Your Wishlist

The Heir Vampire (รัชทายาทแห่งโลกแวมไพร์) (Rewrite) (15 ปะทะองครักษ์แห่งเซนต์คาดิลอร์ฟ (Rewrite))

Author: Sayyeon

" การกลับคืนสู่ฐานันดรของเจ้าชาย นำเขากลับมาเพื่อช่วงชิงตำแหน่งของรัชทายาทแห่งไครซิสต์ ดินแดนของแวมไพร์ผู้ที่ไม่ประสงค์ต่อการดื่มเลือดและได้รับพรจากพระเจ้า การต่อสู้ของผู้ที่ถูกเลือกได้เริ่มขึ้นแล้ว "

จำนวนตอน : N/A

15 ปะทะองครักษ์แห่งเซนต์คาดิลอร์ฟ (Rewrite)

  • 17/08/2564

The Heir Vampire (รัชทายาทแห่งโลกแวมไพร์)
ภาค 1 ศึกปะทะอัศวินแห่งความมืด

 

 

 

 

 

 

 

 

           ท่ามกลางวงล้อมของความคาดหวัง เหล่าเด็กหนุ่มสาวที่รวมตัวกันอยู่ในห้องนั้นต่างพากันยินยอมพร้อมใจที่จะทำภารกิจเสี่ยงอันตรายนี้ พราะนอกจากต้องทำก็คงไม่มีหนทางอื่นในการจะช่วยลอว์เรนซ์ได้อีกแล้ว แม้ว่าพวกเขาจะเป็นแค่เด็กปีหนึ่งที่พลังเวทย์อาจจะยังไม่สูงมากจนเกินวัยนัก แต่ตรงกันข้ามความกล้าบ้าบิ่นนี่ก็เรียกได้ว่า มีอยู่ในตัวทุกคนที่อยู่ตรงนี้ ความพิเศษและทักษะของแต่ละคนจะเป็นประโยชน์หากสามารถนำมันออกมาใช้ได้อย่างเต็มที่และไม่ลังเล ชิเรซึ่งถูกขนานนามไปโดยปริยายว่าเป็นมันส์สมองของทีม มองเห็นสิ่งนั้นได้นตัวตนของเพื่อนๆ นัยต์ตาสีม่วงพริ้มหลับลงอย่างเงียบๆเพื่อครุ่นคิดวิธีการ เขาไม่ต้องการให้ทุกคนเอาชีวิตไปทิ้งเปล่า หรือถ้าฝั่งผู้เฝ้าข่ายมนตร์อย่างพวกองครักษ์แห่งเซนต์คาดิลอร์ฟ ต่อให้ปราณีกันสักหน่อย ก็คงไม่พ้นการลงโทษอีกอยู่ดี

 

                 '' ผมขอจัดกลุ่มให้ตามความเหมาะสมนะครับ และที่สำคัญคือถ้าหลีกเลี่ยงการปะทะได้ มันจะเป็นผลดีกว่ามาก ถึงมันจะยากก็เถอะ ''

 

ชิเรลุกขึ้นไปหยิบหนังสือเล่มหนึ่งออกมาจากตู้เก็บของฝั่งเตียงตัวเอง พร้อมกับทำการเปิดหน้าที่แสดงภาพของแผนที่เอาไว้ มันเป็นลักษณะรูปร่างแผนที่ของเซนต์คาดิลอร์ฟ ตั้งแต่ช่วงโรงเรียนไปจนถึงอาณาบริเวณป่าต้องห้ามตามกฎที่โรงเรียนตั้งกฎว่าห้ามพวกเขาเข้าไปเด็ดขาด ซึ่งมองโดยภาพรวมแล้วผืนป่าแห่งนี้มีอาณาเขตที่กว้างใหญ่มาก และไม่อยากจะคิดเลยว่าภายในนั้นจะมีอันตรายรูปแบบใดบ้าง ยิ่งเป็นช่วงยามวิกาลแบบนี้แล้วความน่าสะพรึงกลัวที่คาดไม่ถึงกำลังก่อกวนให้จิตใจของทุกคนปั่นป่วน 

    

               '' เป็นแผนที่ที่ไม่ค่อยละเอียดสักเท่าไหร่เลยนะ ดูเหมือนจะไม่ได้ระบุพิกัดแน่ชัดมากนักว่าสิ่งที่เราตามหาน่าจะอยู่ตรงไหน แบบนี้มันจะไม่เป็นไรแน่เหรอ ''
ไอริสเอ่ยเรียบขณะที่สายตายังคงจดจ้องอยู่กับแผนที่จากหนังสือนั่น ซึ่งชิเรก็พยักหน้าตอบกลับเป็นเชิงว่าเขาเองก็เห็นด้วยกับเธอเช่นกัน แต่มันไม่มีแผที่อันอื่นที่ดีกว่านี้แล้ว 

  

                '' พวกเราต้องแยกย้ายกันไปครับ สิ่งของมีถึง 4 อย่างที่ต้องนำมา และแน่นอนว่าในจำนวนนี้ แม้จะบอกว่าควรหลีกเลี่ยง แต่ก็ต้องปะทะ เพราะในเงื่อนไขนั่นมีเลือดของผู้ใช้เวทย์น้ำแข็งและอัคคีอยู่ด้วย ''

 

                '' พูดง่ายๆก็คือ องครักษ์แห่งเซนต์คาดิลอร์ฟ ผู้ใช้เวทย์ 2 คนจะเป็นหนึ่งในเป้าหมายของเราคืนนี้สินะ ''

