Your Wishlist

ยอดนักแต่งหน้าทะลุมิติ (ตอนที่ 12 : ได้ลูกค้าเพิ่ม (edited))

Author: TealChair แปล

หลีโม่เมคอัพอาร์ติสสาวชั้นนำทะลุมิติเข้ามาอยู่ในร่างของสาวใช้ที่ถูกพ่อค้าทาสนำตัวมาขาย ณ หมู่บ้านชนบทในยุคโบราณ บุรุษที่ซื้อตัวนางมายากจนทั้งยังขาพิการ ยังมีเจ้าก้อนแป้งน้อยพ่วงด้วยอีกหนึ่ง เมื่อสวรรค์ให้โอกาสนางได้มีชีวิตอีกครั้ง นางจะต้องใช้ฝีมือและความสามารถที่มีในชาติก่อนหาเงินเพื่อให้ครอบครัวในชาตินี้ของตนมีชีวิตที่ดีขึ้นให้ได้!

จำนวนตอน : 92 ตอนจบ

ตอนที่ 12 : ได้ลูกค้าเพิ่ม (edited)

  • 23/09/2564

ตอนที่ 12 ได้ลูกค้าเพิ่ม

 

วันรุ่งขึ้นซ่งต้าซานใช้เวลาทั้งวันเพื่อรดน้ำในทุ่งนา เช้าในวันถัดไปเขาถึงได้พาหลีโม่ไปเก็บดอกไม้ที่ด้านหลังของภูเขา

 

ซ่งต้าซานแบกตะกร้าไว้บนหลัง และใช้ผ้าผืนยาวคล้องตัวเสี่ยวเป่าผูกติดไว้กับทางด้านหน้าของตน เสี่ยวเป่าจะได้ถูกอุ้มไว้กับตัวเขาตลอดเวลาในตอนที่เขาเก็บดอกไม้

 

หลีโม่เดินตามหลังมาพร้อมกับถือตะกร้าไว้ในมือ

 

แน่นอนว่าด้านหลังภูเขามีดอกเยว่จี้และจิ่นฮวาอยู่เต็มไปหมด หลีโม่เก็บดอกเยว่จี้ ส่วนซ่งต้าซานเก็บจิ่นฮวา ไม่นานดอกไม้ก็เต็มตะกร้า

 

เพื่อหลีกเลี่ยงคำถามจากคนในหมู่บ้าน หลีโม่และซ่งต้าซานเอาตะกร้าดอกไม้กลับไปเก็บที่บ้านก่อนที่จะไปบ้านท่านอาจางเพื่อรับตลับไม้

 

เดิมทีหลีโม่คิดไว้ว่าฝีมือช่างโบราณน่าจะทำตลับออกมาได้ไม่ดีนัก ทว่านางต้องแปลกใจกับผลลัพธ์ที่ออกมา ตลับไม้ฝีมือท่านอาจางเป็นงานที่ไม่หยาบเลย กลับดูประณีตมาก ไม้ถูกขัดจนเรียบเนียน เมื่อปิดฝาก็ประกบกันได้เรียบสนิทไม่มีช่องรอยโหว่ ยามที่เปิดฝาออกก็ไม่ติดขัด

 

นอกจากนี้ตัวฝายังทำตัวเกี่ยวนูนขนาดเล็ก เมื่อกดฝาลงเบา ๆ ตลับจะถูกปิดสนิทแน่นหนาโดยไม่ต้องกังวลว่าของด้านในจะหกออกมา

 

เมื่อมีตลับเช่นนี้แล้ว น้ำมันหอมของนางจะไม่ด้อยไปกว่าของผู้อื่นเลย ตรงกันข้าม มันกลายเป็นจุดเสริมให้มีคนอยากซื้อน้ำมันหอมของนางมากขึ้น

 

