Your Wishlist

The Heir Vampire (รัชทายาทแห่งโลกแวมไพร์) (Rewrite) (07 เพื่อนร่วมห้อง (Rewrite))

Author: Sayyeon

" การกลับคืนสู่ฐานันดรของเจ้าชาย นำเขากลับมาเพื่อช่วงชิงตำแหน่งของรัชทายาทแห่งไครซิสต์ ดินแดนของแวมไพร์ผู้ที่ไม่ประสงค์ต่อการดื่มเลือดและได้รับพรจากพระเจ้า การต่อสู้ของผู้ที่ถูกเลือกได้เริ่มขึ้นแล้ว "

จำนวนตอน : N/A

07 เพื่อนร่วมห้อง (Rewrite)

  • 28/07/2564

The Heir Vampire (รัชทายาทแห่งโลกแวมไพร์)
ภาค 1 ศึกปะทะอัศวินแห่งความมืด

 

 

 

 

 

 

 หลังจากที่รับรู้แล้วว่าตัวเองได้อยู่แคมป์อะไรจากรุ่นพี่จีเนียส ไพน์เออเนียร์ หรือในอีกพระนามก็คือเจ้าชายจีเนียส ฮิลเลอร์รี่ ไพน์เออเนียร์ ว่าที่รัชทายาทจักรพรรดิแวมไพร์อีกคนจากประเทศมอลเดเวียร์  ลอว์เรนซ์เองก็อดจะรู้สึกทึ่งไม่ได้ที่เจ้าชายพระองค์นี้จะได้อยู่แคมป์รอนเดลที่ขึ้นชื่อในเรื่องของคุณธรรม เพราะดูจากบุคลิกภายนอกเขาช่างดูหยิ่งยโสและน่ากลัวกว่าที่คิด อีกอย่างนึงในบรรดาว่าที่รัชทายาททั้งหมด ซีเบลก็เคยเกริ่นนำข้อมูลและประวัติอย่างคร่าวๆให้ลอว์เรนซ์ได้ฟังอยู่บ้าง เท่าที่จำได้ คนคนนี้เป็นหนึ่งในบุคคลที่ดูอันตรายและน่าเกรงขามที่สุดในเหล่าว่าที่ทั้งหมดเลยก็ว่าได้และลอว์เรนซ์ไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่นักว่าเหตุใดรุ่นพี่ปี 3 อย่างจีเนียสมีความจำเป็นที่จะต้องมารับน้องปี 1 แบบนี้ หรือเพราะมีเหตุผลอื่นกันแน่ ที่บริเวณทางเดินมีเหล่ารุ่นพี่ปี 7 ยืนรอต้อนรับเขาเพื่อขึ้นไปสู่อาคารเรียน แต่ทว่าพฤติกรรมของพวกเขากลับดูไม่ค่อยเป็นธรรมชาติมากนัก ราวกับถูกตราตรึงเอาไว้ไม่ให้ขยับ ด้วยสายตาดุและแข็งกร้าวที่ส่งมาจากเจ้าชายจีเนียสคนนี้

  

            "ตามฉันมาทางนี้ เพื่อนร่วมห้องรอนายอยู่ "

 

จีเนียสเอ่ยประโยคราบเรียบด้วยใบหน้าเย็นชาประดุจรูปสลักอันงดงาม ซึ่งมันทำให้เขารู้สึกเหมือนกำลังมองเห็นตัวเองอยู่ แต่ก็คงจะเทียบบุรุษผู้นี้ไม่ได้ เด็กหนุ่มเดินตามหลังร่างสูงนั้นไปอย่างว่าง่าย ระหว่างทางที่เดินไปไม่มีใครคิดจะพูดอะไรออกมาสักคำเดียว ทั้งสองหนุ่มเดินตัดผ่านบรรดารุ่นพี่ปี 7 เหล่านั้นแล้วเดินขึ้นบันไดวนที่ทั้งหมุนวนเป็นเกลียวอย่างสวยงามและก็สร้างความมึนงงในเวลาเดียวกัน ลอว์เรนซ์เดินมาจนถึงประมาณชั้นที่ 3 ของอาคารก็เริ่มได้ยินเสียงเหล่าเด็กๆนักเรียนคนอื่นลอยมาเข้าหู

 

              " ตรงสุดทางเดินนั่นคือห้องที่เพื่อนร่วมชั้นของนายอยู่ "

 

รุ่นพี่จีเนียสเบือนหน้าไปตรงบริเวณสุดทางเดินที่บอก เป็นเชิงว่าให้เขาเดินต่อไปเอง แต่นัยต์ตาสีน้ำตาลเข้มคู่นั้นก็ดูจะยังคงแสดงออกว่าจดจ้องลอว์เรนซ์อยู่จนเขารู้สึกขนลุก นัยต์ตาสีฟ้าคู่สวยสบมองจีเนียสอยู่แวบหนึ่ง ก่อนจะผงกศีรษะเป็นเชิงเคารพ ดูเหมือนว่ารุ่นพี่คนนี้ไม่ใช่คนที่มีหน้าที่ต้องมาส่งเขาถึงชั้นเรียนเลย แต่ราวกับว่าต้องการมาสังเกตอะไรบางอย่างเสียมากกว่า

 

                  "ขอบคุณครับ "

 

ลอว์เรนซ์กล่าวขอบคุณอย่างมีมารยาท แต่ด้วยสีหน้านิ่งสนิทไม่ต่างกันนั่นทำให้อีกฝ่ายนิ่งใส่ ก่อนจะไม่พูดอะไรต่อแล้วหันหลังเดินกลับลงบันไดไปเงียบๆทิ้งให้เจ้าหนูน้อยปี 1 เผชิญหน้ากับชะตากรรมของตัวเองต่อตามลำพัง

  

              ' มาเพื่อส่งแค่นี้น่ะเรอะ พิลึกคนชะมัด'

 

ลอว์เรนซ์ส่ายหน้าอย่างเอือมๆ ขณะที่เดินต่อไปและเมื่อเปิดประตูก้าวเข้ามาภายในห้อง เสียงฮือฮาเจี๊ยวจ๊าวเมื่อครู่ก็กลับเงียบกริบลงเห็นได้ชัด บรรดาเด็กหนุ่มสาวในห้องต่างพากันหันขวับมามองสมาชิกใหม่ผู้มาเยือนกันอย่างพร้อมใจ แต่สิ่งที่ได้รับกลับมาไม่ใช่รอยยิ้มหรือคำทักทาย แต่มีเพียงแค่ใบหน้าสงบนิ่ง เย็นชาราวกับเจ้าชายน้ำแข็งที่ไหนก็ไม่ปาน ดังนั้นเมื่อเห็นว่าท่าจะไม่เวิร์ค ลอว์เรนซ์ก็ค่อยๆถอนหายใจเบาๆ ก่อนที่จะทำสิ่งที่แทบไม่เคยคิดจะทำเวลาอยู่ต่อหน้าใครๆ นั่นก็คือ 'การยิ้ม' และแล้ว..รอยยิ้มนั่นก็ค่อยๆสงบศึกความเงียบแบบมาคุภายในได้ผลดีทีเดียว หรืออาจจะเกินคาด?