คำพูดของเธียร์ทำให้อลิสแอบหูผึ่งขึ้นมานิดหน่อย เพราะสิ่งที่เพื่อนๆกำลังพูดคุยกันนั้นส่อให้เธอรู้ว่าพวกเขากำลังอาจจะหมายถึงใคร แม้ในใจจะรู้สึกกังวลจนหนักอึ้ง แต่ในทางกลับกัน เธอก็ปล่อยให้เพื่อนคนหนึ่งที่หลับไหลอยู่ในห้องนี้ตายไปไม่ได้เช่นกัน จึงทำได้แค่เพียงรับฟังและเก็บซ่อนสีหน้าเศร้าของตนเอง

  

                '' องครักษ์แห่งเซนต์คาดิลอร์ฟมีด้วยกันถึง 21 คน เป็นเหล่านักเรียนจากแต่ละชั้นปี ที่ถูกคัดเลือกมาจากทางโรงเรียนด้วยระดับฝีมือที่เป็นอัจฉริยะและไม่ธรรมดา และในแต่ละคืนพวกเขาจะแบ่งเขตการรับผิดชอบของตนเองร่วมกับพวกสภานักเรียน การเฝ้าเขตข่ายมนตร์นี้คืนนึงจะมีพวกองครักษ์ที่เฝ้าประจำทิศทั้ง 8  ทิศละหนึ่งคน เราจำเป็นต้องหาเป้าหมายทั้งสองคนนั้นเป็นอันดับแรกก่อน ''

 

ไอริสอธิบายคร่าวๆ ด้วยความที่มีตำแหน่งหัวหน้าห้องเธอจึงต้องทำการศึกษาเรื่องราวภายในโรงเรียน ห้องเรียนและอย่างอื่นแบบจิปาถะเอาไว้ด้วย 

    

               '' ในจำนวนนั้นคงจะมีบ้างแหละ นักเรียนที่ใช้เวทย์สายน้ำแข็งและอัคคีน่ะ ''

  

               '' มีสิครับ นายก็เคยเจอพวกเขามาแล้วนี่นา ''

 

ชิเรหันไปทางเธียร์ที่ดูจะกำลังพยายามนึกคิด ทบทวนความทรงจำภายในหัว และดูเหมือนว่าเจ้าตัวก็เริ่มถึงบางอ้อแล้วในที่สุด แต่สีหน้าของเธียร์กลับดูไม่สู้ดีนักแม้ว่าเขาจะนึกมันออก
  

               '' นายคงไม่ได้หมายถึงเจ้าชายจีเนียสกับเจ้าชายเอ็ดเวิร์ดหรอกใช่ไหม ? ''

 

               '' ผมเองก็อยากตอบว่าไม่ใช่เหมือนกันครับ แต่มันก็จะเป็นการโกหก ''

  

 นัยต์ตาสีเขียวของเด็กสาวปราดมองไปรอบกายซึ่งปกคลุมไปด้วยความมืดมิดอย่างระแวดระวัง ขณะที่มือเล็กๆทั้งสองข้างพาดไหล่เข้าไปคล้องคอเด็กหนุ่มนักรบตะวันออกหน้าตีที่บัดนี้กำลังมีสีหน้าไม่ค่อยสบอารมณ์เท่าไหร่นัก เมื่อร่างอันปราดเปรียวกระโดดผลุงแว่บไปตามเส้นทางในป่าด้วยวิถีแห่งแวมไพร์โดยที่มีเธอถูกแพ็คติดหลังเขาไปด้วยอย่างช่วยไม่ได้ เพราะการแบ่งกลุ่มที่ชิเรได้ทำการไตร่ตรองมาแล้ว เธอและพ่อหนุ่มนักรบตะวันออกหรือไซม่อนเลยต้องมาอยู่ทีมเดียวกัน สิ่งที่ทั้งสองได้รับมอบหมายคือการมาทางทิศใต้ เพื่อค้นหาธารน้ำเปลี่ยนโชคชะตาแห่งกอนดอร์ ซึ่งทางไอริสได้ทำการลักลอบเข้าไปดูตารางการประจำการพื้นที่ของเหล่าองครักษ์ในคืนนี้มา พบว่า เจ้าชายผู้เป็นเป้าหมายทั้งสองประจำการอยู่ทางทิศตะวันออกและทิศเหนือ ทั้งคู่จึงต้องมาในทางที่ตรงข้าม เพื่อหาช่องทางในการเจาะข่ายมนตร์ให้ได้ โดยชิเรระบุว่าถึงแม้จะเป็นข่ายมนตร์ก็ตาม แต่ทุกระดับก็จะมีจุดบอดที่สามารถทะลวงออกได้อยู่

 

ไซม่อนและบรินส์ เจ้าหญิงแห่งไอริณที่ยื่นคำขาดมาขอตามมาด้วย ถึงแม้ทุกคนจะปฏิเสธกันหัวชนฝา แต่เธอก็เอาแต่โทษตัวเองว่าเป็นต้นเหตุให้ลอว์เรนซ์จมอยู่ในสภาพนี้ ทำให้ท้ายที่สุดก็ต้องมาลงเอยด้วยการยกโขยงกันมาแบบนี้นั่นเอง

 

