ความรักหลากอารมณ์ที่ดอมดมอยู่กลางดงโรคระบาดโควิด-19 เพื่อนที่ไม่ใช่เพื่อน แฟนที่ไม่ใช่แฟน งานนี้ไม่มี "กามเทพ" มีแต่ "กามรมณ์" ในกมลสันดาน
ความรักหลากอารมณ์ที่ดอมดมอยู่กลางดงโรคระบาดโควิด-19 เพื่อนที่ไม่ใช่เพื่อน แฟนที่ไม่ใช่แฟน งานนี้ไม่มี "กามเทพ" มีแต่ "กามรมณ์" ในกมลสันดาน
“พี! , อีพี! , นี่กูเอง! แพรวเพื่อนมึงเองนะ! เกิดอะไรขึ้นกับมึงเนี่ยะ”
ลากตัวเพื่อนลงมาจากอานมอเตอร์ไซต์ นิสิตสาวจับเขานั่งราบลงกับพื้นถนน เอาหลังพิงตัวรถเอาไว้
.
“คร่อกกกก~!!”
“กะ…กูไม่รู้กูหายใจไม่ออก… ช่วยกูด้วย!!!”
“อั๊ก..ก..ก.. , อั๊ก…ก…ก..ก , อั๊ก…ก…กๆๆ”
ไม่เหลือเค้ากระเทยคิงคองที่ทรงพลัง พีแทบจะพูดไม่เป็นคำแล้ว หน้ากากครอบแก้วของเขาเริ่มขึ้นฝ้าผสมกับลิ่มเลือดที่เจ้าตัวสำลักออกมาเป็นจุดๆ
.
มือเริ่มชักเกร็ง ขาเริ่มสะบัดเตะป่ายปัดไปทั่ว ทั้งๆ ที่ตัวเลขออกซิเจนบนหน้ากากยังเหลืออยู่เกือบ 50% อาการแบบนี้น่าจะเกิดกับแพรวที่ใส่หน้ากากเวอร์ชั่นแฮนด์เมดอยู่ซะมากกว่า ผลิตภัณฑ์ของบริษัท AP โคตรจะมีคุณภาพแล้วมาเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นกับลูกค้าได้ยังไงกัน!?
.
ลุงไทยมุงคนเดิมก็เลยตะโกนสวนขึ้นอีกครั้ง
.
“ไม่ไหวหรอกอีหนูเอ๊ย… พาขึ้นมอไซต์แล้วไปส่งหมอที่ด่านตรวจโควิดดีกว่า ด่านอยู่หัวมุมถนนตรงนี้นี่เอง… พวกเราพยายามช่วยทุกอย่างแล้ว แต่หมวกครอบแก้วมันถอดไม่ออกเลย มันแข็งแรงมาก ไอ้หนุ่มนี่กำลังจะตายเพราะมันนะ!”
.
แพรวเห็นด้วยอย่างยิ่งเธอเองก็เห็นพ้องต้องกัน ว่าหน้ากากครอบแก้วที่พีใส่อยู่มันไม่ใช่รุ่นธรรมดา ตัวล็อคเป็นเหล็ก! สายรัดเป็นยางโพลิเมอร์ที่ทั้งเหนียวและทนไฟ! แผ่นกั้นด้านหน้าไม่ใช่พลาสติกใสธรรดาแต่น่าจะเป็นกระจกกันกระสุน! ทันทีที่เคาะลงแรงๆ กระดูกมือนั้นแทบหัก ดูรวมๆ แล้วไอ้หมวกซังกะบ๊วยนี่แหละคือตัวปัญหา พีตายคาอุปกรณ์ชิ้นนี้แน่ถ้าถอดมันออกไม่ได้
.
