ความรักหลากอารมณ์ที่ดอมดมอยู่กลางดงโรคระบาดโควิด-19 เพื่อนที่ไม่ใช่เพื่อน แฟนที่ไม่ใช่แฟน งานนี้ไม่มี "กามเทพ" มีแต่ "กามรมณ์" ในกมลสันดาน
ความรักหลากอารมณ์ที่ดอมดมอยู่กลางดงโรคระบาดโควิด-19 เพื่อนที่ไม่ใช่เพื่อน แฟนที่ไม่ใช่แฟน งานนี้ไม่มี "กามเทพ" มีแต่ "กามรมณ์" ในกมลสันดาน
ฝีเท้าโรมรันฝุ่นตลบอบอวล ความรุนแรงของการจ้วงเท้าหันเหทุกสายตาในห้องประชุมให้หันมาสนใจ เจนิสไม่แม้แต่จะหยุดชี้แจง เธอไม่แคร์แม้แต่เพื่อนสนิทของตัวเอง เพราะดูเหมือนว่าส่ิงที่เพื่อนบอกนั้นจะเป็นอะไรที่คอขาดบาดตายมากกว่า!
.
ในทิศ 3 นาฬิกาหรือตะวันออกเฉียงเหนือ ห่างจากเรือนพยาบาลราว 400 เมตร ที่นั่นเป็นที่ตั้งของกำแพงสูงหน้าวิลเลจ มันคือป้อมปราการสำคัญที่ใช้ป้องกันกลุ่มผู้ติดเชื้อไม่ให้รุกรานเข้ามาได้ แถมยังเป็นจุดยุทธศาสตร์ที่ใช้ในการออกแบบเส้นทางในการออกหาเสบียงของหน่วยลาดตระเวนในแต่ละครั้งด้วย
.
“แล้วทำไมถึงปล่อยให้เรื่องพรรณนี้เกิดขึ้นได้!? ใครกันที่เป็นคนอนุมัติตัดหน้าเรา!"
"ปล่อยให้กลุ่มคนติดอาวุธที่ไม่รู้หัวนอนปลายเท้าขึ้นไปยุ่มย่ามกับงานบนกำแพงได้ยังไง!? จะมากเกินไปแล้ว! ถ้าพี่แพรวรู้เข้าแกไม่ยอมหรอก อย่าว่าแต่เป็นพวก AP เลย จะกลุ่มไหนหน้าไหนแกก็ไม่มีทางยอมแน่!"
.
วิ่งไปพลางคิดคำด่าในใจไปด้วย
.
เสียงฝ่าตีนกระทบพื้นดังกว่าเสียงรอนท้องกระทบกันเมื่อตอนเอากันในฝัน เจนิสไม่มีเวลาแล้ว! เธอจะช้าไม่ได้! 3 วันผ่านไปนานจนอะไรต่อมิอะไรก็เปลี่ยนแปลงไปหมด หลังจากนั้นไม่นานเธอจึงตัดสินใจหักเลี้ยวไปทางขวา วิ่งกระโดดข้ามแปลงผักของคุณลุงคณป้า เจตนาจะใช้เป็นทางลัดเพื่อมุ่งไปยังป้อมปราการให้เร็วที่สุด!
.
แต่นั่นก็ต้องแลกมากับการที่ต้องวิ่งผ่านหน้าคลังอาวุธซะก่อน แล้วเชื่อไหมว่าคนแรกที่เจนิสสังเกตเห็นก็ดันกลายเป็นใครก็ไม่รู้ที่มายืนเฝ้ายามอยู่หน้าประตูแทน! เขาใส่ชุดสีดำสนิทปิดบังใบหน้าด้วยหมวกไอ้โม่ง มีแม้กระทั่งเสื้อเกราะกันกระสุน ส่วนอาวุธในมือก็เป็นปืนกลมือ Heckler & Koch รุ่น MP5 แบบเดียวกับที่นาวิกโยธินสหรัฐใช้ในสงครามอีรัก!
.
ไอ้เย็ดแม่ม! เด็กสาวเดือดดานเกินทน ก่อนจะปรี่เข้าไปเอาความด้วยความโมโหโกธา!
.