วู้ม

เสียงของพลังงานเวทย์ที่ไหลเวียนไปมาอยู่ในข่ายมนตร์กำลังทำงานเป็นอย่างดี ไซม่อนมองจนมั่นใจแล้วว่าบริเวณนี้เป็นจุดอับสายตาที่ไม่น่าจะมีใครมารบกวนได้สักระยะ เขาให้บรินส์หลบซ่อนตัวอยู่บนต้นไม้ก่อนที่จะกระโดดตุ้บลงมาที่ชะง่อนหิน ตรงนี้มีจุดที่เหมือนว่าข่ายมนตร์จะเคลื่อนไหวล่าช้าผิดปกติ นี่คงจะเป็นจุดบอดที่ชิเรพูดถึง ว่าในโลกนี้ไม่มีอะไรมบูรณ์แบบ ทุกสิ่งทุกอย่างย่อมมีจุดแข็งและจุดอ่อนในตัวของมัน 

 

                 '' ฉันเจอแล้วล่ะเจ้าหญิง ลงมาช่วยกันจัดการตรงนี้กันเถอะ''

 

บรินส์ไม่รอช้า เธอทำการสปริงตัวลงมาอย่างรวดเร็ว อาการบาดเจ็บของเธอไม่ได้ถึงกับหายดี แต่มันก็ไม่ได้ย่ำแย่จนเคลื่อนไหวไม่สะดวก นัยต์ตาสีเขียวมองผ่านหน้ากากสีดำอำพรางซึ่งทั้งเธอและเหล่าลูกทีมที่มีชิเรเป็นแกนนำต่างก็สวมใส่กันทุกคน หน้ากากนี้เป็นเวทย์อำพรางที่เด็กสาวใช้จากศาสตราในร่างของเธอ พลังเวทย์จากหน้ากากแห่งชีวิต สิ่งนี้จะปกปิดอำพรางทั้งใบหน้า น้ำเสียงของพวกเขา ถ้าหากมีการต่อสู้เกิดขึ้น ทางโรงเรียนจะได้ไม่สามารถตามรอยพวกเขาได้ นอกจากนี้ไอริสยังได้มอบต่างหูชนิดพิเศษที่บรรดานักรบสาวจากซานเดรียชอบใช้กันเป็นประจำให้แก่เพื่อนๆทุกคน วิธีใช้ก็คือแค่ติดไว้ที่ใบหู มันจะเป็นเสมือนโทรศัพท์ไร้สายไว้ใช้ติดต่อสื่อสารกันในระยะไกลได้ เผื่อไว้เมื่อมีเหตุฉุกเฉินเกิดขึ้น นั่นก็เป็นปจจัยหลักสำคัญที่พอจะทำให้พวกเขาเริ่มใจชื้นขึ้นมาบ้าง

  

                '' นี่นายไม่พอใจอะไรงั้นเหรอ ถึงจะใส่หน้ากากนั่นอยู่ก็เถอะ แต่นายดูบึ้งตังกับฉันชะมัด ''

 

เด็กสาวค้อนขวับอย่างไม่ค่อยพึงพอใจนัก เธอรู้สึกว่าพอมาอยู่กับนายนักรบคนนี้ เขาดูตึงเครียดและแทบจะไม่พูดไม่จากับเธอเลย ทั้งที่มาด้วยกันก็กลับไม่ยินยอมให้เธอเคลื่อนไหวเองโดยอ้างว่า ให้ขึ้นหลังฉันซะ เพราะฉันเร็วกว่าเธอ เราต้องทำเวลา อะไรทำนองนี้ มันทำให้บรินส์รู้สึกหงุดหงิดนิดหน่อย 

 

                '' อ่า...ฉันคงดูไม่ค่อยเป็นมิตรสำหรับเธอมากสินะ ''
  

                '' โกรธที่ฉันทำให้เพื่อนนายเป็นอย่างนั้นรึไง นายเองก็ดูร้อนรนเรื่องหมอนั่นไม่ต่างจากชิเรเลยนี่ ''

 

               '' หมอนั่นเป็นเพื่อนคนแรกของฉัน ที่ใจดีจนน่าหงุดหงิด รู้อะไรไหม ฉันไม่เคยได้รับของขวัญวันเกิดจากคนอื่นที่ไม่ใช่ครอบครัว เพราะฉันไม่เคยมีเพื่อนเลยสักคน น่าแปลกที่หมอนั่นมันแตกต่าง อ้อ แล้วฉันก็ไม่ได้โกรธเธอหรอกนะ แค่ทำตัวไม่ถูก ปกติเวลาออกภาคสนาม ฉันเคยชินกับการที่ตัวคนเดียว  ''

 

นัยต์ตาสีส้มของไซม่อนเริ่มหันกลับมาจดจ่ออยู่กับข่ายมนตร์ และหลับตาลงเผื่อสัมผัสหาจุดเชื่อมต่อที่ดูอ่อนแอมากที่สุด ขณะที่เด็กสาวเหมือนจะเริ่มมองเห็นความนึกคิดของเขาขึ้นมาบ้าง ว่าแท้จริงบางครั้งภาพลักษณ์ที่น่ากลัวและไม่เป็นมิตร แท้จริงแล้วนายคนนี้ซ่อนความอ่อนโยนและอ่อนไหวไว้แค่ไหน ดูเหมือนเธอจะเข้าใจเขาผิดไปอย่างจัง

  

                '' ความเหงานั้นฉันเข้าใจดี ตั้งแต่เด็กนอกจากลอว์เรนซ์ฉันก็ไม่มีเพื่อนเลยสักคน ''