เหงื่อออกท่วมหน้า ตัวเลขบอกปริมาณก๊าซในหน้ากากแพรวลดเหลือแค่ 2 % เธอเองก็จวนจะวิกฤต! แพรวหันซ้ายแลขวาคิดวิเคราะห์ว่าจะเอายังไงต่อไปดี จะส่งพีที่เป็นกระเทยเป็นตุ๊ดเป็นแต๋วไปให้หมอดีไหม? ไม่ดี! เพราะเจ้าตัวก็เพิ่งปฏิเสธอยู่หยกๆ ครั้นจะไม่ทำอะไรเลยเพื่อนก็เจียนจะขาดใจตายลงต่อหน้าต่อตา
.
อัครเหตุการณ์แห่งความโลกาวินาศ… นี่มันวันวินาศสันตะโรอะไรกัน? ทำไมคนอย่างแพรวถึงเจอแต่เรื่องแย่ๆ ไม่หยุดหย่อน เธอเป็นตัวเอกของนิยายเรื่องนี้นะ จะมาสูญเสียคนรักกับของรักไปในคราวเดียวกันมันก็กะไรอยู่!
.
ว่าแล้วสาวเจ้าจึงสอดมือเข้าไปยังใต้คางตัวเอง พลางปลดตะขอรัดคางของหน้ากากครอบแก้วออก!
.
“คลิก!!!”
.
“ฟู่!!!!!”
เขม่าควันโพยพุ่ง ผมยาวสลวยสะบัดพรึบหยาดเหงื่อกระเซ็น ทำเอาไทยมุงถึงกับแตกตื่น พวกเขาต่างถอยกรูออกห่างเป็นวงรัศมี ไม่มีใครอยากสัมผัสโดนสารคัดหลั่งของคนแปลกหน้า ต่อให้ตรงหน้าจะเป็นผู้หญิงที่สวยงามหุ่นดีระยับ ก็มิอาจปฏิเสธความกลัวต่อเรื่องนี้ได้
.
“เอ้าเฮ๊ย!!!”
“เอ็งถอดออกทำไมล่ะนังหนู??? ประเดี๋ยวก็ตายห่าหรอก???!”
ถ้อยคำเป็นห่วงกึ่งต่อว่าโพล่งออกจากปากของลุงคนเดิม แกใช้ปลายนิ้วเคาะลงที่หน้ากากครอบแก้วของตัวเอง “ป็อกๆ!” ราวกับต้องการจะส่งสัญญาณบอกว่า ยุคนี้สมัยนี้มีไอ้นี่ติดหัวไว้ย่อมปลอดภัยกว่า
.
แพรวก็เลยตะคอกเสียงใส่ โดยมีร่างอันแน่นิ่งของพีนอนหนุนอยู่บนตัก
.
“หยุดพูดไปเลยลุง!”
“หนูแค่จะลองปลดตะขอตรงสายรัดคางของหนูดูเฉยๆ ถ้าเราสอดนิ้วเข้าไปข้างใต้ได้แล้วดึงมันกลับทาง แค่นี้ล็อคก็ก็จะหลุดออกได้ง่ายๆ หน้ากากของหนูที่กองอยู่โน่นไงคือหลักฐาน! "
.
แววตาดุดันโคตรน่ากลัว นี่ไม่ใช่ของเล่นมันคือภารกิจช่วยชีวิต!
.
"แล้วถ้าเราเอาตรรกะเดียวกันมาใช้กับเพื่อนหนูดูบ้าง มันอาจจะเวิร์ค! พวกลุงอาจจะใช้ความรุนแรงกับพีมากไปก็ได้ หน้ากากมันก็เลยไม่หลุดออก ขอหนูลองพิสูจน์ทฤษฎีดูหน่อยเถอะค่ะ!”
.
แพรวอธิบายด้วยใบหน้าที่เปล่าเปลือย ความขาวไม่มีประโยชน์ ควมคมเป็นแค่เรื่องไม่จำเป็น มันปกป้องเธอไม่ได้และตอนนี้คำถามสำคัญก็คือ เธอจะทนกลั้นหายใจไม่ให้ไวรัสเข้าสู่โพรงจมูกไปได้นานเท่าไหร่? นี่ต่างหากที่พวกลุงๆ ไทยมุงทุกคนเป็นกังวล บางส่วนในพวกเขาจึงได้แอบผละตัวออกไป เพื่อโทรแจ้งเจ้าหน้าที่ทีมสืบสวนโรคแล้วเป็นที่เรียบร้อย และพวกเขาก็กำลังจะมา!