หลีโม่กล่าวขอบคุณท่านอาจางด้วยความจริงใจ พร้อมทั้งคิดในใจว่า ต่อไปวันหน้าหากต้องการจะทำอะไรอีกจะต้องให้ท่านอาจางผู้นี้เป็นผู้ทำให้

 

หลังได้ตลับไม้กลับมาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว หลีโม่จึงเริ่มต้นทำน้ำมันหอม

 

นางเด็ดกลีบดอกเยว่จี้ออกมาล้างน้ำก่อน  จากนั้นก็นำมาผสมกับจิ่นฮวาที่หั่นฝอยเป็นเส้นเล็กๆ เอาไว้แล้ว ใส่รวมลงไปในหม้อแล้วนึ่งด้วยไฟแรงจัด หลังผ่านไปครึ่งชั่วยาม*กลีบเยว่จี้และจิ่นฮวาจะอ่อนนิ่มจนเละ ใช้ตะเกียบคนให้เข้ากัน นึ่งต่ออีกหนึ่งเค่อ**ก็ปิดเตายกออกมาเทใส่อ่างน้ำไว้ จากนั้นเติมน้ำมันสำหรับผิวหน้าลงไปสองก้อนกวนให้เข้ากันแล้วใช้สากตำส่วนผสมในอ่างให้ละเอียดจนเละเหมือนโคลน เท่านี้ก็ได้เป็นน้ำมันหอมแล้ว สีที่ได้ออกมาจะเป็นชมพูจนเกือบแดง เป็นสีที่สวยมากจริง ๆ

*เวลาหนึ่งชั่วยาม เท่ากับ 2 ชั่วโมง / ครึ่งชั่วยามเท่ากับ 1 ชั่วโมง

**หนึ่งเค่อ เท่ากับ 15 นาที

 

หลีโม่แตะน้ำมันหอมขึ้นมาเล็กน้อย ทาเบาๆ ลงบนข้อมือของตนจนทั่ว บนข้อมือไม่ปรากฏเป็นรอยสีแดงให้เห็นแต่อย่างใด ราวกับไม่ได้ถูกทาด้วยสิ่งใดทั้งสิ้น มีเพียงแค่กลิ่นที่หอมลอยฟุ้งออกมา ต่อให้ไม่ได้อยู่ในระยะใกล้ก็ยังได้กลิ่น อีกทั้งกลิ่นยังติดทนไม่หายไปในระหว่างวัน ผลลัพธ์ที่ได้คล้ายคลึงกับของที่นางทำขึ้นในโลกปัจจุบัน โดยไม่จำเป็นต้องใช้ส่วนประกอบพิเศษใดๆ เลย

 

นางบรรจุน้ำมันหอมลงตลับไม้ที่เตรียมไว้ กดอัดจนแน่น จากนั้นก็รอให้มันเย็นลงสักครู่หนึ่ง

 

หลีโม่บรรจุน้ำมันหอมใส่ตลับจนครบ 3 ตลับ เสร็จแล้วจึงเดินไปบ้านท่านอาสะใภ้จ้าว

 

หลีโม่คิดเอาไว้แล้วว่านางจะให้น้ำมันหอม 3 ตลับนี้แก่บ้านอาสะใภ้จ้าว หากนางต้องการจะค้าขายน้ำมันหอม ควรต้องมีผู้ที่สามารถช่วยพูดกระจายข่าวเพื่อแนะนำสินค้าของตนให้ เรื่องนี้คนบ้านตระกูลจ้าวซึ่งมีความสัมพันธ์ที่ดีกับบ้านตนสามารถช่วยได้ นี่ไม่ได้เป็นเพียงการให้น้ำมันหอมแก่พวกเขาไปเท่านั้น แต่ยังสามารถให้พวกเขาช่วยพูดแนะนำสินค้าให้อีกด้วย

 

หลีโม่ไปถึงในตอนบ่าย บ้านตระกูลเพิ่งจะกินอาหารกันเสร็จและกำลังพักผ่อนกันอยู่

 