“นี่คุณ!!! คุณเป็นใครมาจากไหนเนี่ยะ!? ใครอนุญาตให้คุณมายืนจังก้าอยู่ตรงนี้มิทราบ! คนของฉันไปไหนหมด! เราวางระเบียบแบบแผนกันไว้แล้ว... ถอยไปเดี๋ยวนี้นะ! ให้มันรู้ซะบ้างว่าที่นี่ใครคุม!!!”
.
“…..”
ชายชุดดำไม่ตอบ เขานิ่งไม่พูดไม่จาและภายใต้แว่นตากันแดดสีดำสนิท เจนิสก็มองไม่ออกเช่นกันว่าเขามีแก้วตาที่สื่ออารมณ์แบบไหนอยู่ รู้แต่ว่าตัดภาพมาอีกทีปากกระบอกปืนขนาดลำกล้อง 4.5 นิ้วของ HK MP5 ก็จ่อเข้าที่หน้าผากเธอซะแล้ว!
.
“แกร๊ก!!!”
.
“กูมีปืนอีหนู…เกรงใจกูบ้าง”
เขาคงคิดในใจแบบนั้น แต่ก็คงต้องมัดปากเอาไว้ด้วยหน้าที่ๆได้รับมอบหมาย ทหารรับจ้างก็แบบนี้แหละ! พวกเขาถูกจ้างให้ทำอะไรก็ทำแบบนั้น ดุจดั่งหุ่นยนต์ที่ถูกโปรแกรมมาจากโรงงาน
.
“เช๊อะ! ลองเป็นอีหรอบนี้คงคุยกันไม่รู้เรื่อง! ฉันขอเข้าไปดูข้างในหน่อยล่ะกัน… ถอยไป! , หลบ!!”
เจนิสเดือดดานมากขึ้นทุกทีเธอดันร่างชายฉกรรจ์ออกจากทาง ก่อนจะเป็นตัวเธอเองนั่นแหละที่ถึงกับช็อคตาค้าง! หลังจากผ่านเข้ามาเห็นบรรยากาศที่อยู่ภายใน
.
มันคือภาพของทีมงานวิลเลจราว 10 ชีวิตที่กำลังรุมล้อมหน้าจอคอมพิวเตอร์อยู่ ติดกับหน้าจอสุดคือทหารรับจ้างนายหนึ่งที่กำลังสาธิตวิธีการใช้โปรแกรมสืบค้นอาวุธให้แก่พวกพี่ๆ เรียนตามตรงว่าการปรากฎตัวของเธอนั้นช่างไร้ความหมาย! เธอเหมือนผีที่ไม่มีตัวตน! และพอเหลือบมองไปรอบๆ ก็พบว่าบรรดาปืนผาหน้าไม้อาวุธแบบแฮนด์เมดที่สร้างขึ้นด้วยภูมิปัญญาชาวบ้าน ก็ล้วนแต่ถูกแทนที่ด้วยยุทธภัณฑ์ที่ทันสมัยไปซะหมด!
.
ปืนพก , ปืนกล , ปืนออโตเมติก , เครื่องยิงลูกระเบิด ฯลฯ ถูกจัดเรียงไว้บนผนัง , บนชั้น , บางชิ้นก็แขวนไว้บนกำแพง พวกมันทั้งสวยงามและเป็นระเบียบ มองผ่านๆแล้วเหมือนพวกทหารรับจ้างได้เปลี่ยนที่นี่ ให้กลายเป็นห้องลับใต้ดินของพวกซุปเปอร์ฮีโร่ไปแล้ว!
.
เจนิสก็เลยพยายามจะเรียกร้องความสนใจ ด้วยการสืบเท้าเดินเข้าไปหาพร้อมกับส่งเสียง
.
“เฮ้! ทุกคน! พี่!ๆ… ฮัลโหล! หนูกลับมาแล้วได้ยินหนูไหม!?”
.
“เอ้าแม่หนูเจนิส! ตื่นแล้วเหรอลูก?! มาสิ! มาดูโปรแกรมอันนี้เร๊ววววมันเจ๋งมากเลยล่ะ ต่อไปนี้เราจะมีอาวุธใช้กันอย่างไม่จำกัดแล้วนะ! มีแต่ปืนแรงๆด้วย!”