  

                  "ว้ายยย~~ หล่อจังเลยย><"

 

                 "ห้องเรามีคนหล่อเพิ่มอีกหนึ่งแล้วสิ "

 

                 "ตอนแรกนี่คิดว่าหยิ่งไม่กล้าจะทักเลยนะเนี่ย"

 

                 "เฮ้ๆๆเข้ามานั่งก่อนสิ เพื่อน ใหม่!!"

  

                 "นายชื่ออะไรเหรอ เข้ามาตรงนี้ก่อนสิพวก "

 

คำถามมากมายถูกยิงพุ่งเข้ามาปะทะพร้อมกันจนลอว์เรนซ์ไม่รู้ว่าควรจะตอบใครก่อน สายตาของเพื่อนๆที่มองเขาตอนแรกๆเริ่มหายไปเปลี่ยนเป็นความปิติยินดีและเสียงกรี๊ดกร๊าดจากสาวๆเองก็ตามมาไม่ขาดสายด้วยเช่นกัน ลอว์เรนซ์เริ่มกวาดสายตามองไปรอบๆว่าเขาควรจะไปนั่งตรงไหนดี จนกระทั่งเห็นใครคนหนึ่งโบกมือหย่อยๆเรียกให้เข้าไปนั่ง ' ไซม่อน ' นั่นเอง เขาได้อยู่แคมป์เดียวกับนักรบตะวันออกคนนี้งั้นรึ แล้วเนออนล่ะ?

 

               " ดีใจนะที่ได้อยู่แคมป์เดียวกัน ฮ่าฮ่าฮ่า น่าเสียดายที่เนออนได้ไปอยู่แคมป์โอลเวนซะแล้ว "

 

ไซม่อนกระเถิบที่ให้เพื่อนใหม่นั่ง ผู้หญิงในห้องหลายคนต่างพากันมองสองหนุ่มหล่ออย่างหยาดเยิ้ม แม้ว่าอีกฝ่ายจะไม่ค่อยสนใจโลกนักก็ตาม เพื่อนๆผู้ชายหลายคนก็เริ่มเข้ามาขอทำความรู้จักกับพวกเขา กลายเป็นว่าไม่ทันไรก็ได้ 2 หนุ่มฮอตประจำห้องไปเสียแล้ว

    

                "เอาล่ะ เงียบๆกันได้แล้วจ้ะเด็กๆ "

 

เสียงเคาะโต๊ะเบาๆดังมาจากหน้าห้อง ซึ่งมีผู้หญิงร่างสูงคนหนึ่งยืนอยู่ เธอเป็นสาวที่มีใบหน้าขาวจัด ผมสีบรอนด์บวกกับนัยต์ตาสีน้ำตาลสดใสทำให้รู้สึกได้ว่าคนๆนี้ช่างดูใจดีมาก เธอกระแอมเล็กน้อยแล้วมองเด็กๆไปรอบๆห้องเหมือนจะจดจำหน้าตาของพวกเขา แน่ละว่ามีหลายคนที่ตกใจเพราะไม่รู้เลยว่าเธอแวบเข้าห้องมาตั้งแต่เมื่อไหร่

    

               "ชื่อของฉันคือ มิแรนด้า เอสเทอร์ เป็นอาจารย์ประจำห้องปี 1 ของแคมป์รอนเดล ยินดีที่ได้รู้จักนะจ๊ะ "

  

                 "ยินดีที่ได้รู้จักครับ / ค่ะ "

 

ทุกคนขานรับเสียงใสอย่างพร้อมเพรียงกัน รู้สึกอบอุ่นหัวใจกับรอยยิ้มของอาจารย์ประจำชั้นผู้นี้  เธอถือใบรายชื่อไว้ในมือพร้อมกับป่าวประกาศอีกครั้งถือเป็นเหมือนการโฮมรูมครั้งแรกที่ดี 

  

                 "ในฐานะของอาจารย์ประจำชั้น ฉันยินดียิ่งนักที่ได้ทุกคนมาเป็นลูกศิษย์ ขอให้มีความสุขและตั้งใจเรียนกันนะจ้ะทุกคน มีอะไรก็มาปรึกษาได้ สมาชิกห้องเรามีทั้งหมด 30 คน ดูแลและช่วยเหลือเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันนะ "

  

                  "รับทราบแล้วครับ / ค่ะ "

  

                  "อ้อจริงด้วยสิ เห็นพวกเธอขานรับกันแบบนี้เลยนึกขึ้นมาได้อีกเรื่อง เราจำเป็นต้องมีหัวหน้าห้องและรองหัวหน้าด้วย ควรจะเลือกกันไว้ตอนนี้ก่อนที่เราจะเข้าเรียนกันจริงจังนะ "

 

เสียงดังฮือฮาเริ่มดังขึ้นอีกครั้ง ทุกคนต่างมองหน้ากัน ในวันแรกไม่มีใครหรอกที่จะรู้จักนิสัยกันดีพอที่จะกล้าเสนอชื่อใครออกมาในที่แห่งนี้ได้ เพราะการเป็นหัวหน้าห้องคือ บุคคลผู้ที่ยอมเสียสละเวลาส่วนตัวมาทำเพื่อส่วนรวมและต้องมีความรับผิดชอบต่อหน้าที่เป็นอย่างยิ่ง แต่ทว่าในสถานการณ์ที่ไม่มีใครกล้าที่จะพูดอะไรนั้น มือเรียวงามของใครคนหนึ่งกลับยกชูขึ้นมากลางห้อง เจ้าของมือลุกขึ้นยืนปรากฎตัวออกมาทันที เธอเป็นเด็กสาวหน้าตาสะสวยมาดเข้มแบบนางพญา ใบหน้าขาวใสและผิวกายเรียบเนียน บวกคู่ไปกับนัยต์ตาสีน้ำตาลเข้มสวยคมกริบและผมยาวสลวยสีน้ำตาลออกแดงที่มองแล้วทั้งน่าหลงใหลและน่าเกรงขามในเวลาเดียวกัน

  

                   "เธอคนนั้นมีอะไรสงสัยงั้นเหรอจ๊ะ? "

 

อาจารย์มิแรนด้าเอ่ยด้วยท่วงท่าสบายๆแต่ก็กึ่งประหลาดใจอยู่นิดๆ เด็กสาวยิ้มนิดๆอย่างไว้เชิง ก่อนจะพูดออกมาด้วยน้ำเสียงดังฟังชัดที่ได้ยินกันไปทั่วทั้งห้องว่า

  

                  " หนูต้องการจะอาสาสมัครตำแหน่งหัวหน้าห้องค่ะ อาจารย์อนุญาตไหมคะ?"