จ้าวฉินฮวาตาเป็นประกายเมื่อเห็นหลีโม่มาที่บ้าน นางรีบออกมาทักทาย “พี่สะใภ้หลีโม่ ไปไหนมาเจ้าคะ”

 

หลีโม่ยิ้มพลางดึงมือของนางไว้

 

ในตอนนี้ทุกคนในบ้านจ้าวต่างพากันออกมาทักทายนาง

 

อาสะใภ้จ้าวถามหลีโม่ทันทีว่า “หลีโม่ เจ้ามาหาอาสะใภ้ที่นี่มาเรื่องอันใดหรือ?”

 

หลีโม่พยักหน้ายิ้ม “ท่านอาสะใภ้ ข้ามีบางอย่างเจ้าค่ะ” ขณะที่กล่าว นางก็หยิบตลับน้ำมันหอมทั้ง 3 ตลับออกมาวางไว้บนโต๊ะ

 

ในเวลานี้ทุกคนเดินเข้ามาดูด้วยความสงสัย สายตามองไปที่ตลับไม้ขนาดเล็กที่ดูงดงามประณีตด้วยสายตาอยากรู้อยากเห็น

 

“น้องหลีโม่ นี่คืออะไรหรือ?” หยางหลันฮวาถามขึ้น

 

หลีโม่ยิ้ม “เป็นน้ำมันหอมที่ข้าเป็นคนทำขึ้นเจ้าค่ะ ข้าเอามาให้พวกท่านใช้”

 

ผู้หญิงในบ้านจ้าวได้ยินดังนั้นก็พากันประหลาดใจ “น้ำมันหอม? นี่คือน้ำมันหอมงั้นหรือ? นี่เป็นของดีนี่นา”

 

หลีโม่ยิ้มพลางเปิดฝาตลับหนึ่งในนั้นออก ใช้นิ้วแต้มน้ำมันหอมขึ้นมาพร้อมกับดึงมือของฉินฮวามาแล้วทามันลงบนข้อมือของนาง จากนั้นหลีโม่ก็ปิดฝาตลับ ถามทุกคนว่า “กลิ่นหอมหรือไม่?”

 

หลี่เสี่ยวเฟิงก้าวห่างออกไป 2 ก้าวจากตลับน้ำมันหอม แต่ยังสามารถได้กลิ่นของมัน กลิ่นหอมมากกว่าที่นางเคยได้กลิ่นจากร้านขายเครื่องแป้งเสียอีก นางก้าวเข้าไปหาฉินฮวาและพบว่ามีกลิ่นหอมจางๆ กรุ่นอยู่รอบตัวฉินฮวา นางรู้สึกประหลาดใจมาก “กลิ่นหอมแรงไกลดีจริง แต้มที่ข้อมือเพียงนิดเดียวเท่านั้น กลับได้กลิ่นหอมไปทั่วทั้งตัวเลย แถมยังเป็นกลิ่นที่หอมมากอีกด้วย น้องสาว เจ้าทำมันขึ้นมาเองจริงๆ หรือ?”

 

หลีโม่พยักหน้าพร้อมกับผลักตลับน้ำมันหอมทั้ง 3 ตลับไปตรงหน้าของพวกนาง “พี่สะใภ้ ข้าทำขึ้นมาเองจริงๆ เจ้าค่ะ ข้าไม่ได้หลอกพวกท่าน ข้าตั้งใจไว้ว่าจะขายของสิ่งนี้ ข้าเอามาให้พวกท่าน 3 ตลับ หากว่าใช้ดี พวกท่านช่วยแนะนำกับผู้อื่นให้ข้าด้วยนะเจ้าคะ”

 

หยางหลันฮวารู้สึกกระดากใจ “น้องหลีโม่ น้ำมันหอมพวกนี้ราคาแพงมาก เจ้าให้พวกข้ามาทีเดียวถึง 3 ตลับ อย่างนี้ไม่ดีหรอก ทำอย่างนี้ไม่ได้”

