ความรักหลากอารมณ์ที่ดอมดมอยู่กลางดงโรคระบาดโควิด-19 เพื่อนที่ไม่ใช่เพื่อน แฟนที่ไม่ใช่แฟน งานนี้ไม่มี "กามเทพ" มีแต่ "กามรมณ์" ในกมลสันดาน
ความรักหลากอารมณ์ที่ดอมดมอยู่กลางดงโรคระบาดโควิด-19 เพื่อนที่ไม่ใช่เพื่อน แฟนที่ไม่ใช่แฟน งานนี้ไม่มี "กามเทพ" มีแต่ "กามรมณ์" ในกมลสันดาน
ฝุ่นตลบอบอวลควันโขมงโฉงเฉง ต่างคนต่างกรี๊ดกันไม่ออกด้วยเพราะถูกแพรวใช้ฝ่ามือปิดปากเอาไว้ 4 ชีวิตรอดตายแบบเฉียดฉิว! รอจนกระทั่งทุกอย่างเริ่มเจือจาง และแสงจันทร์เริ่มจะสาดแสงทุกสายตาถึงเริ่มขยับเขยื้อน แผ่นปูนผืนใหญ่ยังคงตั้งตระหง่านเป็นกำบังให้ ส่วนพวกสาวๆ เองก็ต่างพยายามจะชะเง้อออกไปดูว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง หลังจากการถล่มของตึกหลังใหญ่ผ่านพ้น
.
“เบาๆ นะระวังด้วย…”
แพรวกระซิบ
.
ความอยากรู้อยากเห็นนี่แหละที่เป็นทั้งคุณและโทษ มันทำให้เกิดความกระตือรือร้นก็จริงแต่ก็ทำให้เกิดช่องโหว่ได้ในคราวเดียวกัน เพราะสิ่งที่ทุกคนเห็นก็คือขบวนรถพยาบาลที่วิ่งเข้ามากันอย่างขวักไขว่! สัญลักษณ์ AP บนตัวถังเด่นหลา! มีการขนคนเจ็บรายทางออกมา แถมยังมีบางส่วนที่วิ่งตรงเข้าไปยังจุดปะทะเพื่อไปเอาคนเจ็บที่ตกค้างออกมาจากสมรภูมิ! ไฟไซเรนหมุนติ้ววนวก คล้ายกันกับความสับสนที่เกิดขึ้นภายใต้กระโหลก… ว่าจะเอายังไงต่อไปดี?
.
พิจารณาแล้วคงเป็นไปไม่ได้หากแพรวจะยังดันทุรังทำตามแผนเดิม ถึงจะไม่รู้ว่าพวก AP กำลังสู้อยู่กับอะไร? แต่ยังไงซะถ้าเข้าไปในสภาพนี้ก็เท่ากับไปตายเปล่า! แคลนของแพรวจะเอาอะไรไปสู้!? ลำพังอาวุธที่มีอยู่ในมือก็ทำได้แค่ป้องกันตัวเองกับหลบซ่อนอำพรางจากคนร้ายไปวันๆ
.
“ต้องแผนสองแล้วล่ะค่ะพี่แพรว… หนูไม่เห็นด้วยอย่างยิ่งถ้าพี่จะพาเราไปเสี่ยงอีก!”
เจนิสเสนอ
.
ส่วนแพรวก็พยักหน้าเห็นด้วย เปล่าประโยชน์ที่เธอจะรั้น เพราะต่างก็เห็นอยู่ทนโท่ว่าอะไรเป็นอะไร! แสงจันทร์ดับเข้ากลีบเมฆไปอีกครา… บนน่านฟ้าหาใช่หมู่มวลดาราไม่… หากแต่เป็นประกายไฟจากกระสุนปืนนานาชนิดที่โหมกระหน่ำใส่กันไม่ยั้งไม่มีใครยอมใคร! เสียงระเบ็งเซ็งแซ่จากยูทโธปกรณ์กึกก้องขึ้นมาอีกรอบ! พื้นดินรายรอบกลับมาสั่นสะนั่นหวั่นไหว!! และบางที่พี่สาวหัวหน้าแคลนก็คงจะต้องรีบตัดสินใจแบบด่วนๆ!
.
“โอเคๆ …เจอแล้วๆ! ยังมีอีกที่หนึ่ง! ติดเป้ซะ! แล้วตามฉันมา…”
.
“ค่ะ!!! , ค่ะ!!”
.
เด็กๆ พร้อมแพรวเองก็พร้อมเช่นกัน! เธอพับแผนที่ยัดใส่กระเป๋าหลังพลันทดทุกอย่างไว้ในใจ เพราะจากนี้ไปจะไม่ใช่การเดินแบบแช่มช้า หากแต่เป็นการวิ่งแบบไม่คิดชีวิต!! ระเบิดตูมตามอยู่ด้านหลังจะมาใจเย็นอยู่ก็ดูจะไม่ใช่เรื่อง!
.
.