 

                   "ว้าวๆ เธอช่างเป็นเด็กผู้หญิงที่กล้ามาก แน่นอนจ้ะ ฉันไม่ปฏิเสธอยู่แล้ว มีใครอื่นจะขอสมัครตำแหน่งนี้ไหมจ้ะ หรืออยากจะมาลองเป็นรองหัวหน้าดูก็ได้ประสบการณ์ดีนะ ได้เป็นการช่วยเหลืองานในห้องด้วย  "

 

อาจารย์มิแรนด้ายิ้มแก้มปริขณะที่ผายมือเชิญเด็กสาวว่าที่หัวหน้าห้องคนนั้นออกมายืนอยู่บริเวณหน้าห้องข้างๆกับตัวเธอ แม้แต่ท่วงท่าเดินของเธอนั้นกลับสามารถสยบใจผู้ชายหลายคนในห้องที่ไม่อาจละสายตาไปได้ คนอะไรแค่เดินก็เหมือนหว่านเสน่ห์ได้ขนาดนี้ มาดนางพญานั้นยังคงความเสมอต้นเสมอปลาย แม้จะไปยืนอยู่ข้างอาจารย์มิแรนด้า ราศีเธอก็ดูไม่แผ่วลงเลยแม้แต่น้อย

    

                     "สงสัยห้องเราคงจะได้ผู้หญิงสวยๆเป็นทัพหน้าซะแล้วว่ะ ฮ่าฮ่าฮ่า"

  

                      "ก็เข้าท่าดีแต่ก็เสียศักศรีดิ์ผู้ชายอย่างเราๆชะมัดเลย!"

 

                      "แกจะสมัครไหมล่ะเจ้าทึ่ม"

 

บรรดาเหล่าผู้ชายสุภาพบุรุษเริ่มจับกลุ่มถกประเด็นร้อนนี้อย่างเมามันส์ จนมีผู้หญิงหลายคนอดจะหันมาค้อนขวับทำตาเขียววิบวับใส่ไม่ได้ ประมาณว่าผู้หญิงด้วยกัน ไงเธอก็เชียร์เด็กสาวคนนั้นอยู่แล้วว! อาจารย์มิแรนด้าเริ่มกระแอบเบาๆเป็นการตักเตือนให้ทุกคนสงบลงเสียก่อน

 

                    " จะผู้ชายหรือผู้หญิง เราจะไม่แบ่งแยกกันนะเด็กๆที่รัก ลืมที่ผู้อำนวยการสอนไว้แล้วเหรอจ๊ะ จากนี้ก้ต้อง่วมชั้นเรียนกันไปถึง 7 ปี พวกเธอควรจะรักกันให้มากๆนะ แล้วนี่ไม่มีใครสนใจสมัครเพิ่มอีกแล้วเหรอ?"

 

คำถามเดิมแต่แฝงไปด้วยคำขอร้องปนมาด้วยดังขึ้นอีกครั้ง แต่ก็ไม่มีใครมีทีท่าจะแสดงตัวว่าอยากมีส่วนร่วมสักเท่าไหร่ นั่นทำให้อาจารย์มิเเรนด้าแอบทำหน้าผิดหวังเบาๆ เธอพยายามจะเข้าใจว่าเด็กๆคงจะตื่นเต้นกับโรงเรียนและห้องเรียนใหม่ไปหน่อย แต่เธอก็หวังจะให้เด็กๆกล้าแสดงความเป็นตัวตนมากกว่านี้ 

 

                         "อาจารย์ครับบ!  ลอว์เรนซ์อยากจะสมัครตำแหน่งหัวหน้าห้องอีกคนหนึ่งครับ..."

 

ไซม่อนนึกสนุกดึงแขนเจ้าชายรูปหล่อข้างตัวให้ลุกขึ้นยืนโชว์ตัวขัดขึ้นมาซะงั้น จนกระทั่งเจ้าตัวผู้ถูกขานชื่อเผลอหันขวับไปทำหน้าดุใส่แบบไม่ได้ตั้งใจ แต่ไซม่อนก็ดูจะไม่สะทกสะท้านกับสายตาของลอว์เรนซ์เลยแม้แต่น้อย

 

                          "เฮ้ย...นี่นายจะ.."

 

                         "จะยอมแพ้พวกผู้หญิงได้เหรอไงเล่าหา รีบออกไปเร็วเข้าสิ"

 

มือสองข้างของไซม่อนผลักร่างสูงของเขาออกไปตรงหน้าห้อง เสียงโห่ร้องเชียร์ยกใหญ่ดังจากกลุ่มเด็กผู้ชายเมื่อครู่กันกระหึ่มเลยทีเดียว เอาแล้วล่ะสิ เจ้าชายผู้สูงศักดิ์กำลังจะมาปะทะชิงตำแหน่งหัวหน้าห้องกับสาวน้อยนางพญาผู้น่าเกรงขาม เขากลายเป็นความหวังของหมู่บ้านแบบไม่ได้เต็มใจไปเสียแล้ว 

    

                         'ให้ตายสิ...ไอ้บ้าไซม่อน'

 

ลอว์เรนซ์ก้าวมายืนทางด้านขวาของอาจารย์มิแรนด้าที่ยืนรอยิ้มแบบแห้งๆเหมือนรู้ว่าเขาถูกถีบส่งออกมาอย่างช่วยไม่ได้ (- -;) แถมตอนนี้แม่นางพญาก็เริ่มหันหน้ามามองเขาด้วยแววตาอันอ่านยากเหลือเกิน จะถอยกลับตอนนี้ก็คงไม่ทันแล้วสินะ ก็เล่นเดินมาขนาดนี้แล้วนี่หว่า

  

                        " ตอนนี้เรามีตัวแทนกันถึง 2 คนแล้วนะ ว่าแต่เธอสองคนชื่ออะไรมาจากไหนกัน แนะนำตัวกันหน่อยเร็ว"

 