.
แน่นอนว่าสาวเจ้าไม่รู้เรื่องนี้เลย! โฟกัสของแพรวมีแค่พีเพื่อนรัก! เธอจึงเริ่มสอดนิ้วเข้าไปที่ใต้คางของพี มันน่าจะมีระยะห่างระหว่างผิวเนื้อกับขอบหน้ากากมากพอให้นิ้วเรียวๆ ของเธอแยงเข้าไปได้! อ้างอิงจากก่อนหน้านี้ที่ทำกับหน้ากากของตัวเองได้สำเร็จ…
.
แต่แม่งไม่ใช่!
.
“กึก!!!”
ติดขนัด! นิ้วมือชนเข้ากับขอบวัสดุที่งอกเสริมออกมา มันปิดกั้นช่องว่างที่ควรจะมีเอาไว้ ทำให้แพรวสอดนิ้วเข้าไปได้แค่ไม่กี่มิลลิเมตร
.
“บะ..บ่าน่ะ!”
“อะไรกัน!? ทำไมถึงแหย่เข้าไปลึกกว่านี้ไม่ได้ล่ะ”
.
ตกใจจนต้องดึงนิ้วออกมาสะบัดรุนแรง สีหน้าแพรวดูไม่ดีแล้ว วินาทีที่เธอก้มมองดูเพื่อนผ่านส่วนหน้าของหน้ากาก กลับพบแต่คราบเลือดสีแดงฉาน ที่กระเซ็นซ่านเปรอะจนมองไม่เห็นว่าคนข้างในเป็นยังไงบ้างแล้ว
.
แขนพีพาดห้อยต่องแต่ง ขาเขาหยุดดิ้นทุรนทุราย ไม่ได้ยินแม้แต่เสียงครือครางขอความช่วยเหลือ ไม่มีแม้แต่การกระเพื่อมของทรวงอกที่บ่งบอกถึงการยังคงหายใจ…
.
นั่นจึงหมายความว่า…
.
“พี!!!”
“อีพี!!!!”
“เฮ๊ย!!! ไม่เอาสิ!! อย่าทำแบบนี้เพื่อน!!! มึงจะมาตายอย่างหมาข้างถนนแบบนี้ได้ไง!!!”
“มึงคือซุปเปอร์โมเดลไม่ใช่หรอ?!”
“ไหนมึงบอกมึงจะไประดับโลกไง!!!”
“อีพี!!!!”
“อีพี!!!!!!”
“พี!!! , พี!!!! , พี!!!! "
“ม่ายยยยยยยยย!!!!! , กรี๊ดดดดดดดดดดดด!!!!”
.
น้ำตาแตกเป็นสายโลหิต แพรวแผดร้องเจียนจะขาดใจตาย เธอทั้งทุบทั้งตีทั้งเขย่าร่างหนาของเพื่อนด้วยเรียวแรงที่เหลือทั้งหมด ต่อด้วยการซุกหน้าลงไปอิงแอบกับแผ่นกระจกกั้นที่กักกันเธอออกจากเพื่อนและเลือดของเขา หยาดน้ำตาย้อยเป็นทาง มันเปรอะเปื้อนเลอะเทอะจนใครเห็นเข้าก็อดเวทนาสงสารไม่ได้ ทำทุกอย่างแล้ว ทำทุกทางแล้ว แต่ก็ไม่มีวี่แววที่พีจะได้สติกลับคืนมาเลย
.