  

                '' เธอเป็นถึงราชนิกูลสูงศักดิ์เลยนะ ไม่เคยออกงานสังคมหรือไปเที่ยวประเทศอื่นบ้างรึไง เธอไม่ได้เหมือนไลเคนอย่างฉันสักหน่อย ''

 

                '' พูดอะไรอย่างนั้น จะชนชั้นไหนทุกคนก็มีความลำบากใจเป็นของตัวเองกันทั้งนั้นนั่นแหละ นายนี่เป็นเด็กน้อยหรือไง อย่ามาพูดเหมือนแวมไพร์ทุกคนจะต้องเกลียดสิ่งที่นายเป็นสิ ฉันคนนึงล่ะ ที่ไม่ใช่คนอคติแบบนั้น ''

คำพูดประโยคนั้นของเด็กสาวเล่นเอาหัวใจของนักรบตะวันออกอย่างเขาเต้นร่ำอย่างไม่เป็นจังหวะ มันเป็นแค่คำบอกเล่าธรรมดาจากเด็กสาวที่พึ่งพบกันเพียงไม่กี่ชั่วโมง แต่นั่นมันก็ดีจนเขาแทบจะเก็บสีหน้าไว้ไม่อยู่ ถ้าไม่ติดว่ามีหน้ากากนี่ปกปิดไว้ล่ะก็ บรินส์คงจะได้เห็นใบหน้าที่ร้อนผ่าวของอีกฝ่ายเป็นแน่ เพราะคำชมและปลอบโยนแบบนี้ ไซม่อนไม่เคได้รับจากเด็กสาวที่ไหนมาก่อนเลย

  

                 '' ฉันหาจุดเชื่อมที่ดูจะอ่อนที่สุดเจอแล้ว มาเริ่มการประสานพลังกันเถอะ ''

 

                 '' อื้ม มาเลย ฉันพร้อมแล้ว ''

 

ทั้งคู่เริ่มหลับตาลงพร้อมกับร่ายเวทย์แห่งการลบล้างและทำลายในขั้นต้น ที่เด็กปี 1 พอจะทำได้ขึ้นมา แม้ในบทเรียนจะมีบอกไว้ แต่การประสานพลังทั้งสองนี้ก็จะกินพลังงานผู้ใช้มากพอสมควร พวกเขาจะมีโอกาสเจาะข่ายมนตร์ได้ในระดับที่แค่ร่างกายลอดผ่านไปได้เท่านั้น ไม่สามารถที่จะทลายได้ในวงกว้าง แต่ในระหว่างที่การร่ายเวทย์กังจะเริ่มสัมฤทธิ์ผล เสียงของมีคมบางอย่างที่แหวกผ่านอากาศเข้ามาทางพวกเขาก็ปลุกสัญชาตญาณนักรบของไซม่อนขึ้นมาได้อย่างทันท่วงที วินาทีที่มีดเล่มนั้นกำลังพุ่งตรงมาใกล้กับใบหน้าของบรินส์ ไซม่อนไม่อาจที่จะผลักไสเธอให้หลบพ้นทางของมันได้ มือขวาของเขาจึงต้องหยุดร่ายเวทย์และพุ่งไปหยุดมีดนั่นแทน เสียงฉึกของใบมีดที่ปักเข้ายังมือขวานั้นดังจนบรินส์ร้องด้วยความตกใจ ของเหลวสีแดงทะลักออกมาจากบาดแผลนั้นไม่ยอมหยุด ความปวดแสบปวดร้อนที่เกิดจากมันก็ตามมาด้วย ไซม่อนได้แต่เก็บงำความเจ็บปวดไว้ พร้อมกับนัยต์ตาสีส้มที่เริ่มคุกรุ่นด้วยความโกรธ ปราดมองไปยังบุคคลปริศนาที่กล้าปามีดมาใส่เขาและเธอในทันที

    

                  '' รู้ใช่ไหมว่า เด็กที่ทำผิดกฎโรงเรียนจะต้องถูกสั่งสอนยังไง ''

 

ร่างสูงของหนึ่งในองครักษ์แห่งเซนต์คาดิลอร์ฟปรากฎกายขึ้นพร้อมรอยยิ้ม ผมสีเงินบวกกับนัยต์ตาสีน้ำเงินเข้มคู่สวยที่ทั้งมีสเน่ห์ ทรงอำนาจและเยือกเย็น กำลังมองมาทางพวกเขาด้วยความดูถูกดูแคลนและเหยียดหยาม รอยยิ้มมุมปากปรากฎขึ้นที่ใบหน้าของบุรุษหนุ่มคนนั้น ที่มีพระนามว่า เจ้าชายจีเนียส ฮิลเลอร์รี่ ไพน์เออเนียร์ นี่มันเป็นไปได้ยังไงกัน 