เมื่ออาจารย์กล่าวกระตุ้นมาเช่นนั้น เด็กสาวก็ยิ้มกริ่ม ก้าวออกมายืนข้างหน้าแล้วเปิดการแนะนำตัวแบบเชิดๆที่เรียกเสียงฮือฮาจากหนุ่มๆและสาวๆกองเชียร์ ไม่ว่าจะทั้งผิวปากและโห่แซว

  

                         " ฉันมีชื่อว่าไอริส อัลบาลอร์ฟ เป็นเจ้าหญิงจากประเทศซานเดรีย ยินดีที่ได้รู้จักนะคะทุกคน "

 

นั่นไง..ว่าแล้วว่าเธอต้องไม่ใช่คนธรรมดาแน่นอน สมแล้วที่เหมาะกับฐานันดรเจ้าหญิง ลอว์เรนซ์ครุ่นคิดขณะที่รอเธอพูดจบ ก็ถึงตาที่เขาจะได้ออกมาเปิดตัวบ้าง และเเน่นอนว่าเหล่าๆสาวๆนั้นเฝ้ารอได้ฟังชื่อเขาใจจะขาด ไม่เว้นแม้กระทั่งเจ้าหนุ่มน้อยไซม่อนที่นั่งดูด้วยความนึกสนุก แววตาชอบเล่นซุกซนของเขานั้นดูเป็นประกายอีกครั้ง 

  

                        "ผมมีชื่อว่า ลอว์เรนซ์ เซอเเลนเซียร์ เวสเบิร์ก เป็นเจ้าชายจากประเทศราลเดรูลน์ ยินดีที่ได้รู้จักครับทุกคน "

 

เด็กหนุ่มกล่าวจบพร้อมด้วยรอยยิ้มพิมพ์ใจถือเป็นการเรียกคะแนนตัดหน้าเจ้าหญิงแห่งซานเดรีย ไหนๆก็โดนผลักออกมาแล้ว ถึงไหนถึงกัน !?

    

                        "เป็นถึงเจ้าหญิงเจ้าชายที่ช่างเหมาะจะเป็นคู่หูกันดีเยี่ยมจ้ะ เห็นทีว่าคงจะเลือกยาก ดังนั้นฉันคงจะต้องหาวิธีทดสอบความสามารถของเธอทั้งคู่เสียก่อน เพื่อที่เพื่อนๆในห้องจะได้เลือกกันง่ายขึ้น เอ..เอาวิธีไหนดีน้า?"

 

อีกฝ่ายทำหน้าครุ่นคิดด้วยความจริงจัง จนลอว์เรนซ์เริ่มสังหรณ์ไม่ดีขึ้นมากลางคัน ถ้าจะให้ตอบคำถามแบบตอนคัดเลือกเข้าแคมป์อีกล่ะก็ รู้สึกไม่โอเคแล้วล่ะนะ ไม่รู้ว่าเธอจะคิดแบบเดียวกับเขารึเปล่า? เด็กหนุ่มเผลอตัวหันไปมองหน้าเจ้าหญิงไอริส แต่ทว่าสีหน้าที่มองสบตาตอบเขากลับมานั้นกลับดุดันน่ากลัวเกินกว่าผู้หญิงทั่วไปจะทำได้ เธอแสยะยิ้มน้อยๆ พลางเอ่ยขัดความคิดของอาจารย์ประจำชั้น

 

                           "ไม่ต้องคิดมากไปหรอกค่ะอาจารย์มิเเรนด้า...หนูขอเสนอว่า ให้เราทั้งสองประลองการต่อสู้กันเสียเลยดีกว่า "

 

                            "...!!? "

 

                           "หาาา!? / หาาา!? "

 

คำอุทานพร้อมเพรียงนั่นดังแบบไม่ต้องนัดหมาย อาจารย์มิแรนด้ามองเด็กสาวตรงหน้า รู้สึกอดทึ่งและตกใจในเวลาเดียวกัน ไม่อาจเข้าใจได้ว่าอะไรที่ดลใจให้ไอริสคิดออกมาแบบนี้ นี่เป้นวันแรกของการเปิดภาคการศึกษา เธอเองก็ไม่อยากให้การเลือกหัวหน้าห้องต้องมากลายเป็นการต่อสู้ชิงตำแหน่งที่ดุดันอะไรแบบนั้นเลย

  

                         "ได้ใช่ไหมล่ะคะอาจารย์ แคมป์รอนเดลแห่งนี้นั้นขึ้นชื่อในเรื่องแห่งคุณธรรม แต่ก็มิใช่เลยว่าสิ่งที่อยู่เพียงแค่ในนามธรรมนี้นั้นจะเป็นความจริงทั้งหมด แคมป์รอนเดลนี้นอกจากผู้มีคุณธรรม. คุณธรรมเปรียบเสมือนสิ่งที่รวมทุกอย่างทั้งความยิ่งใหญ่ ปัญญาและความกล้าหาญราวกับนักรบผู้แข็งแกร่ง อีกอย่างตามบัญญัติของแวมไพร์นั้นหากมีอะไรข้องใจที่มิอาจตัดสินได้ด้วยวาจาสิทธิย่อมต้องใช้กำลังกันได้ใช่ไหมคะ...?"

 

รอยยิ้มบางๆที่ลอว์เรนซ์มองว่าเจ้าเล่ห์ที่สุดปรากฎขึ้นมาจากมุมปากของไอริส เธอพูดประโยคที่ทำให้ทุกคนในห้องต้องอึ้งไร้คำโต้แย้งคัดค้านใดๆทั้งสิ้น ใบหน้าสวยงามดุจนางพญานั้นหันกลับมามองเขาด้วยท่วงท่านิ่งสงบ แต่ลึกๆแล้วเขาก็รู้ว่าเธอกำลัง ' ประกาศศึก ' กับเขา ซานเดรียขึ้นชื่อว่าเป็นประเทศแห่งนักรบหญิง หญิงสาวจากประเทศนี้มีความเข้มแข็ง กล้าหาญและมุ่งมั่น เน้นการพึ่งพาตนเอง แม้แต่กษัตริย์ที่ปกครองก็เป็นผู้หญิงเท่านั้น ผู้ชายที่อาศัยในประเทศแห่งนี้ได้ต้องเป็นผู้ที่ถูกรับเลือกและผ่านพิธีแห่งการสาบานตนด้วยวาจาศักสิทธิ์เสียก่อนเท่านั้น ไม่แปลกเลยที่เจ้าหญิงผู้นี้จะชื่นชอบการสู้รบและมั่นใจในฝีมือของตัวเองแบบนี้

  

                      '...หึๆ เจ้าหญิงจากซานเดรียนี่ช่างกล้ายิ่งนัก '