ลุงคนที่เคยเป็นยามเฝ้าประตูป้องปากบอก อายุอานามแกน่าจะมากกว่าเจนิสถึงครึ่งรอบ แต่ก็ยังดี้ด๊าตาใสราวกับเด็กๆ
.
เช่นกันกับพี่หน่วยลาดตระเวนอีกคนที่บอกว่าเขาขอโทษ ที่ไม่ได้แจ้งเรื่องนี้ให้เธอทราบ รูปแบบห้องเก็บอาวุธจำเป็นจะต้องเปลี่ยนใหม่ทั้งหมดเพื่อให้ลิงค์กับตัวโปรแกรม ต่อไปนี้จะไม่มีการบันทึกชื่อผู้ใช้ด้วยลายมือผ่านหน้ากระดาษอีกแล้ว แต่จะใช้บาร์โค้ดยิงไปที่ด้ามจับของปืนแทน เพื่อความสะดวกรวดเร็วในการเก็บสถิติแถมยังง่ายต่อคนที่เบิกไปใช้ด้วย
.
“ที่สำคัญนะเจนิส… มานี่! พี่จะพามาดูอะไร! มันเป็นเครื่องมือที่เด็ดมากๆเลยล่ะ! ด้วยนวัตกรรมที่พวก AP นำมาให้ เราจะไม่มีวันพ่ายแพ้อีกต่อไป!”
.
“อะ…เอิ่ม!…ค่ะ…! อะไรเหรอคะพี่?”
.
ข้อมือถูกจับกระชากอีกครั้ง คราวนี้ไม่ใช้เพื่อนสนิทที่เรือนพยาบาลแต่เป็นการฉุดรั้งจากหน่วยลาดตระเวนที่เข่นฆ่าผู้ติดเชื้อด้วยลูกธนูมานับต่อนัก เขาจูงแขนเจนิสเดินอ้อมออกมาจากหน้าจอคอม ลากผ่านกองอาวุธแบบเก่าที่มีทั้งปืนผาหน้าไม้และลูกดอกอาบยาสลบ รวมไปถึงขวดระเบิดเพลิงโบโนท็อกที่ตั้งเรียงรายกำพร้าเจ้าของ นับแต่นี้ไปพวกมันคงถูกเมิน เพราะถูกแทนที่ด้วยระเบิดไปม์บอมป์ ระเบิดแฟลช แล้วก็ระเบิดควันที่พลานุภาพสูงกว่า
.
“นี่พี่จะพาหนูไปไหนเนี่ยะ! มันหลังอาคารแล้วนะ! มันจะทะลุออกไปข้างนอกอยู่แล้ว!?”
.
“เอาน่า…จะถึงแล้ว พี่ทหารพวกนั้นบอกว่ามันต้องตั้งไว้กลางแจ้ง ให้โดนแดดโดนลมไม่งั้นผลงานจะไม่มีความเสถียรเปราะและแตกหักง่าย”
.
"เฮ๊อะ! อะไรของพี่? หนูล่ะไม่เข้าใจ!"
.
กระทั่งผ่านไปราว 1 - 2 นาที หลังจากการฉุดกระชากลากถูกันเสร็จ เจนิสก็ได้เห็นกับตาตัวเองถึงอุปกรณ์ชิ้นสำคัญที่มีลักษณะคล้ายกับเตาหลอมเหลว! รูปทรงของมันคล้ายกับเตาเผาถ่านทรงโค้งที่เป็นรูปโดมครึ่งวงกลม ฐานล่างถูกฝังลงในดินคล้ายกับบ้านใต้ดินของเหล่าเทเลทับบี้ แต่ที่ด้านบนจะมีช่องเอาไว้สำหรับให้ใส่เศษโลหะ ถัดไปอีกนิดจะมีหน้าจอทัชสกรีนเอาไว้ให้เลือกรูปแบบกระสุนที่ต้องการ
.
“นี่มันคืออะไรคะ…?”
เธอถามแบบงงๆ
.
“อ่า! ตอนแรกฉันก็ถามแบบเธอนี่แหละ เอาเป็นว่าฉันจะทำให้ดูแล้วกัน บอกเลยว่าแต่นี้ต่อไปเราจะมีกระสุนใช้อย่างไม่จำกัด ฝูงผู้ติดเชื้อด้านนอกจะทำอะไรเราไม่ได้แม้แต่ปลายเล็บ! ฮั่ว! ฮ่าๆๆๆ!”