มืดก็มืดมองก็ไม่เห็น.. “แสงจันทร์กระจ่างส่องนำทางสัญจร” คงเป็นเพียงแค่เนื้อเพลงเก่าของอาจารย์ไข่ มาลีฮวนน่า เนื่องจากดูตามหน้างานแล้ว สิ่งที่นำทั้ง 4 คนมูฟท์ออนท์ไปข้างหน้าได้ เห็นจะมีเพียงสัญชาตญาณกับการจำทางไว้ในหัวของแพรวทั้งสิ้น! เธอวิ่งหน้าตั้งแบบไม่คิดอะไรมาก กระโดดตรงนั้นปีนป่ายตรงนี้ ราวกับต้องการจะเก็กฟอร์มชดเชยความเสียหน้าที่ประเมินจุดพักผิดไปเมื่อครู่…
.
จนในที่สุดก็มาถึงซะที! โอ้แม่เจ้าโว๊ย!!! มันช่างสง่างามราวกับหอคอยคู่จากหนัง "The lord of the ring” นี่คือเสาตอม่อทางด่วนที่ตั้งฉากสูงจากพื้นมากกว่า 10 เมตร! มองไปข้างบนจะมีถนนคอนกรีตทอดตัวยาวไปหลายกิโล เดาว่าเหนือขึ้นไปคงไม่มีรถวิ่งแล้ว เพราะลำพังตอม่อที่ค้ำยันอยู่เองก็ยังถูกคลุมทับด้วยเถาวัลย์แล้วก็ไม้เลี้อย มันร้างอย่างกับอะไรดี! ดีที่เป็นตอนกลางคืน…ไม่งั้นเราคงได้เห็นร่องรอยแตกร้าวจากการถูกเชื้อโควิดกัดกินกันอีกเพียบ!
.
“ถึงแล้วใช่ไหมคะพี่แพรว? , แฮ่ก! , แฮ่ก! , แฮ่ก!”
เจนิสถามพลางก้มหน้าลงหอบ
.
“ใช่! …คืนนี้เราจะพักกันที่นี่ ห่างออกมาราว 1 กม. คงพ้นจากแนวกระสุนปืนครกแล้ว แต่ก็…!”
.
“ตุบ!!!!!”
.
“ไม่พี่! อย่าเพิ่งพูดอะไรพวกเราขอพักก่อน เราหิวมาก…แล้วเราก็เหนื่อยจนลิ้นห้อยแล้วด้วย… เฮ้อ…อ…อ..อ , แฮ่กๆ , แฮ่กๆ”
จริงอย่างที่เจนิสบอก เพราะแม้แต่เพื่อนอีกสองคนก็นั่งจุ่มก้นลงกับพื้นดินแบบเธอ พวกเธอหันหลังพิงกันเหยียดขาออกสุด พลางควักน้ำกับอาหารกระป๋องขึ้นมาดื่มกิน โดยไม่สนเลยว่าเมื่อกี้แพรวกำลังจะพูดอะไร
.
แต่แพรวเองก็เข้าใจ เธอเห็นสภาพเด็กๆ แล้วก็อดสงสารไม่ได้ ก็เลยกุลีกุจอจัดแจงสถานที่ใต้ทางด่วนตรงนี้ให้เป็นที่พักชั่วคราวด้วยตนเอง
.
เธอทำการลากเอาถังน้ำมันเก่าที่เห็นอยู่แถวนั้นมาตั้งไว้ตรงกลาง โยนเศษไม้ท่อนไม้ลงไปเผา พร้อมกับเติมเชื้อเพลิงให้ไฟรุกโชติช่วงเพื่อเพิ่มความอบอุ่น ต่อด้วยการเคลียร์พื้นดินที่เหยียบอยู่ให้ราบเรียบ แล้วก็เอาผ้าใบปูนอนในกระเป๋าเป้ออกมาปู เตนท์ไม่ต้องกางเพราะข้างบนมีทางด่วนคอนกรีตเป็นหลังคาให้อยู่แล้ว และตรงจุดนี้เองที่ทำให้บริเวณตรงนี้มีลักษณะเป็นเนินดินโล่งๆ ไม่มีหญ้าสักเส้น , พืชพรรณรกชัฏก็ไม่มี , เนื่องจากไม่มีแสงแดดแล้วก็น้ำฝนหยดลงมาถึงดินด้านล่างได้เลย
.
ทันทีที่ทำเสร็จแพรวก็เลยถือโอกาสได้นั่งพักบ้าง เธอหย่อนก้นลงขัดสมาธิบนผืนผ้าใบ พร้อมกับเล่าสิ่งที่ตัวเองต้องการจะบอกแก่เด็กๆ ไปเมื่อกี้… ออกมาในใจ
.
“มาได้ไกลขนาดนี้ก็นับว่าดีอยู่หรอก แต่สิ่งที่เราเป็นกังวลก็คือใต้ทางด่วนตรงนี้มันเปิดโล่งเกินไป! มันเป็นทำเลพักที่ใครจะมาตั้งก็ได้ จึงง่ายมากหากจะโดนซุ่มทำร้ายจากแคลนอื่นๆ … มันเสี่ยง! แต่เรากับพวกเด็กๆ ก็ไม่เหลือแรงจะไปได้ไกลกว่านี้แล้ว! มีแต่ต้องผลัดกันเฝ้ายาม… จะนอนพักทั้งหมดไม่ได้! … ใช่ต้องแบบนี้แหละ! … ต้องมีคนเป็นยาม!”