 

สุดท้ายแล้วมติเอกฉันท์ก็ตกเป็นของไอริส เธอได้รับการตอบสนองจากคำพูดนั้นแต่โดยดี แม้ในตอนแรกอาจารย์มิแรนด้าจะไม่ได้เห็นด้วยเท่าไหร่เลยก็ตาม แต่การจะขัดกฎที่มีมาช้านานของแวมไพร์มันก็เป็นเรื่องที่ไม่สมควรกระทำอย่างยิ่ง อีกอย่างดูท่าว่าลอว์เรนซ์เองก็จะไม่ได้คัดค้านอะไร ดังนั้นอาจารย์มิแรนด้าจึงได้จัดการใช้เวทย์ของเธอแปรเปลี่ยนสภาพห้องตอนนี้ให้กลายเป็นเหมือนสนามรบจำลองขนาดย่อมๆ โดยมีผู้ชมคือ เหล่านักเรียนของแคมป์รอนเดลทุกคนนั่งอยู่อีกฝั่งหนึ่ง เธอทำการปิดประตูและหน้าต่าง ใช้เวทย์ในการอำพรางและป้องกันไม่ให้มีเสียงดังหลุดรอดออกไปภายนอก ลอว์เรนซ์กับไอริสก้าวเดินออกมายืนประจัญหน้ากันตรงกลางเวทีนักสู้ สายตาสองคู่สบประสานกันด้วยความรู้สึกที่อ่านยาก เสียงร้องเชียร์พากันดังไม่ขาดสายอย่างเป็นใจ เมื่อมวยคู่เอกประจำวันนี้กำลังจะลงสนาม

    

                    " ขอเน้นย้ำนะว่าอย่ากระทำการที่รุนแรงกันเกินกว่าเหตุนะ ไม่อย่างนั้นฉันจะสั่งหยุดการประลองทันที !"

 

                    "ไม่มีปัญหาค่ะอาจารย์"

 

ไอริสพยักหน้า ในมือปรากฎดาบออกมาเล่มหนึ่ง จี้ห้อยคอสีเงินเรืองแสงออกมา เตรียมพร้อมสำหรับการต่อสู้อย่างเต็มที่ เธอเองก็มีศาสตราเป็นดาบเช่นเดียวกันกับลอว์เรนซ์ แปลว่าคงจะมีฝีมือไม่ใช่เล่นๆเลย

  

                    ' ใช้ดาบเหมือนกับเราด้วยเหรอเนี่ย เป็นผู้หญิงที่น่ากลัวกว่าที่คิดเลยจริงๆ งั้นก็คงไม่ต้องเกรงใจกันแล้วสินะ '

 

แหวนเวทย์พิธีกรรมสีเงินของลอว์เรนซ์เปล่งแสงออกมา ในมือถือดาบคู่ใจเอาไว้ด้วยเช่นกัน นัยต์ตาสีตาลเข้มของเจ้าหญิงแห่งซานเดรียและนัยต์ตาสีฟ้าคู่สวยของเจ้าชายแห่งราลเดรูลน์ กำลังสบมองกันนิ่งงัน ไม่แสดงความหวั่นไหวและหวาดกลัวผ่านควงตาคู่นั้น มีแต่ประกายแห่งความหวังและเร่าร้อนที่จะเอาชนะอีกฝ่าย

  

                    "ไม่ต้องเกรงใจฉันหรอกนะ เจ้าชาย เชิญบุกเข้ามาได้เลย "

 

ส่วนปลายแหลมคมของดาบถูกชี้ตรงมาที่เบื้องหน้าของเขา การต้องมาสู้กับเด็กผู้หญิงตั้งแต่วันแรกที่เข้ามาเรียนนี่เป็นอะไรที่เขาไม่คิดฝัน แต่แล้วจู่ๆก็ต้องตกใจหลุดจากภวังค์เมื่อคู่ต่อสู้อย่างไอริสกลับเป็นฝ่ายบุกแวบรวดเร็วประดุจสายฟ้าพุ่งเข้ามาทางด้านหลัง ลอว์เรนซ์ไหวตัวทันเหวี่ยงเอาดาบเข้าไปรับคมดาบอีกเล่มที่ปะทะเข้ามาจังๆ

  

                         "มัวแต่เหม่ออะไรอยู่งั้นรึ! คู่ต่อสู้ก็คือฉันนะ"

 

เสียงดาบเคร้งๆยังคงดังต่อเนื่อง ต่างฝ่ายต่างประดาบกันได้อย่างรวดเร็วว่องไวราวกับรู้ทันกัน ลอว์เรนซ์ไม่คิดที่จะสร้างบาดแผลให้อีกฝ่ายแต่เขาก็ไม่ได้คิดจะยอมอ่อนข้อให้เสียทีเดียว ชั่วพริบตาที่ไอริสหายตัววับไปนั้น ลอว์เรนซ์ก็พบว่าตัวเองตกอยู่ภายใต้วงเวทย์กับดักของเธอเสียแล้ว!

 

ฉับบ! เปรี๊ยะะ!!

  

                           "อ้ากก!"

 

ลอว์เรนซ์กระเด็นตุ้บตกลงมาบนพื้นสนามเมื่อพยายามจะลงดาบใส่วงเวทย์ที่กักตัวเขาไว้ภายใน มันกลายเป็นเหมือนกระจกเงาที่สะท้อนพลังเขากลับมาเมื่อฟันดาบลงไป ตัวอักขระเวทย์สีดำวิ่งผ่านตัดกันไปมาให้ความรู้สึกแปลกและน่ากลัวอย่างบอกไม่ถูก...ทำไมเจ้าหญิงพระองค์นี้จึงได้มีเวทย์ที่เหมือนกับเวทย์ประหลาดซึ่งเขาไม่เคยพบเห็นมาก่อนได้นะ ด้วยสัญชาตญาณ เด็กหนุ่มรู้สึกกระอักกระอ่วนกับกลิ่นอายพลังเวทย์นี้อย่างบอกไม่ถูก

   

                   ' ดานิเอล...พลังเวทย์นี่มันอะไรกัน!?'