ทุกอย่างมันเกิดขึ้นปุบปับ จากแพรวที่โกรธแค้นเปรมกับมิวท์มาก มาบัดนี้โชคชะตากับเล่นตลกใส่เธอด้วยการพรากเพื่อนที่สนิทที่สุดไปแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย พีจากไปแบบคลุมครือ การตายของเขาโคตรจะเป็นปริศนา แต่ก็มิวายทิ้งเบาะแสไว้ให้! ว่าไอ้หน้ากากครอบแก้วจากบริษัท AP ที่เขาใส่นั่นแหละคือตัวแปรสำคัญ! ไม่มีมันพีก็ไม่ตาย! นีjคือข้อเท็จจริงเดียวที่เรามีในตอนนี้
.
“วี้หว่อ! …..วี้หว่อ! …..วี้หว่อ! … วี้หว่อ! …..วี้หว่อ! …..วี้หว่อ! …..!”
“วี้หว่อ! …..วี้หว่อ! …..วี้หว่อ! … วี้หว่อ! …..วี้หว่อ! …..วี้หว่อ! …..!”
.
ช็อคจนไม่รู้สติ! แพรวจิตหลุดไปแล้วเป็นที่เรียบร้อย! ตัวชาหน้าชาก้นจ่ำเบ้าจนไม่รู้ว่าทีมแพทย์กับทีมเปลแล้วก็รถพยาบาลได้ลงสู่พื้นที่แล้ว บรรดาไทยมุงต่างพากันโบกมือเพื่อส่งสัญญาณว่ามีผู้ป่วยอยู่ตรงนี้ แล้วก็เป็นโชคดีของแพรวที่ได้ลุงพลเมืองดีคนเดิมเป็นคนลากตัวเธอออกมาจากบริเวณ พร้อมกับหาหน้ากากใหม่มาให้
.
“หมอครับ…ตรงนี้อีกหนึ่งครับ นังหนูนี่ไม่มีหน้ากาก!”
แกว่า
.
สุดท้ายก็เลยกลายเป็นแกซะเองที่แม้จะช่วยพีไม่ได้ แต่ก็ได้ช่วยแพรวเอาไว้แบบไม่ได้ตั้งใจ ร่างบางโดนหิ้วปีกออกมาวางลงตรงที่ว่างข้างๆ ริมถนน ตาแพรวแข็งเป็นหิน! ดวงตาดำทะมึน! หลุดลอยราวกับถูกกระชากวิญญาณออกไปสู่ยมโลก! กระทั่งวินาทีที่มีหน้ากากอันใหม่ครอบสวมลงมา และมีลมแก๊ซบริสุทธิ์เสริมเข้ามาให้แล้ว ปากเธอก็ยังทำได้แค่ฮึมฮำพรึมพรำในลำคอ…
.
“ม่ายยย… , ม่ายยย…. , ม่ายยย…. , อย่าเอาไป , อย่า… , อย่าเอาไป…”
“อย่าเอาพีไป , อย่าเอาพีไป , อย่าเอาพีไปนะ… , อย่าเอาไป…”
วนไปวนมาอยู่แค่นี้
.
เธอช่วยเพื่อนไม่ได้ และภาพสุดท้ายที่เห็นก็คือร่างอันแน่นิ่งของพีบนเปลสนาม ที่มีทีมแพทย์ในชุด PPE 4 คนหามขึ้นไปบนรถ
.
“อย่านะ…. ได้โปรดอย่าเอาพีไป…. อย่า!!!!!!”
.
“คร่อกกก!!!”
.
สลบไปทั้งน้ำตา ความเสียใจขั้นโคม่าบวกกับความช็อคอันบ้าคลั่ง ใครไม่เจอกับตัวเองก็คงไม่รู้สึก! แพรวบอบช้ำทางจิตใจอย่างรุนแรงจนหมดสติไปทั้งๆ อย่างงั้น! กว่าจะตื่นขึ้นอีกครั้งเรื่องราวก็คงดำเนินไปไกลแสนไกลจนตัวละครหลักอย่างเธอ อาจจะจับไม่ได้ไล่ไม่ทันแล้วก็ได้…