อีกฝั่งของป่าทางด้านทิศเหนือ สองหนุ่มหล่อแห่งแคมป์รอนเดลกำลังพุ่งตัวผ่านแนวไม้ไปตามทิศทางมุ่งหน้าสู่จุดเชื่อมต่อของข่ายมนต์อย่างมุ่งมั่น นัยต์ตาสีแดงอ่อนของเธียร์ปราดมองไปรอบๆอย่างสังเกต พลันได้ยินเสียงที่ส่งผ่านห้วงจิตเข้ามา ต้นไม้ใบหญ้าต่างพากันโอนเอนไปมาให้ความรู้สึกแปลกใจกับการมาของพวกเขา และดูเหมือนว่าเธียร์จะเข้าใจภาษาของต้นไม้เหล่านั้นเป็นอย่างดี ในตอนนี้ทั้งเธียร์และชิเรพร้อมที่จะเข้าปะทะกับองครักษ์แห่งเซนต์คาดิลอร์ฟอีกคนที่ไอริสบอกว่าอยู่ทางทิศนี้ ขณะที่ทางด้านของอิวานนั้น ไม่มีใครไปด้วย เขาจำต้องไปคนเดียว ในส่วนนี้ชิเรก็เชื่อมั่นในตัวอิวาน เพราะเขาเป็นถึงบุตรชายของนักมายาลชื่อดัง การรักษาสีหน้า ลองเชิงและประเมินสถานการณ์ พลิกวิกฤติให้กลายเป็นโอกาส ชิเรมองเห็นสิ่งนี้ในตัวเขาและในส่วนของสองสาวอย่างไอริสและอลิสถูกชิเรขอร้องว่าควรอยู่ดูแลลอว์เรนซ์มากกว่า และถ้าเกิดมีอะไรฉุกเฉินขึ้นมา ไอริสคงจะเป็นผู้ที่รับหน้าได้ดีที่สุด 

    

             '..ท่านเธียร์..ทำไมถึงได้เข้ามาเยือนป่าของเราในยามวิกาลเช่นนี้..'

 

น้ำเสียงที่แฝงไปด้วยความสงสัยแกมห่วงใย นัยต์ตาสีแดงอ่อนของเธียร์หรี่ลงเล็กน้อยก่อนที่จะส่งจิตตอบคำถามของเจ้าของเสียงที่มีเพียงแค่เขาได้ยินอยู่คนเดียว เพราะเพื่อนอีกคนนั่นคงไม่มีพื้นฐานทางด้านภาษาป่าเช่นเขาเป็นแน่

  

             '...ฉันมีความจำเป็นที่จะต้องมาหาส่วนผสมยาเพื่อรักษาเพื่อน..ดังนั้น ถ้าหากมีอันตรายอะไรก็ตามแอบแฝงอยู่ ขอความกรุณาพวกคุณช่วยเหลือพวกเราแม้สักนิดก็ยังดี...'

 

ไม่มีเสียงตอบรับใดๆเข้ามาอีก..แต่การที่มีสายลมพัดผ่านร่างและปฏิกิริยาที่รู้ๆกันอยู่นั้นก็พอจะทำให้เธียร์สามารถเข้าใจอะไรได้ในทันที กลิ่นอายของพลังเวทย์จากข่ายมนต์เริ่มพุ่งเข้ามาแตะจมูกมากขึ้นทุกขณะที่เคลื่อนไหว คงอีกไม่กี่นาทีข้างหน้าที่พวกเขาจะได้พบกับอันตรายของจริง...แต่ทว่า แม้ว่าจะมาลองปักหลักดูพื้นที่แถบนี้จนแทบจะทั่วแล้ว กลับไม่มีทีท่าว่าทั้งคู่จะพบเป้าหมายที่ว่าเลย ไม่ว่าจะเป็นเจ้าชายเอ็ดเวิร์ดหรือเจ้าชายจีเนียส 

    

               '..หืม?'

 

ชิเรและเธียร์เข้ามาหลบซ่อนที่พุ่มไม้ใหญ่ซึ่งแม้ว่าจะห่างไกลจากจุดที่มีองครักษ์คนหนึ่งอยู่ตรงนั้น แต่สิ่งที่พวกเขาสังเกตได้อย่างชัดเจนก็คือ ที่ทิศเหนือนี้ ไม่มีเงาของเจ้าชายจีเนียสและเอ็ดเวิร์ดซึ่งเป็นเป้าหมาย แต่กลับเป็นรุ่นพี่คนอื่นประจำการณ์อยู่แทน นี่มันยังไงกัน หรือสิ่งที่พวกเขาคิดกำลังจะผิดพลาดไปกันใหญ่แล้ว

  

                  ' นี่! พวกนายได้ยินฉันไหม แย่แล้วที่ป่าด้านทิศใต้มีคนชื่อจีเนียสอยู่ พวกเราโดนตารางนั่นหลอกเอาซะแล้ว! '

 

เสียงร้องของไซม่อนและบรินส์ดังมาผ่านต่างหูติดต่อของพวกเขา นัยต์ตาสีม่วงของชิเรเต็มไปด้วยความตกใจและกังวล เขาไม่นึกเลยว่าตำแหน่งของเหล่าองครักษ์ที่อยู่ในห้องนั้นจะเป็นของปลอม เพราะพวกเขาทั้ง 8 คนต่างสลับทิศทางกันเพื่อไม่ให้ตรงกับสิ่งนั้นตามที่ระบุไว้ บ้าจริง!