 

ลอว์เรนซ์ใช้โทรจิตสื่อสารกับดานิเอลผู้เป็นเทพแห่งศาสตราประจำตัวของตนเอง และแล้วร่างของเทพผู้สง่าก็ปรากฎกายขึ้นมา แสงสีเงินอร่ามตานั้นสาดส่องเหมือนเมื่อตอนที่ได้พบกันครั้งแรก เทพบุตรผู้มีกายสีเงิน มีใบหน้าและดวงตางดงามที่ดูดีปานรูปสลักกำลังจดจ่อกับการสัมผัสพลังเวทย์ที่ให้ความรู้สึกแปลกๆนั่นอยู่

  

                    '...มันแปลกจริงๆด้วยล่ะนายท่าน ข้าเกรงว่านี่มันอาจจะเป็น...เวทย์ต้องห้าม '

    

                    'อะไรนะ..เวทย์ต้องห้ามงั้นรึ? มันคืออะไรกัน?'

    

                    'ว่ากันว่ามันคือพลังเวทย์แห่งความมืดที่พวกปิศาจใช้มาตั้งแต่สมัยอดีตกาล เป็นเวทย์ต้องห้ามที่ถูกงดใช้ในโลกของแวมไพร์ เพราะอาจจะนำพาอันตรายมาสู่ตนเองก็เป็นได้ '

 

                    'แย่ล่ะสิ..แล้วทำไมเธอถึงมีพลังนี้ได้ '

 

                   ' ข้าเองก็ไม่รู้เช่นกันนะเจ้านาย แต่ในตอนนี้วงเวทย์นี่มันกำลังจะแคบลงมาเรื่อยๆแล้ว '

 

เมื่อมองไปรอบๆลอว์เรนซ์ก็พบว่าเป็นจริงดังที่ดานิเอลพูด วงเวทย์สีดำทมิฬเริ่มเคลื่อนตัวเข้ามาเหมือนจะหดลงมาเรื่อยๆ มันราวกับว่าจะกลืนกินตัวเขาและดานิเอลได้ในพริบตา ยังไงก็คงต้องรีบแก้ไขสถานการณ์นี่ซะก่อน

 

                     'ดานิเอล ช่วยฉันกระจายรังสีทลายเวทย์นี่ที '

  

                     ' รับบัญชา... '

 

ดานิเอลเริ่มสำแดงพลังเวทย์ที่ประสานด้วยท่าที่ชื่อว่า โซลดัส ท่าแห่งการกระจายรังสีเวทย์อันแข็งแกร่ง ซึ่งเขาได้ฝึกกับลอว์เนซืมาตลอดก่อนเปิดภาคเรียน พลังเวทย์สีเงินพุ่งออกจากร่างของเทพหนุ่ม แผ่กระจายออกไปทั่วทุกอณู ราวกับพายุที่เข้าทลายเวทย์สีดำทมิฬนั่นให้สลายตัวไปทีละน้อย และแน่นอนว่าเมื่อเห็นดังนั้น เจ้าหญิงเจ้าของวงเวทย์นั้นก็ไม่คิดนิ่งเฉย ดาบเล่มเดิมพุ่งสวนฝ่าไอเวทย์ดำที่แตกสลายเข้ามาตรงหน้าของลอว์เรนซ์ แต่ก็ได้ดานิเอลเข้ามารับดาบปกป้องเจ้านายคนสำคัญไว้ได้เสียก่อน

 

                     "ระวังหน่อยสิเจ้าหญิง ท่านคิดจะฟันใบหน้างดงามของเจ้านายข้าหรือไง!?"

  

                    " หึ...ก็อาจจะอย่างงั้นล่ะมั้ง? นิโคลช่วยมาเป็นพลังให้ฉันด้วย!"

 

สิ้นคำพูดนั้นร่างของเทพนิโคลศาสตราของเจ้าหญิงไอริสก็พุ่งเข้าไปปะทะกับดานิเอลที่ไม่ทันตั้งตัว เธอเองก็เป็นเทพที่มีกายสวยงามทั้งรูปลักษณ์หน้าตาเหมือนกับนายหญิงของเธอนั่นเอง ด้วยใบหน้าเยาว์วัย ผมสีทองที่แผ่สยายออกมาถึงกลางหลัง และนัยต์ตาสีน้ำตาลเข้มเหมือนกับผู้เป็นนาย ร่างของนิโคลพุ่งออกมาหมายจะหยุดยั้งดานิเอลไม่ให้เข้ามายุ่มย่ามอีก

  

                         "ดานิเอล!"

  

                        "ไม่ต้องห่วงข้าหรอกนายท่าน รีบจัดการแม่นั่นเร็ว!"

 

ลอว์เรนซ์พยักหน้าน้อยๆขณะที่ลอยตัวสูงขึ้นแล้วจัดการพุ่งตัวเข้าเป็นฝ่ายรุก   ณ บริเวณที่นั่งผู้ชม อาจารย์และเพื่อนๆคนอื่นๆกำลังทั้งยืนทั้งนั่งชมการต่อสู้แบบกึ่งลุ้นกึ่งตึงเครียด เพราะฝีมือทั้งสองคนนั่นช่างเก่งกินกันไม่ลง โดยเฉพาะฝีมือในทางดาบ แต่ไซม่อนกลับเป็นคนเดียวที่นั่งนิ่งเงียบไม่พูดจา ในหัวสมองและสัญชาตญาณบางอย่างที่ได้มาจากเชื้อสายของ 'ไลเคน' ปลุกให้ตัวเขายิ่งรู้สึกใจคอไม่ค่อยดี คนอื่นๆจะเห็นเหมือนที่เขาเห็นรึเปล่าก็ไม่รู้หรอกนะ...ถึงแม้ตอนแรกเขาจะรู้สึกดีใจ เพราะอยากเห็นฝีมือจริงๆของลอว์เรนซ์ก็ตาม แต่ว่าพลังเวทย์กระจกทมิฬเมื่อครู่นี้มันไม่ใช่เวทย์ทั่วๆไปแน่ๆ การเป็นนักรบตะวันออกทำให้เขาได้บทเรียนเยอะแยะมากมาย และเขารู้สึกไม่อยากให้ลอว์เรนซ์สู้ต่อไปอีกเลยให้ตายสิ!

  

                       " คุณกำลังเป็นห่วงเขาหรือครับ?"

 

เสียงเอ่ยทักดังขึ้นข้างตัว เมื่อมองไปก็พบว่ามีเด็กหนุ่มเพื่อนร่วมห้องหน้าใส เข้ามานั่งข้างๆเขา ไซม่อนทำหน้าแปลกใจเมื่อเห็นว่าในมือของหมอนั่นถือหนังสือเล่มหนาปึ้กมาวางบนตัก แถมคั่นหน้าที่อ่านไว้ได้ประมาณเกือบกลางเล่มแล้ว ดูๆแล้วนั่นคงมีไม่ต่ำกว่า 600-700 หน้าแหงๆ แค่คิดว่าตัวเองต้องมานั่งอ่านอะไรแบบนี้ ก็เผลอทำหน้าแปลกๆออกไปโดยไม่รู้ตัว แต่อีกฝ่ายก็ยังคงยิ้มอย่างเป็นมิตร เขาเป็นเด็กหนุ่มหน้าตาดีคนหนึ่งใบหน้าออกไปทางผุ้ชายหน้าหวานหน่อยๆ มีผมสีดำสนิทและนัยต์ตาสีม่วงที่ให้ความรู้สึกอ่านยาก

    

                      "นายเป็นใคร?"