 

หลีโม่สั่นศีรษะ “พี่สะใภ้ ของพวกนี้ข้าทำขึ้นมาเอง ไม่ได้ใช้เงินอะไรมากมายนัก พวกท่านเอาไปใช้แล้วช่วยพูดแนะนำให้ข้า เท่านี้ข้าก็หาเงินได้แล้วเจ้าค่ะ”

 

ตอนนี้ฉินฮวาเอ่ยขึ้นอย่างกังวลว่า “พี่สะใภ้ น้ำมันหอมของท่านเป็นของดีก็จริง แต่น้ำมันหอมกมีราคาสูงมาก คนในหมู่บ้านเราอาจไม่เต็มใจซื้อมันมาใช้”

 

คนอื่นพากันเห็นด้วยกับฉินฮวา น้ำมันหอมเช่นนี้จะมีชาวบ้านในชนบทคนไหนเต็มใจจะซื้อมาใช้กันเล่า

 

หลีโม่จึงอธิบายว่า “ข้าจะไม่ขายราคาเดียวกันกับพวกร้านเครื่องแป้งในเมืองหรอกเจ้าค่ะ น้ำมันหอมนี้แม้จะใช้มันทุกวัน ตลับหนึ่งก็ใช้ได้นานถึง 3 เดือนทีเดียว ข้าจะขายเพียงแค่ตลับละ 5 อีแปะ คำนวณแล้วไม่ถึง 2 อีแปะต่อเดือนเท่านั้น เช่นนี้จะไม่มีผู้ใดซื้อมันเลยหรือเจ้าคะ?

 

“อะไรนะ? น้องสาว ตลับใหญ่ขนาดนี้เจ้าจะขายในราคาแค่ 5 อีแปะจริง ๆ น่ะหรือ? นี่มันถูกมากใช่ไหมเล่า? ที่ร้านเครื่องแป้งขายถูกที่สุดยังราคา 15 อีแปะเลยนะ” หลี่เสี่ยวเฟิงที่ยืนอยู่ข้างๆ เอ่ยขึ้นอย่างตกใจ

 

“5 อีแปะจริงๆ เจ้าค่ะ ข้าจะขายของให้กับพวกผู้หญิงในหมู่บ้าน ข้าไม่อยากจะหากำไรมากนัก แค่กำไรเล็กๆ น้อยๆ ต่อตลับเท่านั้น” หลีโม่ยืนยัน

 

“ของดีอย่างนี้ หากว่าขาย 5 อีแปะ จะต้องมีคนซื้อมันแน่” คราวนี้อาสะใภ้จ้าวเป็นผู้เอ่ยขึ้น

 

หลีโม่ยิ้ม “ท่านอาสะใภ้ พี่สะใภ้ทั้งสอง ฉินฮวา พวกท่านใช้แล้วช่วยข้าบอกต่อกับผู้อื่นด้วยนะเจ้าค่ะ หากว่ามีผู้ใดอยากได้ก็ให้มาซื้อกับข้า”

 

ทุกคนพยักหน้าตอบรับทันที

 

เดิมทีหลีโม่คิดว่าคงต้องใช้เวลาอีกสัก 2 -3 วันก่อนที่จะมีคนสนใจอยากซื้อน้ำมันหอมของนาง ทว่าในบ่ายวันนั้นเองฉินฮวาได้พาสาวน้อยผู้หนึ่งมาที่บ้าน

 

“พี่สะใภ้ นี่เถาจือเป็นน้องสาวที่สนิทสนมของข้าเอง นางอยากจะซื้อน้ำมันหอมของท่าน” ฉินฮวาแนะนำเด็กสาวที่ตามมาด้วยให้หลีโม่ได้รู้จัก

 