.
หัวเราะแบบไร้เหตุผลเสร็จเขาก็ดันร่างของเจนิสให้หลบออกจากทางเล็กน้อย ก่อนจะเอื้อมมือลงไปหยิบปลอกกระสุน (ที่ใช้แล้ว) ในถังด้านล่างขึ้นมาเทลงไปในช่อง ตามติดมาด้วยการดึงจอคอนโทรลที่เป็นทัชสกรีนออกมา แล้วก็จิ้มนิ้วเขี่ยไปเขี่ยมาอยู่สองสามที พลันกดปุ่ม Enter!
.
"ปั๊กกก!!!"
.
แค่นี้ก็เรียบร้อย! ตัวเตาเผาทรงโค้งเริ่มขั้นตอนของมัน! มีเสียงดังและการสั่นที่รุนแรงแต่ก็แลกมากับกระสุนปืนเวอร์ชั่นรีไซเคิลอีกมากกว่า 1,000 นัด ที่ร่วงกราวออกมาจากช่องด้านหน้าราวกับเม็ดข้าวสารที่ได้จากโรงสี
.
แล้วก็อาจจะเป็นเพราะสิ่งนี้ยังใหม่มากสำหรับคนที่นี่ก็เป็นได้ คุณพี่หน่วยลาดตระเวนแกถึงดีอกดีใจใหญ่ เพราะหากจะพูดกันตรงๆแล้วล่ะก็.. แกเองก็เพิ่งจะหัดใช้เครื่องนี้เป็นครั้งแรกเหมือนกัน
.
“เราเพิ่งติดตั้งเสร็จเมื่อเช้าเองน้องเจนิส ได้ผลดีขนาดนี้พี่เองก็ปลื้มปลิ่มอยู่นะ ฮ่ะ , ฮ่าๆๆๆ”
.
เจนิสยิ้มตามแบบเฝื่อนๆ เธอพยายามจะทำความเข้าใจพร้อมกับเดินดูกระบวนการทำงานของเครื่องไปด้วย ก่อนจะถามขึ้น
.
“พี่คะ…? แล้วพวกทหารพวกนั้นเขาขนมันมายังไงอ่ะ? อย่าบอกนะว่ายกใส่ฮ. มาทั้งๆอย่างงี้?!”
.
“บ้า! จะบ้าเหรอ?! เขาเอามาแค่พิมพ์เขียว ส่วนวัสดุทุกอย่างเราหาเอาจากที่นี่ รูปร่างมันก็เลยดูกระท่อนกระแท่นอย่างที่เห็น แต่ก็ถือว่าใช้งานได้ล่ะนะ! ต่อไปนี้เราไม่ต้องลาดตระเวนแบบประหยัดกระสุนอีกแล้ว ธนูก็คงจะไม่จำเป็น พวกเขาบอกว่าจะเปิดคอร์สสอนการใช้อาวุธให้พวกเราด้วยล่ะ ทหารรับจ้างจาก AP คืองานดีมากกกกๆๆๆ! เราต้องขอบคุณพวกเขาแล้วก็คุณมิวท์ด้วย!”
คุณพี่ร่ายยาวเป็นฉากๆ แววตาเปล่งประกายฉายแววโรจน์ เหมือนแกจะสรรเสริญสมาชิกที่มาใหม่กลุ่มนี้มากเหลือเกิน เผินๆจะเหนือกว่าเมื่อคราวที่แพรวกับเจนิสมาถึงที่นี่ด้วยซ้ำ
.
หรือนี่จะเป็นการรัฐประหารแบบกลายๆ เป็นการยึดอำนาจแบบตีเนียนรึเปล่า? เจนิสยังไม่ค่อยแน่ใจในประเด็นนี้เท่าไหร่แถมยังปราศจากหลักฐาน แต่เท่าที่รู้คือมันชักจะแหม่งๆ
.
.
“พี่มิวท์อีกแล้วเหรอ?! , AP อีกแล้วด้วย?! ทำไมฉันไม่ตื่นให้เร็วกว่านี้นะ ยังมีอะไรให้ฉันต้องเซอร์ไพรต์อีกเพียบเลยใช่ไหมเนี่ยะ!!??”