    

                      "ผมชื่อว่า ชิเร ราฟาเอลลิส ครับ "

 

เด็กหนุ่มยิ้มบางๆด้วยท่าทางที่เป็นมิตรอีกครั้ง พลางหันหน้ากลับเข้าไปทางด้านการแข่งขันระหว่างเจ้าหญิงผู้อวดดีกับเจ้าชายผู้เย็นชาซึ่งไม่มีทีท่าว่าจะจบง่ายๆเลย เพราะทั้งสองฝ่ายนั้นเป็นลูกหลานของตระกูลกษัตริย์ ความรู้พื้นฐานหรือแม้แต่เวทย์มนตร์ยากๆก็สามารถที่จะนำมาใช้ได้สบายๆ ไม่มีใครที่ดูจะเสียท่าหรือผ่อนแรงลงง่ายๆ

  

                         " แล้วที่นายพูดน่ะหมายถึงอะไร? เจ้านั่นเป็นเพื่อนฉัน (รึเปล่านะ) ฉันก็ต้องเป็นห่วงอยู่แล้วสิ มันแปลกรึไง?"

 

ไซม่อนเอ่ยถามข้อสงสัยออกมา เขาอาจจะยังรู้สึกกระดากปากนิดหน่อยที่จะเรียกใครว่าเป็นเพื่อน แต่สำหรับหมอนี่มันก็พอรู้สึกว่าจะรียกได้อย่าไม่ผิด ขณะที่อีกฝ่ายก็ยิ้มรับแบบไม่ทุกข์ร้อน กิริยาดูสุภาพและช่างแสนจะใจเย็นจนดูออกแนวยียวนกวนบาทานักรบอย่างเขายิ่งนัก

  

                         " ผมเองก็คิดว่าบางทีที่คุณทำสีหน้าแบบนั้น คุณก็คงจะเห็นปฏิกิริยาของเวทย์มนต์ฝ่ายมืดที่ออกมาจาก..เจ้าหญิงพระองค์นั้นแล้วสินะครับ "

 

ชิเรยิงคำถามเข้ามาอย่างตรงประเด็นแถมเป็นสิ่งที่กำลังติดใจสงสัยอยู่ในหัวเขาตอนนี้ด้วย นี่แปลว่านอกจากเขาและชิเรแล้ว คนอื่นๆอาจจะไม่รู้สึกถึงพลังที่ว่านั่นเลยก็ได้ หือแค่ทุกคนสนุกไปกับการแข่งขันประชันนี้ เลยไม่มีใครกล้าพูดอะไรออกมากันแน่ แล้วลอว์เรนซ์มันจะเป็นยังไงต่อไปกันล่ะเนี่ย

  

                        " นี่นายเองก็..."

  

                       "ผมก็กำลังคิดแบบเดียวกับคุณนั่นล่ะครับ ว่าแต่เอ่อ...คุณชื่อ?"

 

                       "ไซม่อน บัสเดวิล "

 

                        "ยินดีที่ได้รู้จักครับ "

 

ป่านนี้พึ่งจะนึกได้ว่าควรทำความรู้จักกันเรอะ แถมไอ้วาจาพูดไพเราะเกินความจำเป็นนั่นอีก ไอ้หมอนี่มันเป็นคนประเภทไหนกันวะ ไซม่อนไม่ค่อยเข้าใจพฤติกรรมแปลกทางวาจาของอีกฝ่ายนัก 

  

                      " ผมเข้าใจดีครับว่าคุณเป็นห่วงเจ้าชาย แต่ยังไงก็คอยเชียร์เขาต่อไปเถอะ ผมขอตัวก่อนนะครับคุณไซม่อน "

 

ชิเรยืนขึ้นแล้วลุกเดินห่างออกไปพร้อมกับเจ้าหนังสือเล่มโปรดหนาหนัก อะไรของเขานะหมอนี่? มาหาฉันเพื่ออะไรฟระ!? ไม่สบอารมณ์เลย ไซม่อนทำหน้าบึ้งๆไม่คิดจะสนใจเจ้าคนพิลึกๆนั่นอีกก่อนจะรีบหันหน้าไปชมการต่อสู้อันยืดเยื้อนั่นต่อ โดยที่ไม่ได้สังเกตว่า...ชิเรนั้นเดินผละจากเขาเข้าไปหาอาจารย์มิแรนด้า

    

                    " เอาล่ะทั้งสองคน ยกเลิกการประลองเดี๋ยวนี้!!"

 

เสียงตะโกนแหกปากลั่นดังจากอาจารย์มิแรนด้าที่ยืนรอตัดสินการแข่งอยู่ข้างสนาม เมื่อได้ยินดังนั้นลอว์เรนซ์ก็หยุดการเคลื่อนไหวลง ท่ามกลางความแปลกใจและตกใจจากทุกคน แต่ทว่าในชั่วพริบตานั้นคนที่เป็นฝ่ายไม่หยุดคือ...ไอริส เธอรู้สึกไม่พอใจที่ถูกขัดจังหวะการต่อสู้ จึงได้ทำการขัดคำสั่งพุ่งดาบเข้าไปทางลอว์เรนซ์ เพราะเธอหวังว่า ถ้าเธอไม่หยุดซะอย่าง อีกฝ่ายก็คงจะไม่ยอมหยุดเช่นเดียวกันแน่ 

 

                     "นี่! หยุดนะคุณอัลบาลอร์ฟ!"

 

                     "ลอว์เรนซ์! ระวัง!"

 

ลอว์เรนซ์ผงะไปไม่ทันได้ตั้งตัว สิ่งที่ได้ยินมีเพียงแค่เสียงสุดท้ายจากไซม่อนและ...ใครบางคน ในวินาทีที่ดาบนั้นพุ่งเข้ามาใกล้จะถึงตัว..กลิ่นไอเวทย์จากแผ่นจารึกสีน้ำตาลก็พุ่งเข้ามาสกัดกั้นทางดาบเล่มนั้นเพื่อช่วยลอว์เรนซ์เอาไว้ เมื่อหันไปมองตามทิศทางที่คาดว่าน่าจะใช่ เขาก็พบว่ามีเด็กหนุ่มผู้หนึ่งยืนอยู่ข้างอาจารย์มิแรนด้า ในมือของเขาถือหนังสือที่เปิดหน้าค้างเอาไว้ ในมืออีกข้างมีประกายแสงแห่งเวทย์สีเดียวกัน

  

                     " เห้ยย! นั่นมันเจ้าคนพิลึกๆเมื่อกี้นี่!?"