หลีโม่มองไปที่เด็กสาวแล้วเอ่ยอย่างยิ้มแย้มว่า “เข้ามาก่อน มานั่งคุยกัน”

 

เถาจือดูขี้อาย สีหน้านางแดงระเรื่อขึ้นเมื่อเห็นหลีโม่ นี่เป็นครั้งแรกที่นางได้เห็นคนที่งดงามมากเช่นนี้ นางจึงอดไม่ได้เอาแต่คอยแอบมองไปที่หลีโม่

 

หลีโม่จับสายตาแอบมองของเด็กสาวได้ก็รู้สึกขบขันอยู่ในใจ นางเดินไปที่ห้องครัวเพื่อรินน้ำมาให้คนทั้งสอง

 

“พี่สะใภ้ ไม่ต้องลำบากหรอกเจ้าค่ะ ข้ากับเถาจือแค่จะมาซื้อน้ำมันหอมกับท่าน” หลังกล่าวจบ ฉินฮวาก็รีบเอ่ยต่อทันทีว่า “วันนี้ข้าทาน้ำมันหอมของท่านออกไปหาเถาจือ เถาจือได้กลิ่นก็กล่าวว่าตัวข้าหอมมาก ฮ่าฮ่า” พูดจบฉินฮวาก็อดหัวเราะออกมาอย่างมีความสุขไม่ได้

 

เถาจือที่อยู่ข้างๆ ก็พยักหน้ารับพลางพูดขึ้นด้วยเสียงเล็กๆ ว่า “พี่สะใภ้ บนตัวของฉินฮวามีกลิ่นที่หอมมากจริง ๆ ข้าอยากซื้อน้ำมันหอมของท่านด้วยเจ้าค่ะ”

 

หลีโม่พยักหน้าพร้อมกับบอกให้พวกนางรอสักครู่ จากนั้นนางก็เดินเข้าไปหยิบของในห้องมาส่งให้กับเถาจือ “นี่น้ำมันหอม เจ้าอยากจะลองใช้เลยหรือไม่?”

 

เถาจือรู้สึกประทับใจมากที่หลีโม่ใส่ใจถามนางว่าอยากจะลองใช้ก่อนหรือไม่ นางรีบพยักหน้ารับอย่างขัดเขินทันที จากนั้นก็เปิดฝาตลับขึ้นอย่างทะนุถนอมราวกับเป็นของล้ำค่า และได้เห็นว่าน้ำมันหอมข้างในเป็นสีชมพูจนเกือบแดง ดูสวยงามมาก

 

เถาจือกระพริบตาพลางถามหลีโม่ด้วยน้ำเสียงอาย ๆ ว่า “พี่สะใภ้ มันใช้อย่างไรหรือเจ้าคะ?”

 

หลีโม่หยิบตลับและแต้มน้ำมันหอมขึ้นมาเพียงเล็กน้อย ก่อนที่จะจับแขนเถาจือมาแล้วทามันลงบนข้อมือ “เห็นไหม แต้มขึ้นมาแค่นิดเดียวเท่านั้น จากนั้นก็ทาลงบนข้อมือหรือที่ลำคอก็ได้ ทาแค่บางๆ กลิ่นก็อยู่ติดทนทั้งวันแล้ว ไม่ต้องทาเพิ่มอีก” 

 

เถาจือยกข้อมือของตนขึ้นมาดมใกล้ ๆ กลิ่นหอมมากจริง ๆ นางรู้สึกดีใจมาก รีบหยิบเงิน 5 อีแปะจากถุงเงินส่งให้หลีโม่ทันที “พี่สะใภ้ นี่เงินเจ้าค่ะ ของท่านขายถูกกว่าที่ร้านเครื่องแป้งมากนัก”

 

หลีโม่รับเงินมาอย่างไม่ลังเล “พี่สะใภ้จะรับเงินไว้ หากเจ้าใช้ดี ก็แนะนำต่อให้พี่สะใภ้ด้วยนะ”