  

                   '' ทำยังไงดีล่ะชิเร ถ้ารุ่นพี่จีเนียสเกิดรู้ว่ามีบรินส์มาเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ ต้องแย่แน่ๆ เราต้องรีบทำอะไรสักอย่างแล้วนะ ''

 

สีหน้าของเธียร์บ่งบอกถึงความร้อนรนและเป็นห่วงเพื่อน แต่ชิเรก็ต้องพยายามใจเย็นลงเพื่อหาวิธีแก้ไขสถานการณ์ ในฐานะที่ทุกคนไว้วางใจเขา ไม่ว่าจะเรื่องอะไรก็ต้องพาทุกคนผ่านมันไปให้ได้ เด็กหนุ่มยกมือห้ามปรามเธียร์ เป็นเชิงว่าขอเวลาคิดสักหน่อย ก่อนที่เจ้าตัวจะตัดสินใจพูดออกมาว่า

  

                   '' ผมจะมุ่งหน้าไปทางทิศเหนือเองเพื่อช่วยพวกเขา ระหว่างนั้นนายต้องไปหาอย่างอื่นนั่นคือ เศษเสี้ยวหัวใจของราชาแห่งพงไพรและใบเคลมจากต้นไม้วิเศษ ส่วนอิวานผมจะติดต่อให้เขาหาตัวเจ้าชายเอ็ดเวิร์ดเอง ''
  

                  '' แต่ว่านะอิวานแค่คนเดียว คงต้านเขาไม่อยู่หรอกชิเร ''

 

                  '' ไหวสิ เราไม่จำเป็นต้องชนะสักหน่อย แค่ตรึงกำลังเขาเอาไว้ให้ได้นานที่สุดก็พอใช่ไหมล่ะ...''

 

อิวานซึ่งได้ยินการสนทนาระหว่างสองหนุ่มพูดสายขึ้นมาในทันที ตอนนี้เขากำลังมุ่งหน้าไปทางทิศตะวันตก และดูเหมือนว่า สิ่งที่อิวานกำลังค้นหา อยู่ไม่ไกลจากเขาเท่าไหร่นัก ร่างสูงของบุรุษหนุ่มผมสีดำสนิท เพียงแค่มองเห็นด้านหลังเท่านั้นก็กลับแผ่รัศมีของความน่ากลัวออกมาอย่างเด่นชัด อิวานหยุดการเคลื่อนไหวและรักษาระยะห่างอยู่บนต้นไม้สูงเพื่อเฝ้าดูสถานการณ์

    

                  '' เหมือนว่าฉันจะเจอตัวเป้าหมายแล้ว...''

    

               '' งั้นเหรอ พอดีเลย ฉันก็มีอะไรสนุกๆให้ทำแล้วสินะคืนนี้ '' 

 

น้ำเสียงของบุคคลผู้ไม่คุ้นหูดังขึ้นที่ด้านหลังของอิวาน ซึ่งเขาไม่รู้ตัวเลยว่าอันตรายจากบุคคลผู้เป็นเป้าหมายของเขานั้นพุ่งเข้ามา แถมอยู่ตรงนี้ตั้งเมื่อไหร่ ร่างสูงของเจ้าชายจากมอริสพุ่งเข้ามาพร้อมดาบซึ่งเป็นศาสตราประจำตัวของเขาอย่างรวดเร็ว ร่างของหนุ่มน้อยนักมายากลถูกของมีคมนั่นแทงจากด้านหลัง เลือดสดๆเข้มข้นทะลักออกมาจากบาดแผลฉกรรจ์ที่ดูท่าจะสาหัสเอาการเพราะไม่ทันได้ป้องกันตัว ขณะที่เสียงของสองหนุ่มที่อยู่อีกด้านก็ดังมาไม่ขาดสายเพราะรับรู้ได้ในทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น

  

                     '' รู้อะไรไหม เด็กๆที่มาเล่นซนแล้วถูกแทงจากข้างหลังน่ะมันเจ็บกว่าหลายสิบเท่าเลยนะ นี่แหละผลตอบแทนของการเป็นเด็กนิสัยไม่ดี...''

 

                     '' อ่า แล้วคุณรู้อะไรไหมครับ ว่าบางครั้งภาพตรงหน้ามันก็คือมายา ไม่ใช่ความเป็นจริง''

  

                   '' เห...ร้ายจริงๆนะ''

 

นัยต์ตาสีเฮเซลของบุรษหนุ่มชั้นปี 3 แห่งแคมป์รอนเดล หนึ่งในว่าที่รัชทายาทแห่งไครซิสต์ พระนามว่าเจ้าชายเอ็ดเวิร์ด ซิลเวสเทอร์ ควินซ์ กำลังปรายตามองร่างเงาแห่งมายาที่เขาพึ่งได้ใช้ดาบแทงไปเมื่อครู่ แต่แท้จริงแล้วร่างจริงของเด็กหนุ่มกลับยังไม่ได้เป็นอะไรเลยแม้แต่นิด รอยยิ้มที่มุมปากอันแสนเจ้าเล่ห์และคาดเดาได้ยากนั้นดูจะนึกสนุกและพึงพอใจอยู่ไม่น้อย เพราะไม่ได้มีแค่เขาที่รวดเร็วและพร้อมสำหรับการต่อสู้ แต่อีกฝ่ายซึ่งถึงแม้เขาจะยังไม่รู้ว่าเป็นใครเพราะมีทั้งผ้าคลุม หน้ากากอำพรางตัวกับเสียง นับว่าพวกนี้เตรียมการมาอย่างดีพอสมควร ดังนั้นก็สมควรแล้วกับการมาเพื่อให้เขาคนนี้ได้คลายความเบื่อหน่าย

 

                    '' ไม่นึกว่าจะมีคนที่ใจกล้า คิดจะอาจหาญข้ามผ่านข่ายมนตร์นี้ออกไป แกเป็นแค่เด็กที่คิดมาลองของกันรึไง ฟังจากเมื่อกี้ก็ดูเหมือนจะมีพรรคพวกอีกสินะ ''

  

                   '' แค่นี้ก่อนนะพวกนาย ด้านนี้ฉันจะรับมือเอง ฝากที่เหลือด้วยนะ...''