.
แพรวบ่นอุบอยู่คนเดียว สวนทางกับเจนิสและเพื่อนที่เริ่มหัวเราะหัวใคร่ออกมาหลังจากได้ทานอาหารอร่อยๆ
.
ด้วยความสัตย์จริงว่าภาพเหล่านี้เมื่อมองผ่านกองไฟเข้าไป หัวใจแพรวกลับเป็นหวิวๆ สีส้มอ่อนละมุนที่ฉาบผิว , คน 3 คน , กับมิตรภาพของผองเพื่อน ช่างชวนให้แพรวหวนคิดถึงวันคืนเก่าๆ เป็นปีมาแล้วสินะ! ที่เธอต้องโดดเดี่ยวตามลำพัง! พีตายไปแล้ว… ส่วนมิวท์ก็ไปอยู่กับเปรม… ไม่รู้ล่ะ! ถึงจุดนี้จู่ๆ น้ำตามันก็ไหลออกมาเอง หน้ากากกันแก๊สที่สวมอยู่ถึงกับขึ้นฝ้า มันเบลอและแสบพร้าคล้ายกับอดีตแห่งความผูกพัน ที่นับวันก็มีแต่จะลางเลือนและมองไม่เห็นกันอีกต่อไป
.
“ปั๊ก! , ปั๊ก! , ปั๊ก!”
กำกำปั้นทุบใส่หัวตัวเองเพื่อเรียกสติ เสียงดังกล่าวดังพอที่จะทำให้พวกเจนิสหันมามองทางแพรวในเสี้ยวอึดใจ ตามติดมาด้วยการยักย้ายถิ่นฐานมายังผ้าใบปูนอนที่หัวหน้าแคลนคนสวยจัดเตรียมไว้ให้
.
“ขอบคุณนะคะพี่แพรว…”
เจนิสยิ้มสวย เช่นเดียวกันกับเพื่อน แต่ก็ได้แค่แป๊บเดียวเพราะสังเกตเห็นความผิดปกติบางอย่าง!
.
“เอ๋…พี่เป็นไรรึเปล่าคะทำไมท่าทางแปลกๆ ล่ะ , นี่พี่ร้องไห้เหรอพี่แพรว?”
.
“ปะ…เปล่า! จะบ้าเหรอไม่ใช่สักหน่อย! เด็กๆ อย่างเธอทานข้าวแล้วก็รีบนอนซะจะได้เก็บแรงไว้ออกเดินทางแต่เช้า… ตรงนี้ประเดี่ยวพี่จะเฝ้ายามให้เอง!”
แพรวหลบตาสุดฤทธิ์เธอถึงกับลุกยืนขึ้นมาเลย ตั้งใจจะเดินหนีไปซะจะได้จบๆ
.
ซึ่งก็หนีไม่พ้นการจับพิรุธของเจนิสอยู่ดี เพื่อนสองคนน่ะทิ้งตัวลงไปแล้วจึงเหลือแต่เธอกับแพรวสองต่อสอง เธอลุกขึ้นยืนตามแพรวโดยพลัน ก่อนจะปรี่ตัวเข้ามาใกล้ๆ เล่นเอาแพรวถึงกับเสียอาการไปเลย!
.
“อะไรของเธอยัยหนู! อย่ามาจ้องหน้าฉันแบบนี้นะ?!”
.
“เปล่าพี่! หนูแค่จะบอกว่าหนูเองก็คิดเหมือนพี่ไม่มีผิด เนินดินตรงนี้มันไม่ปลอดภัย มันต้องมีคนเฝ้ายามไม่งั้นอาจจะโดนดักปล้นแบบครั้งก่อนได้…! นี่พี่คิดว่าหนูจะทำอะไรคะเนี่ยะ!? จะตกใจเพื่อ???”
เจนิสผายมือออกกว้างทำท่าสงสัย เธอก็ยังเป็นเธอลักษณะนิสัยยังเหมือนกับแพรวเป๊ะๆ
.
“เปล่าไม่มีอะไร…งั้นเธอต้องการอะไรล่ะเจนิส?”
.
มือเรียวของน้องถูกวางลงบนไหล่ เธอบีบไหล่แพรวเบาๆ เป็นนัยว่าให้วางใจได้เพราะเธอจะเป็นคนเฝ้ายามในค่ำคืนนี้ให้เอง
.
"ปกติหนูนอนเกือบเช้าอ่ะพี่… ตอนอยู่ที่โรงเรียนประจำหนูก็กับรับงาน part time เป็นยามตามหอพักด้วย เพราะฉะนั้นเรื่องนี้หนูเซียนมาก! พี่ต้องนำทางพวกเราอีกไกล พี่นั่นแหละยิ่งควรจะต้องพัก เสียพี่ไปแคลนเราเท่ากับล่มสลายเลยนะคะ สุพรรณมันจะไปไม่ถึงเอานะ… แล้วจะหาว่าหนูไม่เตือนอิๆ ^^”