 

เถาจือพยักหน้า “ราคาถูกเช่นนี้ ข้าจะต้องแนะนำให้ท่านแน่นอนเจ้าค่ะ”

 

ฉินฮวาที่อยู่ด้านข้างดึงแขนเสื้อของหลีโม่ พลางกะพริบตาพร้อมกับเอ่ยขึ้นอย่างมีจริตว่า “พี่สะใภ้ ข้าเล่าให้เถาจือฟังเรื่องที่ครั้งก่อนท่านแต่งหน้าให้กับข้า แต่นางไม่เชื่อข้าเจ้าค่ะ พี่สะใภ้ ท่านแต่งหน้าให้เถาจือหน่อยได้ไหมเจ้าคะ? นางกำลังจะแต่งงานเช่นกัน หากท่านแต่งหน้าให้นางออกมาดี นางจะได้ไม่ต้องไปจ้างหญิงแต่งตัวคนอื่นมาแต่งให้น่ะเจ้าค่ะ”

 

เถาจือกำลังจ้องหน้าหลีโม่ด้วยสายตาใคร่รู้และกระตือรือร้น

 

หลีโม่ยิ้ม ทำไมถึงจะไม่ได้เล่า? นี่เท่ากับเป็นการช่วยกระจายชื่อเสียงให้กับตนเองเช่นกัน นางเต็มใจอย่างยิ่ง

 

“เช่นนั้น เจ้าทั้งคู่รอสักประเดี๋ยว ข้าจะเข้าไปหยิบเครื่องแป้งมาก่อน” เมื่อกล่าวจบ นางก็เดินเข้าไปหยิบกล่องเครื่องแต่งหน้าในห้อง

 

หญิงสาวทั้งสองคนนั่งรอด้วยสีหน้าแดงเรื่ออย่างดีใจ

 

หลีโม่มองพิจารณาใบหน้าของเถาจืออย่างละเอียด  ผิวของนางหยาบกร้านไม่เรียบ ดวงตาค่อนข้างเล็ก ริมฝีปากหนานิดหน่อย นางจะต้องให้ความสำคัญในการปรับแต่งจุดเหล่านี้บนใบหน้า

 

หลังจากพิจารณาดูแล้ว หลีโม่ก็หยิบเครื่องแป้งขึ้นมา จากนั้นก็เคลื่อนไหวมืออย่างรวดเร็วบนใบหน้าของเถาจือ

 

ครั้งก่อนฉินฮวาไม่ได้เห็นกับตาว่าหลีโม่แต่งหน้าให้กับตนด้วยวิธีใด ถึงได้สามารถแต่งให้ตนดูงดงามนัก ในที่สุดครั้งนี้ตนก็มีโอกาสได้เห็นแล้ว แต่หลังจากที่ได้ดู นางก็รู้สึกเพียงว่าหลีโม่ช่างน่าอัศจรรย์ยิ่ง นางเฝ้าดูหลีโม่แต่งหน้าในแต่ละขั้นตอน ทว่ากลับไม่สามารถจดจำได้เลยว่าหลีโม่ทำอะไรหรือทำอย่างไรไปบ้าง เห็นแค่นางทาๆ ปาดๆ และระบายสีลงใบหน้า เพียงเท่านี้เถาจือก็เหมือนกลายเป็นอีกคนหนึ่งเมื่ออยู่ในมือของหลีโม่ หากไม่รู้มาก่อนว่าคนผู้นี้คือเถาจือ นางคงจะจำเถาจือไม่ได้แน่ เหตุใดเถาจือจึงได้ดูงดงามนัก?