 

ไซม่อนชะโงกหน้าออกไปดู ในหัวสมองเริ่มพอจะประมวลเหตุการณ์คร่าวๆได้แล้ว ที่แท้..เจ้าชิเรนั่นคงจะเป็นคนเอาเรื่องนี้ไปพูดคุยกับอาจารย์มิแรนด้าเพื่อให้เธอสั่งยุติการประลองงั้นสินะ ดีล่ะแปลว่าตอนนี้ได้โอกาสแล้ว! ในเมื่อหล่อนดื้อดึงขัดคำสั่งก็คงต้องสั่งสอนกันเสียให้รู้สำนึก

 

                    " ลอว์เรนซ์! เร็วเข้า!"

 

ในไม่กี่วินาทีดาบในมือของเด็กหนุ่มก็ถูกพาพุ่งไปพร้อมกับร่างอันปราดเปรียวคล่องแคล่ว เวทย์มนต์สีเงินถูกร่ายออกมาอีกครั้งแต่คราวนี้สร้างเป็นกับดักแห่งพันธนาการจากพลังของเขา โซ่แข็งกร้าวถูกโยงใยพันธนาการร่างของเจ้าหญิงไอริสที่ลืมตัวเสียสมาธิไปชั่วขณะเพราะแผ่นจารึกกำบังเวทย์ของชิเร ร่างของเธอหมุนคว้างก่อนจะถูกยึดตรึงจนไม่อาจจะขยับหนีไปไหนได้

  

                       "อึก...นี่...นาย!!"

 

เปาะ!

 

ทันทีที่สิ้นเสียงดีดนิ้วเปาะของลอว์เรนซ์ โซ่พันธนาการสีเงินนั่นก็แตกสลายหายไปเสียดื้อๆ...ทำให้ร่างของเด็กสาวร่วงหล่นลงมาจากเบื้องบน เธอลอยหวืดร่วงกราวลงมาพร้อมกับหลับตาปี๋รอรับแรงกระแทกที่กำลังจะตามมาเพราะดาบก็หลุดมือร่วงลงสู่พื้น และนิโคลก็ถูกหยุดการเคลื่อนไหวไว้โดยดานิเอล แต่ทว่า...กลับสัมผัสได้ถึงอะไรบางอย่างนิ่มๆไม่รู้สึกเจ็บปวดแม้แต่สักนิดเดียว...

    

                          "จะลืมตาได้รึยัง?"

 

เสียงคุ้นหูของเจ้าชายแห่งราลเดรูลน์เอ่ยให้ได้ยินใกล้ๆ เมื่อลืมตาขึ้นมา ไอริสก็พบว่าตัวเองตกอยู่ในอ้อมแขนแข็งแรงของลอว์เรนซ์...นั่นทำให้ใบหน้าขาวจัดของเด็กสาวแดงเรื่อด้วยความเคอะเขินในแบบที่ไม่เคยเป็น ก่อนจะรีบปรับเปลี่ยนสีหน้าเป็นปกติ เมื่ออีกฝ่ายค่อยๆพาเธอกลับมายืนอยู่ในสภาวะเดิมอีกครั้ง

  

                    " เธอสองคนไม่บาดเจ็บตรงไหนใช่ไหม!?"

 

                    "ไม่ค่ะ// ไม่ครับ"

 

เด็กทั้งสองกล่าวตอบพร้อมกัน ดาบที่เคยใช้สู้เมื่อครู่ได้หาบวับไปแล้ว ไอริสหันกลับมามองหน้าเจ้าชายผู้เย็นชาที่เหมือนจะเอาคืนเธอ แต่ในท้ายที่สุดเขาก็กลับไม่คิดแค้นและช่วยเธอเอาไว้อยู่ดี ครั้งนี้เธอคงแพ้แล้วจริงๆสินะเนี่ย...

    

                   "ตำแหน่งหัวหน้าเป็นของนายแล้วล่ะ ลอว์เรนซ์ เซอแลนเซียร์ เวสเบิร์ก "

 

 ไอริสเอ่ยออกไปด้วยวาจาที่ฉะฉานแน่วแน่ แต่คนตรงหน้ากลับยิ้มอ่อนเจ้าเล่ห์ออกมา

  

                   "คนที่ได้ตำแหน่งนี้ไปคือเธอต่างหากล่ะ เจ้าหญิงไอริส อัลบาลอร์ฟ "

  

                    " แต่ว่าฉันน่ะ...แพ้การ.."

  

                     " หากผมไม่ได้เวทย์ของเค้าคนนั้นช่วยไว้ล่ะก็คงแพ้หมดรูปแน่ๆ แล้วก็..จำไว้นะเจ้าหญิง...ว่าคนที่ใจอ่อนกับคู่แข่งในท้ายที่สุดหาใช่ผู้ชนะไม่... "

 

สิ้นสุดวลีเด็ดนั้นของลอว์เรนซ์ซึ่งมีความหมายเป็นนัยๆว่าเพราะตัวเขาเองเลือกจะช่วยเจ้าหญิงซึ่งเป็นคู่แข่งในท้ายที่สุดก็คงเท่ากับว่ายอมรับความพ่ายแพ้แล้ว นั่นทำให้เหล่านักเรียนชายต่างก็พากันปรบมือเกรียวกราวอย่างถูกอกถูกใจในถ้อยคำของเจ้าชายผู้สูงศักดิ์คนนี้ยิ่งนัก และในท้ายที่สุดเจ้าหญิงผู้อวดดีก็กลับกลายเป็นฝ่ายที่ต้องเงียบอย่างยอมแพ้ไม่อาจจะต่อล้อต่อเถียง ตำแหน่งหัวหน้าที่ได้มาแบบเริ่มจะไม่ค่อยเต็มใจนัก แต่อาจารย์มิแรนด้าก็ได้ขอประกาศอย่างเปนทางการแล้วว่า สรุปหัวหน้าห้องคือไอริส และลอว์เรนซ์คือรองหัวหน้า เธอจึงต้องยอมรับไปโดยปริยาย

 

 

 

 

 

 

 

 

-โปรดติดตามตอนต่อไป-

 

กลับหน้าหลัก ตอนก่อนหน้า ตอนถัดไป