 

อิวานทำการตัดการติดต่อจากเพื่อนๆออกไป เขาทั้งเชื่อมั่นว่าทุกคนจะทำได้และอยากตั้งสมาธิกับการรับมือกับคนตรงหน้าที่ดูเหมือนรอจะฟาดฟันเขาเสียเต็มแก่แล้ว นัยต์ตาสีเฮเซลคู่นั้นยังคงน่าดึงดูดและซ่อนเร้นซึ่งอันตราย ดาบในมือของเขากระชับมั่น ก่อนที่การร่ายเวทย์แห่งอัคคีอันเป็นธาตุที่เขาถนัดจะเริ่มขึ้น

  

                  '' สำแดงฤทธิ์ของเทพให้เป็นที่ประจักษ์ ด้วยเพลิงแห่งความพิโรจน์นี้ซะ....อีเดน ''

 

ขณะที่หนุ่มน้อยนักมายากลเองก็ไม่รอช้า การร่ายเวทย์ของเขาเริ่มต้นขึ้นมาในทันที ออร่าของเวทย์สีขาวอมชมพูปรากฎเป็นไอคลุ้งขึ้นมาพร้อมกับมือสองข้างที่สวมถุงมือสีขาวและศาสตราประจำตัวนั่นคือ 'หมวกสีดำทรงสูงของนักมายากล' อันจะชักนำพลังของเวทย์มนตร์และศาสตร์มายาแห่งการลวงตาของมนุษย์มาไว้ด้วยกัน

  

                  '' ไลเกอร์ ช่วยเป็นพลังให้ฉันด้วย''


  

   ป่าทางด้านทิศใต้ตอนนี้ก็ดูย่ำแย่ไม่แพ้กัน จากจุดที่บรินส์และไซม่อนอยู่นั้นไกลจากทุกคนมาก กว่าชิเรจะตามมาถึงก็ไม่อาจรู้ได้ว่าพวกเขาจะยังรอดอยู่หรือไม่ ไวม่อนต้องพยายามปกป้องบรินส์อย่างเต็มที่ เพราะเขารู้ดีว่าถ้าจีเนียสรับรู้ขึ้นมาว่าเธอเป็นใครมันจะแก้ไขอะไรไม่ได้อีกเลย นัยต์ตาสีส้มของเขาจ้องมองจีเนียสอย่างนิ่งงัน บุรุษผู้นี้มีรัศมีของความอันตรายที่พวยพุ่งอยู่ตลอด เป็นบุคคลที่เขาไม่ควรประมือด้วยในยามนี้เลย 

 

                    '' ให้ปลอดภัยอยู่ภายใต้กฎระเบียบมันทำยากเย็นนักหรือไง ไอ่พวกเด็กเมื่อวานซืน ถึงรนหาที่ตายกันขนาดนี้ ''

    

                   '' ไซม่อนเราจะทำยังไงกันดี กว่าชิเรจะมาถึงนี่ ฉันกลัว ''

 

เจ้าหญิงแห่งไอริณถูกดันเข้ามาให้หลบอยู่หลังร่างของบุรุษนักรบตะวันออก ไม่แปลกเลยที่เธอจะกลัว เพราะหมอนี่ดูแล้วคงไม่ปล่อยเหยื่อให้หลุดรอดไปในสภาพสมบูรณ์แน่ แต่ยิ่งกว่ากว่าความกลัวก็คือความลับเรื่องของเธอจะแตกซะก่อน เด้กสาวได้แต่กัดฟันกรอด เธออยากร่วมสู้ด้วยแต่ก็ทำได้ยากยิ่ง พลังของศาสตราที่อยู่ในร่างกายนี้มันจะทำให้หมอนั่นรู้สึกตัวได้ 

 

                    '' อย่าพึ่งกังวลเกินเหตุไปหน่อยเลยน่า เธอหนีไปจากที่นี่ซะ ไปสมทบกับชิเรระหว่างทาง แล้วหาทางจัดการข่ายมนตร์ระหว่างที่ฉันล่อหมอนี่ไว้ ''

                    '' ตะ...แต่ว่า ''

 

                   '' ไม่มีแต่ ถ้าหากฉันแพ้แล้วเธอถูกจับได้อีกคน มันจะสูญเปล่าทั้งหมด ไปซะ รีบไปเร็วเข้า! ''

  

                   '' เห้ย...สั่งเสียกันพอรึยัง ฉันรอจนเบื่อแล้ว ''

 

ดาบคู่ใจปรากฎบนมือขวาของเจ้าชายรูปงามแห่งมอลเดเวียร์ รังสีแห่งการเขนฆ่าพวยพุ่งรุนแรงอย่างอำมหิต นัยต์ตาสีน้ำเงินเข้มคู่นั้นคาดเดาได้ยากและที่แน่ๆคือไร้วี่แววแห่งความปราณีใดๆ บรินส์ค่อยๆก้าวถอยออกไป ก่อนที่พุดประโยคหนึ่งกับไซม่อน

 

                    '' นายต้องรอดกลับมานะ ''

  

                   '' ไม่ต้องห่วงฉันหรอก เธอห่วงตัวเองก่อนเถอะเจ้าหญิง ''