 

ที่นางเห็นคือผิวหน้าที่เคยดูหยาบกร้านขรุขระของเถาจือหายไป ตอนนี้ใบหน้าของเถาจือเรียบเนียนขาว ดวงตากลมโตมีพลัง แม้แต่ริมฝีปากที่ก่อนหน้านี้ดูหนาเกินไป ตอนนี้ริมฝีปากเป็นสีชมพูบางนุ่ม ทำให้ผู้คนอยากจะเอื้อมมือไปสัมผัสเล่นดูว่าจะรู้สึกอ่อนนุ่มเพียงใด เมื่อรวมเข้ากับผมมวยพู่ระย้า(1) ที่หลีโม่เกล้าให้แล้ว เถาจือในตอนนี้ดูงดงามยิ่งกว่าบรรดาคุณหนูที่อยู่ในเมืองเสียอีก

 

“เถาจือ เจ้าไม่รู้หรอกว่าตอนนี้เจ้าดูงดงามมากขนาดไหน” กล่าวจบแล้วฉินฮวาก็รีบหยิบกระจกขึ้นมาถือไว้ตรงหน้าเถาจือเพื่อให้นางได้เห็นตัวเอง สีหน้าท่าทางของเถาจือในตอนนี้ทำให้ฉินฮวารู้ว่าตนเองมีสีหน้าท่าทางอย่างไรในเวลานั้น นางคงจะดูโง่งมเหมือนกันกับเถาจือเป็นแน่

 

ฉินฮวายิ้มพลางแกล้งผลักตัวเถาจือ “เถาจือ โง่งมไปเลยหรือ? ไม่ใช่ว่าดูดีมากหรอกหรือ?”

 

เถาจือพยักหน้าอย่างเหม่อลอยพลางพึมพำว่า “นี่คือตัวข้าหรือ? เหตุใดถึงได้ดูงามนัก?”

 

ฉินฮวายิ้มแล้วบีบแก้มของเถาจือ “ตื่นได้แล้ว นี่เป็นเจ้าจริงๆ”

 

เถาจือที่ถูกบีบแก้มร้อง “ไอ๊หยา” ออกมา จากนั้นก็ตอบโต้ด้วยการตีฉินฮวากลับทันที “น่ารำคาญนัก อย่ามาบีบหน้าของข้านะ หากแป้งที่แต่งหน้าเอาไว้หลุดออกไปแล้วข้าจะทำอย่างไร!”

 

ฉินฮวาหัวเราะขำนาง “คนหลงตัวเอง!”

 

เถาจือไม่ใส่ใจ “แล้วเจ้าไม่เป็นหรือไง เจ้าเป็นมากกว่าข้าเสียอีก”

 

หลีโม่มองดูเด็กสาวทั้ง 2 ตีกันแล้วก็ทอดถอนใจอยู่ภายใน ทั้งคู่ยังเด็กนัก ทว่ากำลังจะแต่งงานไปเสียแล้ว ในยุคโบราณอย่างนี้พวกเขาแต่งงานกันเร็วเสียจริงๆ

 

ตอนนี้ทั้งคู่หยุดโต้เถียงกันแล้ว เถาจือที่ดวงตาเป็นประกายเอื้อมมือมาจับมือของหลีโม่ไว้ “พี่หลีโม่ ท่านแต่งหน้าได้งดงามยิ่งนัก วันที่ข้าแต่งงานท่านต้องไปช่วยแต่งหน้าให้กับข้าด้วยนะเจ้าค่ะ ข้าจะกลับบ้านไปให้ท่านแม่ข้าดูว่าตอนนี้ใบหน้าข้าเป็นอย่างไร” พอกล่าวจบ นางก็รอต่อไปไม่ไหวรีบวิ่งกลับบ้านไปทันที

 

ฉินฮวาได้แต่พึมพำตามหลัง “นางช่างวิ่งได้รวดเร็วยิ่งนัก”

................................................................

  

(1) ผมทรงพู่ระย้า 流苏髻

Credit ภาพ: https://kknews.cc/zh-my/history/gzgn5vm.html

ทุกวัน
กลับหน้าหลัก ตอนก่อนหน้า