยากาศจึงแลดูน่าเกรงขามเป็นอย่างมาก รัศมีอำมหิตแผ่ซ่านออกมาเต็ม! สอดคล้องกับฟากฝั่งของทหารรับจ้างเองก็นอนตายกันระเนระนาด หัวหน้าหน่วยจึงไม่มีทางเลือก! แม้แกจะเจ็บแค้นที่โดนเด็กมัธยมเบ่งใส่ แต่ก็มิอาจปฏิเสธได้เช่นกันว่าสิ่งที่เจนิสพูดล้วนแต่ถูกต้องทุกคำ
.
"โอเคฉันยอมก็ได้...! ฉันแมนพออยู่แล้ว...! ฉันจะพาคนของฉันลงไปที่เรือนพยาบาล"
"อาวุธทุกอย่างฉันยกให้ รวมถึงระบบเบิกจ่ายที่ติดตั้งไว้ที่คลังอาวุธด้วย เราไม่เหลือคนมากพอที่จะแบ่งเบางานที่นี่ได้แล้ว และเมื่อเธอเองก็ไม่ต้องการพวกเราก็จะไป! ขอพักสักคืนก่อนแล้วกันเพราะวันนี้พวกเราเหนื่อยกันมาก..ก..ก"
" (ฉอดๆๆๆ.....ฉอดๆๆๆ) "
ยังมีคำบ่นไล่หลังอีกหลายประโยค หัวหน้าหน่วยวิทยุบอกทุกคนให้ปลดอาวุธและแยกย้ายกันนำศพเพื่อนกลับลงไปด้านล่างกำแพง แกไม่แยแสแม้แต่คำค้านของเจนิสที่ไล่หลังมา ดูแกจะอารมณ์เสียและเหนื่อยสุดๆ เจนิสก็เลยปล่อยเลยตามเลย เธอยืนมองดูหัวหน้าหน่วยและพรรคพวกปีนบันไดเชือกกลับลงไปด้านล่างด้วยเนื้อตัวเปล่าๆ ที่ไม่มีแม้กระทั่งเสื้อเกราะ
.
พี่ชาววิลเลจที่ยืนอยู่ข้างกันเลยแทรกขึ้น
.
"จะเอางี้จริงๆเหรอน้องเจนิส? พวกเค้าก็ไม่ได้แย่ขนาดนั้นมั้งพี่ว่า...? แล้วไอ้ปืนกลพวกนี้เราก็เคยเห็นแต่ในหนัง เรายิงมันไม่เป็นสักกะหน่อย??? , ไหนจะแว่นอินฟาเรท? , ไหนจะสลักระเบิดพวกนี้อีก?"
.
เจนิสถอนหายใจยาว พลันรีบตอบกลับไปโดยพลัน!
.
"ไม่หรอกพี่! ยังไงพวกเขาก็ยังมีประโยชน์ อย่างน้อยก็ต้องอยู่ฝึกการใช้อาวุธให้พวกเราก่อน แต่หนูคิดว่าคนที่เป็นหัวหน้าคงยังหัวร้อนอยู่ พูดอะไรไปตอนนี้ก็ดูจะเปล่าประโยชน์! ไว้พรุ่งนี้ให้อารมณ์ดีขึ้นหน่อยค่อยเจรจากันใหม่ก็ยังไม่สาย อาวุธดีๆทันสมัยขนาดนี้ถ้าไม่นำมาใช้ก็บ้าเต็มที!"
"สถานการณ์แบบนี้ไม่ควรฉายเดี่ยวพี่! เราไม่รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นบ้างในอนาคต ที่หนูพูดแบบนั้นออกไปก็เพราะอยากให้พวกเขาเห็นหัวชาววิลเลจอย่างเราบ้าง! เราไม่ได้กากหรือกระจอก! การทำงานร่วมกันจะเกิดขึ้นไม่ได้ ถ้าไม่ทำให้อีกฝ่ายยอมรับซะก่อน พี่ว่าถูกไหม?"
.
"แปะ! , แปะ! , แปะ! , แปะ! , แปะ! , แปะ!"
เสียงปรบมือดังลั่นจากบรรดาพี่ๆที่ยืนอยู่รายรอบ
.
"คมมากครับน้องเจนิส สมแล้วที่เป็นคนที่น้องแพรวไว้วางใจ พวกเราจะทำตามที่น้องบอกนะ"
.
"เหอะๆๆ"
"อย่ากวนส้นตีนค่ะพี่! ไป! แยกย้ายกันเคลียร์พื้นที่เถอะ ดึกแล้วหนูเองก็ต้องหลับต้องนอน ทุกคนก็ด้วย! ช่วยเร่งมือหน่อยนะคะเสร็จแล้วจะได้ไปพักผ่อนกัน..."
.
.
ปากพูดไปแบบนั้นแต่ในใจเจนิสนั้นเหมือนจะสังหรณ์ใจแปลกๆ เธอคิดว่าพรุ่งนี้คงไม่แคล้วมีเรื่องให้ปวดกบาลอีกเป็นแน่! แต่มันจะเป็นอะไรล่ะ?! ใช่เด็กตุ๊ดเด็กแต๋วกลุ่มเด็ก LGBT ที่บินมากับฮ. ไหม? อันนี้ต้องรอดู..