 

คำตอบกลับที่เล่นเอาคนเป็นเจ้าหญิงถึงกับต้องแอบทำหน้ายู่อยู่ภายใต้หน้ากาก ประมาณว่าหมอนี่มันอวดดีจริงๆ คนเขาอุตส่าห์บอกเพราะเป็นห่วง แต่ดูเหมือนไซม่อนจะพอเข้าใจได้ว่าเธอคิดอะไรอยู่ เพื่อไม่ให้สาวเจ้าเล่นบทงอนมากมายนัก เขาจึงต้องรีบพูดประโยคที่คิดในใจออกมาให้เธอรับรู้

  

                  '' สัญญาน่า ว่าฉันจะไม่ตายง่ายๆหรอกและจะไม่ถูกจับอยู่ที่นี่ด้วย ฉันรับบัญชาแล้วนะเจ้าหญิง ''

 

รอยยิ้มน้อยๆแห่งความสุขเล็กๆปรากฎขึ้นที่มุมปากโดยที่เธอไม่ทันรู้ตัว ก่อนที่เด็กสาวจะตัดสินใจแว่บหายออกไปจากพื้นที่อันตรายนั้นตามคำขอของไซม่อน ขณะที่จีเนียสผู้มองดูเหตุการณ์อยู่นั้น ก็ไม่หวังปล่อยให้เหยื่อที่เล็งไว้รอดไปได้ ร่างสูงของเขาพุ่งตัวเข้ามาด้วยความรวดเร็วหมายจะขัดขวางเด็กสาวเอาไว้ แต่ทว่าดาบสั้นคู่ของไซม่อนซึ่งเป็นศาสตราที่แท้จริงของเขาก็ปรากฎออกมาและขวางดาบของจีเนียสเอาไว้ได้ทัน เสียงโลหะกระทบกันดังสนั่น เปิดโอกาสให้บรินส์สามารถหลบหนีไปได้อย่างหวุดหวิด เรียกสายตาอันดาลเดือลจากจีเนียสให้รู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาผิดวิสัย เพราะเขาดันปล่อยให้เหยื่อที่เข้ามาถึงปากเสือหลุดรอดไปได้ เห็นทีว่าต้องรีบจัดการเจ้านี่แล้วตามอีกคนนึงไปให้ได้เสียแล้ว
    

                 '' ฝีมือดาบใช้ได้ แบบนี้ค่อยสนุกหน่อย ฉันไม่รู้หรอกว่าพวกแกคิดจะออกไปทำอะไรในป่านั่น แต่ในฐานะองครักษ์แห่งเซนต์คาดิลอร์ฟ ฉันคงปล่อยไว้ไม่ได้ ''

 

เวทย์ของผู้ใช้พลังธาตุน้ำแข็งเริ่มทำการแสดงอิทธิฤทธิ์ของตนเอง วงเวทย์สีฟ้าขาวปรากฎขึ้นในระหว่างที่ร่างสูงของบุรุษหนุ่มพุ่งเข้ามา พร้อมกับปะทะร่างของไซม่อนที่ความเร็วไม่อาจตามทันได้ จนเขาถูกวงเวทย์นั้นซัดกระเด็นออกไป มือขวาที่มีบาดแผลอยู่แล้ว แม้เลือดจะหยุดไหลแต่มันกลับถูกหุ้มด้วยความเย็นยะเยือกจากน้ำแข็งจนรู้สึกได้ถึงไอแห่งความเย็นเยียบ ที่แผ่ซ่านตั้งแต่บาดแผลจนเข้าไปสู่ร่างกาย ไซม่อนไม่อาจจะยืนขึ้นมาตรงๆได้ ร่างกายของเขาชาโดยไม่ทราบสาเหตุและรู้สึกว่ามีไอเวทย์แปลกๆไหลผ่านอยู่ในร่างกายตลอดเวลา

  

                   '' นี่แก! ทำอะไรฉัน! ''

    

                   '' เลือดในกายของแกมันกำลังจะต้องถูกแช่แข็งจนเย็นยะเยือก จงดูให้ดี นี่ล่ะพลังของผู้ใช้เวทย์น้ำแข็งอย่างฉัน ''

 

ดาบอันเป็นศาสตราของจีเนียสเริ่มลอยขึ้นเหนือร่างของเขา ก่อนที่จีเนียสจะทำการอัญเชิญเทพแห่งศาสตราของตนเองออกมา วงเวทย์สีฟ้าขาวอันแสดงถึงไอของพลังอันเหลือล้นและแรงกล้าพุ่งทยายออกมา 

  

                   '' อีเดน...แช่แข็งมันซะ แล้วเผยโฉมหน้ามันออกมาให้ฉันได้เห็น ''

 

สิ้นสุดประโยคคำสั่งนั้น เวทย์น้ำแข็งอันน่าสะพรึงกลัวและรุนแรงก้พุ่งเข้าไปหาร่างของไซม่อนที่แม้จะพยายามขยับตัวก็ไม่อาจทำได้ วงเวทย์นั้นเข้ามาครอบคลุมกายาของหนุ่มน้อยนักรบตะวันออกผู้น่าสงสารราวกับว่าในตอนนี้เขาได้กลายเป็นภูเขาน้ำแข็งไปเสียแล้ว...

 

 

 

 

 

 

 

 

-โปรดติดตามตอนต่อไป-


 

กลับหน้าหลัก ตอนก่อนหน้า ตอนถัดไป